กรุงเทพฯ 12 มิ.ย. – กรมทรัพยากรธรณีเผยไทยมีแร่ 40 ชนิด ครอบคลุมพื้นที่ประมาณ 60 ล้านไร่ ปริมาณแร่ 30 ล้านล้านตัน ถือว่ามีวัตุดิบต้นน้ำสำหรับภาคอุตสาหกรรมสมบูรณ์ เอกชนสามารถสำรวจปริมาณแร่สำรองเพื่อวางแผนการผลิตสินแร่
นายเถลิงศักดิ์ เพ็ชรสุวรรณ รองปลัดกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ในฐานะโฆษกกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เป็นประธานการแถลงข่าวเปิดกรุสมบัติทรัพยากรแร่ของประเทศไทย” โดยมีนายพิชิต สมบัติมาก อธิบดีกรมทรัพยากรธรณีร่วมให้ข้อมูลด้วย
นายเถลิงศักดิ์ กล่าวว่า จากข้อมูลของกรมทรัพยากรธรณีสำรวจพบว่า ประเทศไทยมีความอุดมสมบูรณ์ด้านทรัพยากรแร่ โดยพบมากถึง 40 ชนิด ครอบคลุมพื้นที่ประมาณ 60 ล้านไร่ หรือร้อยละ 19 ของพื้นที่ประเทศ มีปริมาณทรัพยากรแร่ 30 ล้านล้านตัน คิดเป็นมูลค่าเบื้องต้น 44,410 ล้านล้านบาท ซึ่งแร่เหล่านี้จะเป็นแหล่งสำรองเพื่อความมั่นคงทางวัตถุดิบของประเทศ ทั้งนี้ ปริมาณทรัพยากรแร่เป็นตัวเลขเบื้องต้นที่พิจารณาเฉพาะข้อมูลธรณีวิทยาเท่านั้น เพื่อให้รู้ว่าประเทศไทยมีปริมาณแร่เท่าไรหากภาคเอกชนลงทุนเพื่อสำรวจรายละเอียดในพื้นที่ศักยภาพแร่ที่กรมทรัพยากรธรณีกำหนด จะได้ตัวเลขของปริมาณแร่สำรอง ซึ่งนำไปใช้ในการวางแผนการผลิตสินแร่ต่อไป
อธิบดีกรมทรัพยากรธรณี กล่าวว่า กรุสมบัติดังกล่าวนี้นับเป็นวัตถุดิบต้นน้ำที่นำไปสู่การพัฒนาต่างๆ ทั้งอุตสาหกรรมต้นน้ำ กลางน้ำ และปลายน้ำ ไม่ว่าจะเป็นหินอุตสาหกรรมที่นำมาใช้ในการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานต่าง ๆ แร่เพื่อการเกษตร เช่น แร่โพแทชสำหรับเป็นวัตถุดิบตั้งต้นในการผลิตปุ๋ย โดโลไมต์และเพอร์ไลต์สำหรับปรับสภาพดิน ดินมาร์ลสำหรับแก้ปัญหาดินเค็ม หรือแม้กระทั่งแร่ที่มีบทบาทสำคัญในการเปลี่ยนผ่านสู่อนาคตสังคมคาร์บอนต่ำเช่น ธาตุหายาก ลิเทียม ควอตซ์ เพื่อใช้ในการผลิตชิ้นส่วนต่างๆ เช่น กังหันลม แผงเซลล์แสงอาทิตย์ ยานพาหนะไฟฟ้าและแบตเตอรี่กักเก็บ
จากผลการสำรวจของกรมทรัพยากรธรณีพบแหล่งศักยภาพโพแทชที่น่าสนใจ 10 แหล่ง ในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ มีปริมาณทรัพยากรแร่โพแทชอย่างน้อย 10,000 ล้านตัน มูลค่าแร่ประมาณ 161 ล้านล้านบาท พบแหล่งศักยภาพธาตุหายาก 30 แหล่ง เนื้อที่ประมาณ 10 ล้านไร่ ใน 9 จังหวัดมีปริมาณทรัพยากรธาตุหายาก รวมประมาณ 7 ล้านตันโลหะ คิดเป็นมูลค่าประมาณ 4.40 ล้านล้านบาท หากมีการส่งเสริม สนับสนุน และผลักดันให้เกิดการแปรรูปวัตถุดิบแร่ไปจนถึงอุตสาหกรรมปลายน้ำหรือมีอุตสาหกรรมต่อเนื่องจะเป็นการสร้างโอกาสในการเพิ่มมูลค่าและต่อยอดการผลิตได้เช่น แร่โมนาไซต์มีราคาเฉลี่ยประมาณ 127,000 บาท/ตัน (ณ ปี พ.ศ. 2567) จะมีมูลค่าเพิ่มขึ้นไม่น้อยกว่า 15 เท่า หากนำไปสกัดแยกออกเป็นสารประกอบธาตุหายากออกไซด์ และจะมีมูลค่าเพิ่มขึ้นไม่น้อยกว่า 23 เท่า เมื่อนำไปถลุงเป็นโลหะธาตุหายาก (ประเมินเบื้องต้นจากการเฉลี่ยราคาฐาน ณ ปี พ.ศ. 2562 ของโลหะธาตุหายากและสารประกอบธาตุหายากออกไซด์แต่ละชนิด) หรือการผลิตแบตเตอรี่โซเดียมไอออนจากเกลือหินซึ่งเป็นแร่รองที่ได้จากการทำเหมืองแร่โพแทชที่สามารถนำมาต่อยอดโรงงานแบตเตอรี่รถยนต์ไฟฟ้าได้
กรมทรัพยากรธรณีมีหน้าที่ในการผลักดันกิจกรรมเหมืองแร่ตามหลักธรรมาภิบาลและเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ซึ่งเป็นกิจกรรมของคณะกรรมการนโยบายบริหารจัดการแร่แห่งชาติ เพื่อให้ผู้ประกอบการเหมืองแร่และกิจการที่เกี่ยวข้องดำเนินกิจการสูงกว่ามาตรฐานที่กฎหมายกำหนด และสามารถอยู่ร่วมกับชุมชนและท้องถิ่นได้อย่างผาสุก
นอกจากนี้จะขับเคลื่อนการบริหารจัดการแร่ของประเทศ โดยการกำหนดพื้นที่สงวน พื้นที่อนุรักษ์และพื้นที่พัฒนาทรัพยากรแร่เพื่อให้มีการนำทรัพยากรแร่มาใช้ให้เกิดประโยชน์และมีความคุ้มค่าสูงสุด เสริมสร้างการตระหนักรู้และส่งเสริมการมีส่วนร่วมแก่ทุกภาคส่วนเพื่อสร้างความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับทรัพยากรแร่ให้ถูกต้อง. -512 - สำนักข่าวไทย