กรุงเทพฯ 4 มิ.ย. – กรมควบคุมมลพิษเผยผลตรวจตะกอนดินแม่น้ำกกและลำน้ำสาขารอบเดือน มี.ค.–เม.ย. พบสารหนู ตะกั่ว และโลหะหนักหลายชนิดเกินระดับมาตรฐานในระดับที่ไม่ปลอดภัยต่อสัตว์หน้าดิน ห่วงหากบริโภคปลาจากจุดเสี่ยง อาจกระทบสุขภาพระยะยาว
กรมควบคุมมลพิษ (คพ.) กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เผยผลการตรวจวัดตะกอนดินในแม่น้ำกก ลำน้ำสาขา และแม่น้ำโขงในช่วงเดือนมีนาคม–เมษายน 2568 รวม 2 รอบการตรวจ พบว่า สารหนู ตะกั่ว และโลหะหนักหลายชนิดมีค่าเกินระดับมาตรฐานที่ไม่ปลอดภัยต่อสัตว์หน้าดิน โดยเฉพาะแม่น้ำกกช่วงต้นน้ำใกล้พรมแดนไทย–เมียนมา และช่วงสะพานเฉลิมพระเกียรติ 1 ในเขตเมืองเชียงราย
จุดเสี่ยงสำคัญที่พบสารหนูเกินระดับมาตรฐาน และอาจกระทบต่อสุขภาพหากบริโภคปลาเป็นประจำ ได้แก่
- ต.ท่าตอน อ.แม่อาย จ.เชียงใหม่ (KK01)
- บ้านแม่สลัก (KK03)
- บ้านจะเด้อ (KK04)
- สะพานเฉลิมพระเกียรติ 1 อ.เมืองเชียงราย (KK09)
ด้านท้ายน้ำ เช่น บริเวณสะพานโยนกนาคนคร (KK12) และ ต.บ้านแซว อ.เชียงแสน (KK15) พบค่าสารหนูต่ำกว่ามาตรฐาน
ในส่วนของตะกั่ว พบเกินค่ามาตรฐานเพื่อปกป้องสัตว์หน้าดินในหลายจุด เช่น KK03, KK04 และ KK09 แต่ยังไม่ส่งผลกระทบต่อสุขภาพมนุษย์โดยตรง
ขณะเดียวกัน ลำน้ำสาขา ได้แก่ แม่น้ำฝาง แม่น้ำกรณ์ แม่น้ำลาว และแม่น้ำสรวย ก็พบค่านิกเกิล สารหนู และโครเมียม เกินระดับมาตรฐานในบางจุด โดยเฉพาะแม่น้ำกรณ์ (KO01) ที่พบโลหะหนักหลากชนิด
สำหรับแม่น้ำโขงช่วง อ.เชียงแสน (NK01–NK02) ก็พบสารหนูเกินค่ามาตรฐาน โดยสันนิษฐานว่า ได้รับอิทธิพลจากแม่น้ำสายที่ปนเปื้อนและไหลบรรจบลงโขง
คพ. ประเมินว่า น้ำที่ไหลผ่านฝายเชียงรายมีการลดความเร็วลง ทำให้ตะกอนที่ปนเปื้อนสารหนูและโลหะหนักตกตะกอนได้มากขึ้น จึงพบค่าสารหนูลดลงหลังจากผ่านฝาย
อย่างไรก็ตาม ยังไม่มีข้อมูลแนวโน้มระยะยาว เพราะเพิ่งตรวจวัด 2 รอบ และไม่มีฐานข้อมูลเดิม คพ. จะดำเนินการตรวจสอบอย่างต่อเนื่อง และอยู่ระหว่างการวิเคราะห์โครงสร้างของสารหนูเพื่อวางแนวทางจัดการในอนาคต
ทั้งนี้ คพ. ห่วงสุขภาพชาวบ้าน หากบริโภคปลาจากจุดที่พบสารหนูและโลหะหนักเกินมาตรฐานที่ไม่ปลอดภัยต่อสัตว์หน้าดิน แม้ผลกระทบต่อสุขภาพอาจไม่เกิดขึ้นในทันที แต่หากสะสมจากการบริโภคซ้ำ ๆ อาจก่ออันตรายในระยะยาว
ขณะที่ นายเฉลิมชัย ศรีอ่อน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ได้สั่งการให้ปลัดกระทรวงฯ นายจตุพร บุรุษพัฒน์ เรียกประชุมด่วนในวันที่ 4 มิถุนายนนี้ เพื่อติดตามสถานการณ์และเร่งรัดการแก้ไขปัญหา โดยเฉพาะมาตรการเฝ้าระวังในประเทศและการลดผลกระทบด้วยการสร้างระบบดักตะกอน เนื่องจากแนวทางการประสานความร่วมมือระหว่างประเทศเพื่อจัดการกับต้นตอของปัญหาอย่างยั่งยืนเป็นกระบวนการที่ต้องใช้เวลา.512 – สำนักข่าวไทย