สุรินทร์ 8 ก.ค.- ทบ. พาสื่อทัวร์ปราสาทตาเมือนธม หวังเรียกนักท่องเที่ยวดูโบราณสถาน มองเป็นเรื่องดี หลังประชาชนทะลักเข้าชมปราสาท เผยไม่โต้กัมพูชากล่าวหาไทยรุกราน มุ่งยึดการสื่อสาร ไทย-กัมพูชา ไม่พัฒนาไปสู่ความตึงเครียด
พล.ต.วินธัย สุวารี โฆษกกองทัพบก (ทบ.) ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีการพาสื่อมวลชนลงพื้นที่ชายแดนไทย-กัมพูชา ที่ปราสาทตาเมือนธม ว่า พล.อ.พนา แคล้วปลอดทุกข์ ผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.) อยากให้พาสื่อมวลชนส่วนกลางมาลงพื้นที่ ทั้ง จ.สุรินทร์ จ.บุรีรัมย์ จ.อุบลราชธานี โดยอยากให้สื่อสัมผัสกับพื้นที่จริง 2 ส่วน โดยส่วนที่ 1 คือทหารที่ปฏิบัติหน้าที่อยู่ในพื้นที่ ส่วนที่ 2 เรื่องของพื้นที่ส่วนหลังในเรื่องความพร้อมต่าง ๆ ที่ทางทหารและฝ่ายปกครองได้เตรียมความพร้อมกันไว้ ซึ่งปราสาทตาเมือนธมเป็นจุดแรกที่เป็นจุดที่มาลงพื้นที่หลังฟังคำบรรยายของกองกำลังสุรนารี โดยส่วนหนึ่งที่เดินทางมาในวันนี้เพื่อเยี่ยมชมโบราณสถาณที่สำคัญ ตามจริงเราขึ้นทะเบียนกับกรมศิลปากรเมื่อปี พ.ศ. 2478 รวมถึงได้มีการมอบสิ่งของบำรุงขวัญและให้กำลังใจ เจ้าหน้าที่ทุกส่วนที่ปฏิบัติหน้าที่อยู่ในพื้นที่แห่งนี้
ผู้สื่อข่าวถามว่ากรณีที่ผ่านมามีปากเสียงกันในพื้นที่ปราสาทตาเมือนธม ได้มีการรับรายงานเรื่องนี้หรือไม่ พล.ต.วินธัย กล่าวว่า ตอนนี้ยังไม่ได้ได้รับรายงาน ส่วนที่ผ่านมาก็เป็นไปตามที่สื่อมวลชนได้รับข้อมูล ถือว่าไม่ได้อยู่ในจุดที่น่ากังวล ผู้ปฏิบัติงานทั้งฝ่ายไทยและฝ่ายกัมพูชา ก็สามารถใช้ความสัมพันธ์ในลักษณะที่เป็นผู้ปฏิบัติหน้าที่อยู่ในพื้นที่ ซึ่งส่วนใหญ่จะรู้จักกัน ส่วนปัญหาที่กระทบกระทั่งกันนิดหน่อยนั้น ก็ไม่ได้มีความพยายามตั้งใจที่จะให้เกิดความรุนแรงหรือพัฒนาไปสู่ความรุนแรงจนเป็นที่น่ากังวล
เมื่อถามถึงกรณีไอโอจากฝ่ายกัมพูชาที่มีการถ่ายคลิป และเผยแผ่ออกไปจนทำให้ต่างชาติมองว่า ไทยรุกรานกัมพูชา ทั้งที่อยู่ในพื้นที่ของไทย จะมีการชี้แจงเรื่องนี้อย่างไร พล.ต.วินธัย กล่าวว่า ที่จริงภาพที่ปรากฏพอจะมองออก แต่ใครจะมีวัตถุประสงค์ในการสื่อสารอย่างไรนั้น เชื่อว่าสังคมมองออก ไม่ว่าจะเป็นสังคมในประเทศหรือต่างประเทศ แต่สิ่งหนึ่งที่เห็นคืออย่างน้อยเราใช้วิธีการเจรจาพูดคุยกัน และขอความร่วมมือกัน
เมื่อถามต่อถึงกรณีที่ ฮุน มาเนต นายกฯ กัมพูชา ออกมาแสดงความคิดเห็นผ่านทางโซเชียลมีเดียในทำนองที่กล่าวหาว่าไทยรุกรานพื้นที่กัมพูชานั้น แต่ฝ่ายไทยจะใช้การสื่อสารแบบเป็นกลางหรือแก้ต่างให้ตัวเองนั้น พล.ต.วินธัย กล่าวว่า จริง ๆ เรามีจุดยืนในการนำเสนอข้อมูลอยู่แล้ว ส่วนหนึ่งต้องไม่พยายามที่จะขยายความขัดแย้งผ่านการสื่อสาร เพียงแต่ว่าสิ่งที่เราสื่อสารนั้นเป็นไปตามข้อมูลข้อเท็จจริง ส่วนใครจะสื่อสารอย่างไรนั้นก็เป็นผู้บริโภคหรือผู้รับสารต้องใช้วิจารณญาณ แต่เราก็ใช้วิธีการสื่อสารเพื่อเสริมข้อมูลไม่ได้ตั้งใจที่จะหักล้างข้อมูล โดยข้อมูลในสังคมในปัจจุบันก็มีหลากหลาย เพียงแต่เราต้องยึดถือในข้อเท็จจริงและยึดถือตามนโยบายของผู้บังคับบัญชา คือ การสื่อสารนั้นต้องไม่นำไปสู่ความเข้าใจผิดหรือพัฒนาไปสู่ความตึงเครียดให้มากกว่าที่เป็นอยู่
เมื่อถามว่าหลังจากนี้จะมีการพิจารณาในการทำรั้วกั้นเขตแดนหรือไม่หลังมีนักท่องเที่ยวทะลักเข้ามาเยี่ยมชมปราสาทตาเมืองธมจำนวนมาก พล.ต.วินธัย กล่าวว่า เรื่องนี้ต้องดูรายละเอียดต่อไป เพียงแต่มีคนเคยพูดถึงว่าในอดีตเคยมีรั้ว แต่เมื่อมาดูสถานที่จริงแล้วก็ไม่เชิงเป็นรั้วแต่เป็นประตูมากกว่า โดยเป็นช่วงประตูสั้น ๆ แคบ ๆ ซึ่งลักษณะอาจเพื่อความปลอดภัย เพราะบางครั้งในพื้นที่ที่เป็นสภาพป่า ยิ่งในสมัย 10 ปีที่แล้ว อาจมีความรกทึบมากกว่านี้ คาดว่าน่าจะเป็นประตูช่องทางเข้ามากกว่า แต่เรื่องอื่นนั้นนั้นขณะนี้ยังไม่มีรายละเอียดรายละเอียด
ส่วนจะสามารถดำเนินการได้หรือต้องมีขั้นตอนในการก่อสร้างหรือไม่นั้น พล.ต.วินธัย กล่าวว่า ยังไม่มีข้อมูล บางครั้งในพื้นที่ที่มีละเอียดอ่อนก็ต้องส่งเรื่องถึงระดับผู้บังคับบัญชาหรือฝ่ายบริหาร ซึ่งขณะนี้ขณะนี้กองทัพบกในฐานะผู้รับผิดชอบพื้นที่และเป็นหน่วยปฏิบัติก็ต้องปฏิบัติภายในกรอบที่ตัวเองรับผิดชอบ วันนี้ก็พยายามทำให้พื้นที่ที่รับผิดชอบนั้นมีระเบียบและมีความเรียบร้อยมากที่สุด
สำหรับกรณีที่มีการสร้างขวัญกำลังใจให้กับประชาชนในพื้นที่ เพื่อไม่ให้มีความวิตกกังวลต่อสถานการณ์ความตึงเครียดนั้น พล.ต.วินธัย กล่าวว่า ปกติแล้วหน่วยทหารหากทำงานในพื้นที่ในแนวหน้าก็จะมีภาระงานอย่างหนึ่ง แต่ในพื้นที่ที่เป็นส่วนกลางก็จะมีวิธีแนวทางปฏิบัติอยู่ โดยในภาษาทหารเรียกว่างานกิจการด้านพลเรือน ซึ่งส่วนนี้จะทำร่วมกับฝ่ายปกครอง หน่วยงานในพื้นที่ส่วนหลังก็จะมีตั้งแต่การทำความเข้าใจกับประชาชน และในเรื่องของกรณีที่มีเหตุการณ์ผิดปกติก็จะมีช่องทางสื่อสารกันเพื่อไม่ให้ประชาชนตื่นตระหนก และเรื่องของการดูแลรักษาความปลอดภัย
เมื่อถามถึงข้อมูลนักท่องเที่ยวที่เข้ามาเยี่ยมชมปราสาทตามเมืองที่มียอดพุ่งสูงขึ้นนั้น ถือเป็นเชิงบวกในการพัฒนาพื้นที่ต่อไปหรือไม่ พล.ต.วินธัย กล่าวว่า ตามจริงเมื่อมีนักท่องเที่ยวมา อย่างน้อยในเรื่องของเศรษฐกิจก็ถือเป็นเรื่องที่ดี วันนี้โดยสถานการณ์ที่เกิดขึ้นอาจทำให้เป็นที่สนใจ โดยเฉพาะอย่างยิ่งโบราณสถานที่เราขึ้นทะเบียนมาเกือบ 100 ปี แต่คนไทยในภูมิภาคอื่นอาจยังไม่ค่อยให้ความสนใจเท่าไหร่ แต่วันนี้ก็มีหลายคนได้มาเห็นกันแล้ว ซึ่งจำนวนนักท่องเที่ยวที่เข้ามาเที่ยวก็เยอะกว่าในช่วงที่ผ่านมาเยอะ เธอเป็นเรื่องที่น่าดีใจ แต่ก็ยังจะเชิญชวนนักท่องเที่ยวโดยใช้ช่องทางที่เรามีเพื่อสื่อสารให้ประชาชนมาเที่ยวชมโบราณสถาน
เมื่อถามต่อถึงในส่วนของกองทัพจะให้ความเชื่อมั่นกับนักท่องเที่ยวที่เดินทางขึ้นมาเที่ยวอย่างไรนั้น พล.ต.วินธัย กล่าวว่า ขณะนี้ประชาชนโดยส่วนใหญ่มีความเชื่อมั่น เพราะดูจากบรรยากาศและสภาพแวดล้อมต่าง ๆ ก็ยังไม่อยู่ในความน่ากังวล และทุกอย่างยังมีความเป็นระเบียบเรียบร้อย ในส่วนของเพื่อนบ้านฝั่งกัมพูชาเองก็จะเห็นได้ว่ายังสามารถปฏิบัติหน้าที่และอำนวยความสะดวกกับเราได้อย่างดี -313 .-สำนักข่าวไทย