รมว.ทส. หนุนงบจัดตั้งชุดเฝ้าระวังช้างป่าและช่วยเหลือประชาชนเพิ่มเติม

กรุงเทพฯ 20 ก.ย.- กรมอุทยานฯ เดินหน้านโยบายของ รมว.ทส. สนับสนุนงบประมาณจัดตั้งชุดเฝ้าระวังช้างป่าและช่วยเหลือประชาชน 8 อุทยานแห่งชาติ​ 5​ เขตรักษา​พันธุ์​สัตว์ป่า​


นายอรรถพล เจริญชันษา อธิบดีกรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง รักษาราชการแทนอธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่าและพันธุ์พืช เปิดเผยว่า ได้รับข้อสั่งการจาก พล.ต.อ. พัชรวาท วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมรองนายกรัฐมนตรี ให้กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช เร่งรัดแก้ไขปัญหาช้างป่าออกนอกพื้นที่อนุรักษ์ เพื่อเป็นการขานรับนโยบายดังกล่าว จึงมอบหมายให้ นายชัยวัฒน์ ลิ้มลิขิตอักษร ผู้อำนวยการสำนักอุทยานแห่งชาติ ดำเนินการจัดประชุมคณะกรรมการพิจารณาการใช้จ่ายเงินอุทยานแห่งชาติ เพื่อพิจารณาและให้การสนับสนุนจัดตั้งชุดเฝ้าระวังและผลักดันช้างป่า

ล่าสุดนายชัยวัฒน์ ลิ้มลิขิตอักษร ผู้อำนวยการสำนักอุทยานแห่งชาติแจ้งว่า คณะกรรมการเงินอุทยานแห่งชาติ ได้อนุมัติใช้เงินอุทยานแห่งชาติ ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2567 เพื่อสนับสนุนเพิ่มการจ้างชุดเจ้าหน้าที่เฝ้าระวังช้างป่าออกนอกพื้นที่อนุรักษ์ ประจำในจุดเสี่ยงที่ช้างป่าออกนอกพื้นที่อนุรักษ์ ที่กำลังเกิดผลกระทบกับชาวบ้านรอบพื้นที่อนุรักษ์อย่างรุนแรง ในอุทยานแห่งชาติ จำนวน 8 แห่ง ได้แก่ อุทยานแห่งชาติเขาชะเมา-เขาวง จ.ระยอง อุทยานแห่งชาติเขาคิชฌกูฏ จ.จันทบุรี  อุทยานแห่งชาติเขาสิบห้าชั้น จ.จันทบุรี  อุทยานแห่งชาติน้ำตกคลองแก้ว จ.ตราด อุทยานแห่งชาติบางลาง จ.ยะลา อุทยานแห่งชาติภูกระดึง จ.เลย อุทยานแห่งชาติภูเรือ จ.เลย และ อุทยานแห่งชาติภูผาม่าน จ.ขอนแก่น


ทั้งนี้พื้นที่ทั้ง 8 แห่ง ได้ประสบปัญหาช้างป่าออกนอกพื้นที่ป่าอนุรักษ์จำนวนมาก ก่อให้เกิดปัญหาการสูญเสียทั้งชีวิตและทรัพย์สินแก่ราษฎรโดยรอบ ซึ่งกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช เล็งเห็นถึงปัญหาและตระหนัก ถึงผลกระทบที่เกิดขึ้นมาโดยตลอด กรมอุทยานแห่งชาติฯ จึงได้สนับสนุนเงินรายได้อุทยานแห่งชาติ เพื่อจัดตั้งชุดเคลื่อนที่เร็วเฝ้าระวัง ผลักดันช้างป่าและแก้ไขปัญหาช้างป่าออกนอกพื้นที่อนุรักษ์ และเครือข่ายเฝ้าระวังช้างป่าและสัตว์ป่าออกนอกพื้นที่อนุรักษ์ ทั้งหมด 16 ชุด ชุดละ 5 นาย รวมเป็นเงินทั้งสิ้น 12,016,000 บาท โดยย้ำให้การปฏิบัติงานต้องเป็นไปตามแผนการจัดการช้างป่า ให้เกิดอย่างมีประสิทธิภาพและประสิทธิผลร่วมกัน

นายเผด็จ ลายทอง ผู้อำนวยการสำนักอนุรักษ์สัตว์ป่ากล่าวว่า ต้นเดือนกันยายนที่ผ่านมา กรมอุทยานฯได้อนุมัติให้ใช้เงินรายได้อนุรักษ์สัตว์ป่าเพื่อตั้งชุดเคลื่อนที่เร็วเฝ้าระวังและผลักดันช้างป่า​ของเขตรักษาพันธุ์​สัตว์ป่า​ที่ประสบปัญหาช้างป่ารบกวนประชาชนรุนแรง​ พร้อมค่าน้ำมันเชื้อเพลิง จำนวน​ 5 แห่ง​ ประกอบด้วย​ เขตรักษา​พันธุ์​สัตว์ป่า​เขาอ่างฤๅไน​ จ.ฉะเชิงเทรา​ จ.สระแก้ว​ จ.จันทบุรี​ จ.ระยอง​ จ.ชลบุรี​ เขตรักษา​พันธุ์​สัตว์ป่า​เขตสอยดาว​ จ.จันทบุรี​ เขตรักษาพันธุ์​สัตว์ป่า​ทุ่งระยะ-นาสัก​ จ.ระนอง​ เขตรักษา​พันธุ์​สัตว์ป่า​ภูหลวง​ จ.เลย​ เขตรักษาพันธุ์​สัตว์ป่า​ภูค้อ-ภูกระแต ​จ.เลย​ รวมเป็นเงิน​ 3,920,000 บาท

สำหรับเจ้าหน้าที่ชุดเคลื่อนที่เร็วเฝ้าระวัง ผลักดันช้างป่าและแก้ไขปัญหาช้างป่าออกนอกพื้นที่อนุรักษ์ และเครือข่ายเฝ้าระวังช้างป่าและสัตว์ป่าออกนอกพื้นที่อนุรักษ์ ถือเป็นด่านแรกในการทำหน้าที่ ติดตาม เฝ้าระวัง ผลักดันช้างป่าที่ออกนอกพื้นที่ป่าอนุรักษ์และต้อนกลับคืนสู่ป่าอนุรักษ์ดังเดิม แจ้งเตือนเหตุแก่ประชาชนในพื้นที่ที่ช้างป่าจะเคลื่อนผ่าน รวมถึงราษฎรที่ได้รับผลกระทบ เพื่อป้องกันอันตราย ลดความสูญเสียทั้งชีวิตและทรัพย์สิน และปฏิบัติการกู้ภัยให้ความช่วยเหลือแก่ราษฎรที่ประสบเหตุช้างป่าทั้งในและนอกพื้นที่ป่าอนุรักษ์ เพื่อบรรเทาความเดือนร้อนให้กับประชาชนที่อาศัยอยู่แนวเขตป่าที่ได้รับผลกระทบจากช้างป่า สัตว์ป่าออกมารวบกวน เกิดความเสียหายในชีวิตทรัพย์สิน และเป็นการลดช่องว่างระหว่างกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช กับพี่น้องประชาชนให้หันหน้าเข้ามาช่วยกันทำงานให้มีความใกล้ชิดมากยิ่งขึ้น


นอกจากนี้​รมว. ทส. ได้สั่งเร่งขับเคลื่อนให้มีการจัดประชุมคณะกรรมการอนุรักษ์​และ​จัดการช้างป่า​ เพื่อเสนอแผนปฏิบัติการแก้ไขปัญหาช้างป่าในภาพรวมทั้งประเทศให้เป็นวาระแห่งชาติ​ และขอรับการสนับสนุนงบกลางรายจ่ายฉุกเฉินของรัฐบาล​ เพื่อขยายการแก้ไขปัญหาช้างป่าให้ครอบคลุม​ทุกพื้นที่ทั้งประเทศอย่างเป็นรูปธรรมต่อไป.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

“บิ๊กเต่า” ชี้พิรุธหมอดูชื่อดังเปิดใช้ชื่อวัดรับบริจาค แต่วัดเบิกไม่ได้

บช.ก. 6 ส.ค. – “บิ๊กเต่า” ชี้พิรุธหมอดูชื่อดัง เปิดรับบริจาค ใช้บัญชีชื่อวัด แต่หมอดูเบิกได้คนเดียว ตามกฎหมายทำไม่ได้ ต้องนำบัญชีมาตรวจสอบเส้นเงิน พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รองผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (รอง ผบช.ก.) เปิดเผยถึงกรณีที่มีหมอดูชื่อดังได้เปิดรับบริจาคเงินโดยใช้บัญชี ชื่อวัดพระบาทน้ำพุ แต่คนที่สามารถถอนเงินออกจากบัญชีได้คือหมอดูคนดังกล่าว ทำให้ประชาชนเกิดข้อสงสัยว่า ทำไมเปิดรับบริจาคใช้ชื่อวัดแต่วัดถอนเงินไม่ได้ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ กล่าวว่า ตอนนี้มีผู้เสียหายได้มาร้องขอความเป็นธรรมที่ กองกำกับการ 1 กองบังคับการปราบปราม เรื่องหมอดูคนดังกล่าว และได้มีการพูดคุยกับผู้กำกับกอง 1 ซึ่งกำลังตรวจสอบอยู่ มีการอ้างว่านำเงินไปให้เจ้าอาวาส อยู่ระหว่างการตรวจสอบ และจะต้องมีการเช็คว่านำเงินไปให้เจ้าอาวาสจริงหรือไม่ และเจ้าอาวาสนำเงินไปใช้อะไร เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่ากรณีนี้จะเข้าข่ายคดีฉ้อโกงหรือไม่ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ บอกว่า คิดว่าน่าจะเข้าข่ายคดีฉ้อโกง แต่ก็ต้องตรวจสอบดูว่าเงินที่รับบริจาคมาเอาไปให้เจ้าอาวาสจริงหรือไม่ และถ้าเอาไปให้จริง เจ้าอาวาสนำเงินไปใช้จ่ายอะไรบ้าง ผู้สื่อข่าวถามอีกว่ากรณีที่หมอดูคนดังกล่าว นำชื่อวัดมารับบริจาคเงินแต่หมอดูคนดังกล่าวกับเบิกเงินได้คนเดียว ทั้งที่ชื่อในบัญชีที่รับบริจาคเป็นชื่อวัดกระทำได้หรือไม่ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ บอกว่าทำไม่ได้ ถ้าใช้ชื่อบัญชีรับบริจาคเป็นชื่อวัดก็ต้องนำเงินไปให้วัดแล้วคนที่เบิกได้ก็ต้องเป็นวัดเท่านั้น เพราะเป็นเงินวัด เดี๋ยวจะต้องมีการนำบัญชีดังกล่าวมาตรวจสอบว่าเงินที่เข้าในบัญชีเท่าไหร่และวัดได้เท่าไหร่ และการรับบริจาคในลักษณะนี้ ต้องมีกรรมการวัดในการตรวจสอบบัญชี ให้ละเอียด ไม่ใช่อยากรับบริจาคก็จะทำได้เลย. -415-สำนักข่าวไทย

บุกค้นบริษัท ยึดโดรน-อุปกรณ์ตัดสัญญาณรวมกว่า 200 ชิ้น

กทม. 6 ส.ค.-ตำรวจกองปราบ ร่วมกับ กสทช. บุกค้นบริษัทใน จ.สมุทรปราการ ยึดโดรน และอุปกรณ์ตัดสัญญาณรวมกว่า 200 ชิ้น ตำรวจกองบังคับการปราบปราม ร่วมกับเจ้าหน้าที่ กสทช. และพนักงานสืบสวนจังหวัดสมุทรปราการ เข้าตรวจค้นบริษัทแห่งหนึ่ง ในอำเภอเมืองสมุทรปราการ หลังพบขัอมูลว่ามีบริษัทแห่งนี้ผลิตอุปกรณ์ และมีอากาศยานไร้คนขับโดรนไว้จำนวนมาก ต่อมาเมื่อแสดงหมายเพื่อขอตรวจค้น นายกฤษนันท์ ได้แสดงตัวเป็นกรรมการผู้จัดการของบริษัทดังกล่าว เป็นผู้นำตรวจค้น จากการตรวจค้นพบอากาศยานไร้คนขับ หรือโดรน 29 เครื่อง, กระเป๋าตรวจจับสัญญาณ 38 อัน, ปืนรบกวนสัญญาณ 129 กระบอก, เครื่องรบกวนสัญญาณ 16 เครื่อง, รถตู้สำหรับตรวจจับและรบกวนสัญญาณ 1 คัน และอุปกรณ์อื่นๆ ที่เกี่ยวข้องอีก 50 รายการ โดยของกลางทั้งหมดจะถูกนำไปเก็บไว้ที่กองบังคับการตำรวจสอบสวนกลาง เพื่อนำไปตรวจสอบความถี่ และเอกสารที่เกี่ยวข้อง สำหรับบริษัทดังกล่าว ตำรวจให้ข้อมูลว่า มีเจ้าของโรงงานเป็นคนสัญชาติสิงคโปร์ และมีกรรมการเป็นชาวไทยร่วมด้วย ประกอบกิจการผลิตอุปกรณ์ และอากาศยานไร้คนขับโดรน.-สำนักข่าวไทย

มหาดไทย เตรียมชง ครม. เด้ง 2 อธิบดีสายน้ำเงิน

กทม 5 ส.ค.-มหาดไทย เตรียมชง ครม. เด้ง 2 อธิบดีสายน้ำเงินอีก “ขจรเกียรติ” ผู้ว่าฯ ฉะเชิงเทรา ผงาดคุมที่ดิน “เชษฐา” คุม ปภ. โยก “ภาสกร” นั่งผู้ว่าฯ ระยอง ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) วันนี้ กระทรวงมหาดไทย เตรียมเสนอให้ ครม.พิจารณาเห็นชอบรวม 5 ตำแหน่ง ประกอบด้วย นายพรพจน์ เพ็ญพาส อธิบดีกรมที่ดิน เป็นรองปลัดกระทรวงมหาดไทย นายเชษฐา โมสิกรัตน์ รองปลัดกระทรวงมหาดไทย เป็นอธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย นายขจรเกียรติ รักพานิชมณี ผู้ว่าฯ ฉะเชิงเทรา เป็นอธิบดีกรมที่ดิน นายภาสกร บุญญลักษม์ อธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย เป็นผู้ว่าฯ ระยอง และนายไตรภพ วงศ์ไตรรัตน์ ผู้ว่าฯ ระยอง เป็นผู้ว่าฯ เพชรบุรี.-319.-สำนักข่าวไทย

เปิดปฏิบัติการค้น 200 จุด ล่าพระทำผิดกฎหมาย

กทม. 5 ส.ค.-ตำรวจสอบสวนกลาง เปิดปฏิบัติการทำนุบำรุงพระพุทธศาสนา ลุยค้น 200 จุดทั่วประเทศ ไล่ล่าจับพระทำผิดกฎหมาย 181 เป้าหมาย ล่าสุดจับพระวัดดังย่านคลอง 6 ปทุมธานี พบเอี่ยวองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผบช.ก. ในฐานะหัวหน้าศูนย์ป้องกันปราบปรามภัยคุกคามและเสริมสร้างความมั่นคงทางพระพุทธศาสนา สั่งการ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รอง ผบช.ก. นำกำลังเจ้าหน้าที่หน่วยงานในสังกัด บช.ก. เปิดปฏิบัติการกวาดลานวัด เข้าตรวจค้นพื้นที่เป้าหมาย กว่า 200 จุด เพื่อจับกุมผู้ต้องหาคดีต่างๆ อาทิ ยักยอกทรัพย์ ฟอกเงิน เมาแล้วขับ หรือ มีส่วนเกี่ยวข้องกับขบวนการยาเสพติด รวมไปถึงองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ ที่หลบหนีมาบวชเป็นพระซ่อนตัวตามวัดต่างๆ ทั่วประเทศ โดยกลุ่มผู้ต้องหาที่เป็นเป้าหมายหลักของปฏิบัติการครั้งนี้ มีด้วยกันทั้งหมด 181 ราย แบ่งเป็น ผู้ต้องหาที่ยังมีสถานะเป็นพระ 154 ราย ในจำนวนนี้มีพระตำแหน่งสูงสุดเป็นระดับเจ้าอาวาส ส่วนผู้ต้องหาที่เคยเป็นพระแต่สึกไปแล้วมีทั้งหมด 27 ราย ซึ่งขณะนี้เจ้าหน้าที่อยู่ระหว่างการเข้าดำเนินการจับกุม อย่างไรก็ตามขณะนี้มีรายงานว่า จากปฏิบัติการดังกล่าวขณะนี้เจ้าหน้าที่สามารถจับกุมตัวผู้ต้องหาคนสำคัญได้รายหนึ่งแล้ว […]

ข่าวแนะนำ

ศาลอาญาฯ อนุญาตปล่อยตัวชั่วคราว “ไฮโซลูกนัท”

กรุงเทพฯ 7 ส.ค. – ศาลอาญาพระโขนง อนุญาตปล่อยตัวชั่วคราว “ไฮโซลูกนัท” ตีราคาประกัน 100,000 บาท หลังตำรวจนำตัวฝากขัง คดียาเสพติด และ พ.ร.บ.อาวุธปืนฯ พนักงานสอบสวน สน.คลองตัน ยื่นคำร้องต่อศาลอาญาพระโขนง ฝากขังครั้งที่ 1 นายธนัตถ์ หรือ ไฮโซลูกนัท อายุ 33 ปี ผู้ต้องหาคดีกระทำผิดเกี่ยวกับยาเสพติด และ พ.ร.บ.อาวุธปืนฯ โดยศาลอนุญาตฝากขังตามคำร้อง ซึ่งวันนี้ผู้ต้องหาได้ยื่นคำร้องขอปล่อยชั่วคราว ศาลพิจารณาแล้วมีคำสั่งอนุญาตปล่อยตัวชั่วคราว ตีราคาประกัน 100,000 บาท โดยผู้ต้องหานำเงินสดเป็นหลักประกันตนเอง.-สำนักข่าวไทย

รมว.ต่างประเทศ ย้ำทูตไทยทั่วโลกแจงผลประชุม GBC

7 ส.ค. – รมว.ต่างประเทศ ถกทูตไทยทั่วโลก ชื่นชมผลประชุม GBC กำชับทูตไทยทั่วโลกทำงานเชิงรุก เดินหน้าชี้แจงข้อเท็จจริง บนพื้นฐานของหลักฐานเชิงประจักษ์ ชี้ “ความจริงจะชนะทุกสิ่ง” นายมาริษ เสงี่ยมพงษ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ เป็นประธานการประชุมแบบออนไลน์ ร่วมกับ เอกอัครราชทูตไทย ผู้แทนสถานเอกอัครราชทูต และคณะผู้แทนถาวรไทยในต่างประเทศจาก 70 ประเทศทั่วโลก และกรมต่างๆ เพื่อชี้แจงสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา ทั้งผลการประชุมคณะกรรมการชายแดนทั่วไป General Border Committee หรือ GBC ที่ประเทศมาเลเซีย พร้อมมอบนโยบายและแนวทางในการดำเนินการของกระทรวงฯ และสำนักงานในต่างประเทศ เพื่อแก้ไขปัญหาสถานการณ์ชายแดนดังกล่าวอย่างบูรณาการร่วมกัน นายมาริษ กล่าวถึงผลของการประชุม GBC และข้อตกลงที่เห็นพ้องร่วมกันทั้ง 13 ข้อ ว่าเป็นพัฒนาการและก้าวสำคัญสำหรับการเจรจาการหยุดยิง บรรลุเป้าหมายที่ต้องการในเบื้องต้น ซึ่งต้องขอบคุณมาเลเซีย สหรัฐอเมริกา และจีน ณ ที่นี้ด้วย โดยกระทรวงพร้อมให้การสนับสนุนกระทรวงกลาโหมในการดำเนินการเจรจาต่อไป ซึ่งที่ผ่านมาได้สนับสนุนการดำเนินงานของกระทรวงกลาโหม และทำงานร่วมกันอย่างใกล้ ตั้งแต่การเป็นฝ่ายเลขาฯ การร่างเพื่อเสนอกรอบข้อตกลง โดยหลังจากนี้ไทยพร้อมเปิดรับการเจรจาทวิภาคีผ่านช่องทางทางการทูต เพื่อสนับสนุนภารกิจของกระทรวงกลาโหม ภายใต้เงื่อนไขว่าฝ่ายกัมพูชาเคารพและดำเนินการตามข้อตกลงของการเจรจาหยุดยิงต่อไป […]

ชาวบ้านยังไม่วางใจ แม้บรรลุข้อตกลงหยุดยิง

อุบลราชธานี 7 ส.ค. – ชาวบ้านในพื้นที่ชายแดน จ.อุบลราชธานี ยังไม่วางใจสถานการณ์ แม้ผลประชุม GBC ไทย-กัมพูชา ทั้ง 2 ชาติเห็นพ้องข้อตกลงหยุดยิงแล้ว ค่ำคืนนี้หลายหมู่บ้านยังคงมีคำเตือนให้ออกนอกพื้นที่ หลังบางส่วนทยอยกลับเข้ามา .-สำนักข่าวไทย

กต.อัปเดตสถานการณ์ไทย-กัมพูชา กับทูตไทยทั่วโลก

กระทรวงการต่างประเทศ 7 ส.ค. – กต. นำผลประชุม GBC อัปเดตสถานการณ์ไทย-กัมพูชา กับทูตไทยทั่วโลก เพื่อชี้แจงรัฐบาล-องค์การระหว่างประเทศ พร้อมประเมินระดับความเข้าใจของนานาชาติถึงสถานการณ์ ป้องกันการบิดเบือนข้อมูล นายนิกรเดช พลางกูร อธิบดีกรมสารนิเทศและโฆษกกระทรวงการต่างประเทศ แถลงข่าวเกาะติดพัฒนาการสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา โดยได้สรุปผลการประชุมคณะกรรมการชายแดนทั่วไป (General Border Committee : GBC) ไทย-กัมพูชา สมัยวิสามัญ ซึ่งนำโดย พลเอก ณัฐพล นาคพาณิชย์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหม หัวหน้าคณะผู้แทนไทย โดยมีผู้แทนจากมาเลเซีย สหรัฐอเมริกา และจีน ร่วมสังเกตการณ์ ซึ่งการประชุมเป็นกลไกหารือทวิภาคีระหว่างไทย-กัมพูชา ทั้งนี้ ก่อนการประชุม GBC ประธาน GBC ของทั้ง 2 ฝ่าย ได้เข้าเยี่ยมคารวะ นายอันวาร์ อิบราฮิม นายกรัฐมนตรีมาเลเซีย โดยได้ยืนยันว่ามาเลเซีย รวมถึงประเทศสมาชิกอาเซียนต่างๆ เห็นตรงกันว่าสนับสนุนให้ใช้กลไกทวิภาคีแก้ไขปัญหาระหว่างไทย-กัมพูชา สอดคล้องกับท่าทีของไทย ทั้ง 2 ฝ่ายตกลงปฏิบัติตามข้อตกลงหยุดยิงอย่างเคร่งครัด โดยไม่เสริมกำลังเพิ่ม หลีกเลี่ยงการกระทำที่ยั่วยุทั้งทางการทหาร […]