สหรัฐอาจต้องเผชิญกับแรงกดดันในประเทศ หากถอนตัวจากข้อตกลงปารีส

กรุงเทพฯ 21 ม.ค. – ผู้อำนวยการสถาบันสิ่งแวดล้อมไทย เผยนโยบายของประธานาธิบดีทรัมป์ที่จะให้สหรัฐอเมริกาถอนตัวจากข้อตกลงปารีส อาจต้องเผชิญกับแรงกดดันภายในประเทศจากหลายภาคส่วนที่เห็นถึงความสำคัญของความร่วมมือด้านสิ่งแวดล้อมโลกเพื่อลดผลกระทบจากการปล่อยก๊าซเรือนกระจก โดยสหรัฐอเมริกาเองก็ไม่อาจหลีกเลี่ยงจากภัยพิบัติทางธรรมชาติจากภาวะโลกเดือด


ดร.วิจารย์ สิมาฉายา ผู้อำนวยการสถาบันสิ่งแวดล้อมไทย เปิดเผยถึงผลกระทบจากนโยบายของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ที่มีแผนให้สหรัฐอเมริกาถอนตัวจากข้อตกลงปารีส โดยระบุว่าการตัดสินใจดังกล่าวอาจส่งผลกระทบต่อความพยายามของนานาชาติในการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกและควบคุมภาวะโลกร้อนให้อยู่ในระดับที่ไม่เกิน 1.5 องศาเซลเซียส เมื่อเทียบกับระดับก่อนยุคปฏิวัติอุตสาหกรรม

ทั้งนี้ สหรัฐเป็นประเทศที่ปล่อยก๊าซเรือนกระจกมากเป็นอันดับ 2 ของโลก รองจากจีน โดยจีนปล่อยก๊าซคิดเป็น 26% ของปริมาณทั้งหมด ขณะที่สหรัฐปล่อยอยู่ที่ 13% การถอนตัวจากข้อตกลงของสหรัฐจะส่งผลให้การบรรลุเป้าหมายลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกของโลกเป็นไปได้ยากขึ้น อย่างไรก็ตาม ประเทศอื่นๆ ทั่วโลก โดยเฉพาะสหภาพยุโรปซึ่งมีการปล่อยก๊าซเรือนกระจกเพียง 7.5% ยังคงมุ่งมั่นเดินหน้าลดการปล่อยก๊าซตามเป้าหมายของข้อตกลงปารีสต่อไป


ดร.วิจารย์ ยังแสดงความกังวลต่อท่าทีของสหรัฐฯ ที่อาจกลับไปใช้นโยบายส่งเสริมพลังงานจากฟอสซิล เช่น การขุดเจาะน้ำมันและก๊าซธรรมชาติ ซึ่งขัดแย้งกับแนวทางของประเทศพัฒนาแล้วที่กำหนดเป้าหมายลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกเป็นศูนย์ภายในปี 2050 นโยบายดังกล่าวจึงส่งผลต่อทิศทางความร่วมมือระหว่างประเทศ

ทั้งนี้ เชื่อว่า นโยบายดังกล่าวของทรัมป์ จะมีแรงกดดันจากประชาชน นักวิทยาศาสตร์ และกลุ่มสิ่งแวดล้อมภายในประเทศยังคงมีบทบาทสำคัญในการผลักดันการลดผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อมจากภาวะโลกเดือดเนื่องจากภัยพิบัติทางธรรมชาติเช่น น้ำท่วม ภัยแล้ง ส่งผลกระทบต่อทุกประเทศทั่วโลก รวมถึงสหรัฐฯ ด้วย โดยจะทวีความรุนแรงขึ้น หากไม่มีมาตรการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกอย่างจริงจัง ดังนั้นโลกกำลังจับตาดูท่าทีของสหรัฐฯ ว่าจะดำเนินการอย่างไรต่อไปเนื่องจากแรงกดดันภายในประเทศอาจนำไปสู่การเปลี่ยนแปลงท่าที หรือการดำเนินการบางอย่างเพื่อรับผิดชอบต่อสิ่งแวดล้อม. -512 – สำนักข่าวไทย


ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

จำคุกเอกราช

ศาลสั่งจำคุก 5 ปี 93 เดือน “เอกราช” สส.ภูมิใจไทย

ศาลจังหวัดขอนแก่น พิพากษาจำคุก 5 ปี 93 เดือน นายเอกราช ช่างเหลา สส.ขอนแก่น เขต 4 พรรคภูมิใจไทย พร้อมสั่งชดใช้เงินกว่า 405 ล้านบาท คดียักยอกเงินสหกรณ์ออมทรัพย์ครูขอนแก่น 1,275 ล้านบาท

ลูกนายกเบี้ยว

“อนุทิน” ลั่นต้องดำเนินคดี “ลูกชายนายกเบี้ยว”

“อนุทิน” ลั่นไม่มีใครใหญ่กว่าผม ต้องดำเนินคดี “ลูกชายนายกเบี้ยว” ฮึ่มเป็นลูกใครทำผิดกฎหมายก็โดน ถามใหญ่กว่าผมไหม ถ้าไม่ใช่ก็โดนหมด

สลด แม่คลอดลูกเสร็จ ไปเล่นสงกรานต์ต่อ ปล่อยเด็กตาย

สลด สาววัย 27 ปี คลอดลูกทิ้งไว้ข้างกระถางต้นไม้ แล้วไปเล่นน้ำสงกรานต์ต่อ นานกว่า 1 ชม. มีคนแจ้งกู้ภัย พยายามปั๊มหัวใจ แต่ช่วยเด็กไม่ทัน

ผู้ป่วยแจ้งกู้ภัยเข้ามาช่วย แต่บอกบ้านเลขที่ผิด สุดท้ายเสียชีวิต

สลด หญิงวัย 54 ปี หายใจไม่ออกโทรแจ้งกู้ภัยให้เข้ามาช่วยพาส่งโรงพยาบาล แต่ปรากฏว่าแจ้งบ้านเลขที่ผิด เจ้าหน้าที่หลงทาง สุดท้ายไปไม่ทัน เสียชีวิตอยู่ข้างแม่ที่เป็นผู้ป่วยติดเตียง พบทั้งบ้านมีกองขยะสูงเท่าหลังคา

ข่าวแนะนำ

“ชัชชาติ” รับหลักฐานบางส่วนเสียหาย อาจตรวจสอบคุณภาพยาก

“ชัชชาติ” นำทีม กทม. พบ นายกฯ รายงานคืบหน้ากู้ซากอาคาร สตง. ถล่ม ย้ำ รัฐ-เอกชน ให้ความร่วมมือเป็นอย่างดี ไม่ขาดเหลือด้านใด เผย นายกฯ ติดตามเรื่องนี้ต่อเนื่อง พร้อมให้ความร่วมมือตำรวจเก็บหลักฐาน แนะ ไปหน้างานประสานเจ้าหน้าที่เก็บหลักฐานได้เลย ยอมรับ หลักฐานบางส่วนพังเสียหาย อาจตรวจสอบคุณภาพยาก

ปิดเขาล้อมจับมือปืนลำดับ 93 หนีคดี 10 ปี

ปฏิบัติการบุกขึ้นเขาปิดล้อม จับกุมมือปืนคนสำคัญ ลำดับ 93 ค่าหัว 1 แสนบาท ก่อเหตุอุกอาจหนีคดีมา 10 ปี แต่สุดท้ายไม่รอดมือตำรวจ

“อันวาร์” โพสต์ภาพคุย “ทักษิณ” พร้อมคณะ สร้างสันติภาพเมียนมา

“อันวาร์” ประธานอาเซียน โพสต์ภาพคุย “ทักษิณ” พร้อมคณะ แลกเปลี่ยนการสร้างสันติภาพในเมียนมา ก่อนประชุมทางไกลหารือ NUG

ตึกถล่ม

นายกฯ เผยตำรวจรวบรวมหลักฐานแล้ว ตึก สตง.ถล่ม จ่อหมายจับเร็วๆ นี้

นายกฯ ถก ผบ.ตร.-อธิบดีดีเอสไอ คืบหน้าคดีอาคาร สตง. ถล่ม ระบุตำรวจรวบรวมพยานหลักฐานแล้ว เตรียมออกหมายจับเร็วๆ นี้ ย้ำต้องมีผู้รับผิดชอบ กระทุ้งหน่วยงานให้ความร่วมมือส่งข้อมูล-เอกสาร เพื่อหารายละเอียดเอาผิด ย้ำรับไม่ได้สูญเสียหลายชีวิต