เปิดเที่ยวภูกระดึง 23 ธ.ค. คุมเข้มความปลอดภัย-ไม่ทำลายสิ่งแวดล้อม

เลย 18 ธ.ค. – อธิบดีกรมอุทยานฯ ตรวจติดตามมาตรการความปลอดภัยในการท่องเที่ยวอุทยานแห่งชาติภูกระดึง หลังเกิดเหตุการณ์ช้างป่าทำร้ายนักท่องเที่ยวเสียชีวิต วันที่ 23 ธ.ค.นี้ จะเปิดให้บริการเฉพาะเส้นทางเลียบหน้าผาที่ประเมินว่า ปลอดภัย 100% ส่วนเส้นทางน้ำตก-ผานกแอ่น ยังคงปิดให้บริการจนกว่าจะประเมินความปลอดภัยอีกครั้ง โดยจะมีการซ้อมแผนเต็มรูปแบบในวันเสาร์-อาทิตย์นี้


นายอรรถพล เจริญชันษา อธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช ตรวจติดตามสถานการณ์ที่อุทยานแห่งชาติภูกระดึง โดยเรียกประชุมทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในสังกัดเพื่อเตรียมความพร้อมป้องกันและเฝ้าระวังช้างป่าและสั่งการให้ยกระดับการรักษาความปลอดภัย รวมถึงตรวจติดตามความพร้อมบนยอดภูกระดึง เพื่อเตรียมเปิดให้บริการนักท่องเที่ยวในวันที่ 23 ธันวาคมนี้

นายอรรถพล กล่าวว่า จากเหตุการณ์ช้างป่าทำร้ายนักท่องเที่ยวจึงสั่งการให้ทุกแหล่งท่องเที่ยวของกรมอุทยานฯ ยกระดับมาตรการด้านความปลอดภัยของนักท่องเที่ยวตามนโยบายของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม สำหรับในส่วนของอุทยานแห่งชาติภูกระดึง ที่จะเปิดการท่องเที่ยวในวันที่ 23 ธันวาคมนี้ โดยจะเปิดให้บริการเฉพาะเส้นทางเลียบหน้าผาที่ได้รับการประเมินว่ามีความปลอดภัย 100% ส่วนเส้นทางน้ำตกและผานกแอ่นจะยังคงปิดให้บริการจนกว่าจะมีการประเมินความปลอดภัยอีกครั้ง และจะมีการซ้อมแผนเต็มรูปแบบในวันเสาร์-อาทิตย์นี้ ตามมาตรการรักษาความปลอดภัยอย่างเข้มงวดและครอบคลุมไม่ให้เกิดเหตุการณ์ที่ไม่คาดคิดขึ้นอีก


ทั้งนี้ อธิบดีกรมอุทยานฯ ได้ประสานกองทัพบกและได้รับการสนับสนุนเฮลิคอปเตอร์ลำเลียง (MI -17) ยกตัวขนรถตรวจการเคลื่อนที่เร็ว 2 คัน เพื่อนำมาใช้ในการตรวจการณ์และเฝ้าระวังช้างป่า สำหรับมาตรการที่อุทยานแห่งชาติภูกระดึงได้วางแผนรักษาความปลอดภัยประกอบด้วย การจัดชุดเจ้าหน้าที่ลาดตระเวนและเฝ้าระวังประจำจุดต่างๆ จัดตั้งชุดเคลื่อนที่เร็วผลักดันและเฝ้าระวังช้างป่าพร้อมอุปกรณ์และยานพาหนะในการปฏิบัติภารกิจด้านความปลอดภัย โดยขยายรัศมีการผลักดันเป็น 2 กิโลเมตรจากศูนย์บริการนักท่องเที่ยววังกวาง จัดทำโป่งดึงดูดช้างเพื่อป้องกันการเข้ามาในพื้นที่ท่องเที่ยว เตรียมแผนเผชิญเหตุฉุกเฉินกรณีนักท่องเที่ยวได้รับบาดเจ็บหรือถูกสัตว์ป่าทำร้าย

นอกจากนี้ยังได้มีการกำหนดมาตรการเพื่อการจัดการขยะรูปแบบใหม่โดยนำโดรนมาใช้ขนสัมภาระและขยะ โดยจะงดวางถังขยะตามเส้นทางเพื่อลดการดึงดูดช้างป่า ถือเป็นการจัดระเบียบเพื่อแก้ไขปัญหาเรื่องขยะ แบ่งออกเป็น 2 ส่วน คือ ขยะที่ย่อยสลายได้เองตามธรรมชาติ จะมีการกำจัดตามหลักวิชาการเพื่อไม่ให้ส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม และขยะที่ย่อยสลายเองไม่ได้ ต้องขนกลับลงมาทั้งหมด นักท่องเที่ยวและร้านค้าจะต้องรับผิดชอบการจัดการขยะของตนเอง ซึ่งที่ผ่านมามีการรณรงค์ให้นักท่องเที่ยวนำขยะกลับลงมาด้วยทุกครั้ง และไม่อนุญาตให้นำอาหาร เครื่องดื่มออกนอกร้าน ยกเว้นกรณีใช้ภาชนะส่วนตัวเท่านั้น

ด้านความปลอดภัยจากช้างป่า ทางอุทยานฯจะเพิ่มรถจักรยานยนต์ 20 คัน เพื่อลาดตระเวนป้องกันช้างป่าออกมาบริเวนที่มีนักท่องเที่ยว สำหรับขั้นตอนการเข้าท่องเที่ยวในอุทยานแห่งชาติภูกระดึง ได้รับการปรับปรุงให้เป็นระบบมากขึ้น ดังนี้
1.นักท่องเที่ยวซื้อตั๋วท่องเที่ยวบริเวณด่านตรวจ


  1. เช็คอินที่ศูนย์นักท่องเที่ยวศรีฐาน พร้อมติดต่อที่พัก ซื้อประกัน และลงทะเบียน จากนั้นเข้ารับฟังการบรรยายความปลอดภัยที่โดมนิทรรศการ (ใช้เวลาประมาณ 5 นาที) โดยจะมีวิดีโอและมีขั้นตอนการปฏิบัติตัว แนะนำให้ความรู้เมื่อพบเห็นช้างป่า และช่องทางในการแจ้งเหตุในกรณีที่ได้รับบาดเจ็บ ทั้งนี้สามารถสอบถามหลังบรรยายเสร็จสิ้นได้ และเข้าร่วมกลุ่ม Line Open Chat เพื่อรับข้อมูลข่าวสารและการแจ้งเตือน โดยนักท่องเที่ยวต้องตั้งชื่อเล่น และระบุ วันเข้า ออกอุทยานฯ ถ้าจะมีการเปลี่ยนกลุ่ม จะแจ้งโดยการส่ง QR CODE ไปในกลุ่ม สำหรับนักท่องเที่ยว ที่จะอยู่พักต่อ เจ้าหน้าที่จะแจกบัตรผ่านการรับฟังข้อชี้แจง แนวทาง ดังกล่าว ให้นักท่องเที่ยวก่อนขึ้นภู
  2. ลงทะเบียนอาสาสมัครพิทักษ์ภูกระดึงที่ซุ้มโครงการ
  3. จัดการเรื่องสัมภาระ (ลูกหาบ)
  4. ศึกษาแผนที่เส้นทางและระดับความเสี่ยงที่ศาลาแผนที่
  5. ต้องผ่านการตรวจสอบที่ด่านตรวจ 3 ก่อนขึ้นเขา

อุทยานแห่งชาติภูกระดึงขอความร่วมมือให้นักท่องเที่ยวเดินทางเป็นกลุ่มอย่างน้อย 3 คนขึ้นไป และปฏิบัติตามกฎระเบียบอย่างเคร่งครัด โดยเฉพาะเรื่องการทิ้งขยะและการนำอาหารเครื่องดื่มออกนอกร้าน การเตรียมความพร้อมครั้งนี้แสดงให้เห็นถึงความมุ่งมั่นของกรมอุทยานฯ ในการยกระดับมาตรฐานการท่องเที่ยวและการรักษาความปลอดภัย ควบคู่ไปกับการอนุรักษ์ธรรมชาติและสัตว์ป่า เพื่อให้ภูกระดึงยังคงเป็นสถานที่ท่องเที่ยวทางธรรมชาติที่สวยงามและปลอดภัยสำหรับทุกคน

ทั้งนี้ อุทยานแห่งชาติภูกระดึงจะประกาศรายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับการท่องเที่ยวอย่างเป็นทางการอีกครั้ง นักท่องเที่ยวสามารถติดตามข่าวสารได้จากช่องทางการสื่อสารของอุทยานฯ หรือโทร 042 810 833,042 810834 . -512 – สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

“ภูมิธรรม” แบ่งงาน 2 รมช.มหาดไทย เจ้าตัวคุม “โยธาฯ-ปค.”

กระทรวงมหาดไทย 14 ก.ค. –“ภูมิธรรม” แบ่งงาน 2 รมช.มหาดไทยแล้ว เจ้าตัวคุม “โยธาฯ – ปค.” ฟาก “เดชอิศม์” คุม “ที่ดิน – สถ.” สางปัญหาที่ดิน นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกฯ และรมว.มหาดไทย รักษาราชการนายกฯ กล่าวว่า ขณะนี้ตนได้แบ่งงานกับทั้ง 2 รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทยเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ซึ่งการทำงานของทั้ง 3 คนเราทำงานเป็นทีมเดียวกัน ส่วนหลักเกณฑ์การแบ่งก็กระจายให้ทั่วถึงเพื่อช่วยกันดูแล โดยตนกำกับดูแลกรมโยธาธิการและผังเมือง กรมการปกครอง สำนักปลัดกระทรวงมหาดไทย สำนักงานรัฐมนตรี กระทรวงมหาดไทย การประสานงานส่วนราชการในสังกัด กระทรวงมหาดไทยตาม พ.ร.บ.การบริหารราชการจังหวัดชายแดนภาคใต้ พ.ศ.2553 การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค การประปาส่วนภูมิภาค และดูหน่วยงานส่วนที่เหลือทั้งหมด โดยทั้งหมดสงวนไว้ในส่วนที่เกี่ยวข้องกับงบประมาณ และบุคคลซึ่งตนเป็นผู้ดูแล นายภูมิธรรม กล่าวต่อว่า ได้มอบหมายให้ น.ส.ธีรรัตน์ สำเร็จวาณิชย์ รมช.มหาดไทย กำกับดูแล กรมการพัฒนาชุมชน เพราะเป็นเรื่องเกี่ยวกับสตรีและการดำเนินการเรื่องผ้าไทย รวมถึงกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย […]

รถพ่วงเบรกแตกลงเขา ชนแหลก 10 คัน เจ็บ 3

นครราชสีมา 13 ก.ค. – รถพ่วงเบรกแตกลงเขามอกลางดง ชนแหลกรวมสิบคัน บาดเจ็บ 3 คน ทำถนนมิตรภาพรถติดยาวหลายกิโลเมตร คนขับรถพ่วงบาดเจ็บ แต่ยังให้การได้ รถพ่วงบรรทุกตู้คอนเทนเนอร์ ชนแหลกนับ 10 คัน บนถนนมิตรภาพ ขาเข้ากรุงเทพมหานคร ช่วงลงเขามอกลางดง กิโลเมตรที่ 37-38 อ.ปากช่อง จ.นครราชสีมา ตำรวจ สภ.กลางดง พร้อมเจ้าหน้าที่กู้ภัยหลายหน่วยระดม เข้าตรวจสอบที่เกิดเหตุ และช่วยเหลือผู้บาดเจ็บ ที่เกิดเหตุพบรถบรรทุกตู้คอนเทนเนอร์คันต้นเหตุ ยี่ห้อฮีโน่ สีขาว ทะเบียน กรุงเทพมหานคร ด้านหน้าหัวลากพังยับ นายวิทยา อายุ 34 ปี คนขับ ได้รับบาดเจ็บที่ขาซ้าย ยังนั่งอยู่บริเวณที่นั่งข้างคนขับ โดยเล่าว่า บรรทุกของมาเต็มตู้คอนเทนเนอร์ ช่วงลงเขาเกิดเบรกไม่อยู่ เนื่องจากลมหมด จึงทำให้พุ่งชนท้ายรถพ่วงบรรทุกไม้อีกคันที่อยู่ด้านหน้า จนกระเด็นไปคนละทิศละทาง ไม้กระจายเกลื่อนถนน ด้วยความแรงยังวิ่งไปเฉี่ยวชนกับรถที่วิ่งอยู่ด้านหน้าเสียหายอีก 8 คัน เป็นรถกระบะ 5 คัน, รถเก๋ง […]

มส.มีมติสั่งปลด-ถอดสมณศักดิ์ พระอาบัติปาราชิก เรียกพระ 5 รูปแจงด่วน

กรุงเทพฯ 13 ก.ค.-มหาเถรสมาคม ประชุมนัดพิเศษ มีมติสั่งปลด-ถอดสมณศักดิ์ พระอาบัติปาราชิก เผยสึกแล้ว 6 คน ยังติดต่อไม่ได้ 2 คน เตรียมแก้กฎมหาเถรสมาคม อ้างสุดล้าหลังกว่า 50 ปี ขณะที่พระเทพพัชราภรณ์ เจ้าอาวาสวัดชูจิตฯ ชิงลาออกแล้ว นายอินทพร จั่นเอี่ยม ผอ.สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ (พศ.) แถลงข่าวภายหลังการประชุมมหาเถรสมาคมนัดพิเศษ ครั้งที่ 1/2568 ว่า สมเด็จพระสังฆราชห่วงใยต่อกระแสข่าวที่เกิดขึ้น จึงมีพระบัญชาให้มหาเถรสมาคม นิมนต์กรรมการฯประชุมเร่งด่วน ซึ่งทางกรรมการฯ มีข้อห่วงใย และมีการอภิปรายกันอย่างกว้างขวาง โดยมีมติ ดังนี้ -พระที่ถูกกล่าวหา ต้องอาบัติปราชิก ถือว่าสิ้นสุดความเป็นพระภิกษุทางวินัย และต้องสึกโดยทันที ส่วนพระที่ยังไม่ถึงขั้นปราชิก ก็ให้ปลดออกจากตำแหน่งเจ้าคณะพระสังฆาธิการทุกรูป และจะมีมติขอพระราชทานพระบรมราชานุญาตถอดสมณศักดิ์-ในระยะเร่งด่วน ให้เจ้าคณะผู้ปกครองสงฆ์ทุกระดับ ตรวจสอบดูแลและกำกับพฤติกรรมองพระในปกครองอย่างใกล้ชิด หากพบพฤติกรรมละเมิดพระธรรมวินัยให้ดำเนินการสอบสวน และรายงานมหาเถรสมาคมโดยเร็ว-กรณีพระภิกษุถูกกล่าวหาผิดพระธรรมวินัย ประเภทครุกาบัติ ให้ออกคำสั่พักการปฏิบัติหน้าที่ และให้เจ้าหน้าที่ดำเนินการตามกฏหมาย พร้อมขอให้ระมัดระวังการให้ข้อมูลต่อสื่อมวลชนและสาธารณชน เนื่องจากยังเป็นเพียงผู้ถูกกล่าวหา-และทบทวนปรับปรุงกฎระเบียบคณะสงฆ์ว่าด้วยการประทำผิดพระธรรมวินัย ประเภทครุกาบัติ โดยมหาเถรสมาคม เห็นควรขอประทานพระวินิจฉัยสมเด็จพระสังฆราช มีพระบัญชาโปรดให้แต่งตั้งคณะกรรมการพิเศษเพื่อคุ้มครองพระพุทธศาสนาคณะหนึ่ง […]

ส่งตัวดำเนินคดี นักท่องเที่ยวไทยทำร้ายทหารกัมพูชา

สุรินทร์ 13 ก.ค.-ทบ. เผยนักท่องเที่ยวไทยต่อยทหารกัมพูชา ที่ปราสาทตาเมือนธม เป็นอดีตทหารพราน ส่งตัวให้ตำรวจดำเนินคดีตามกฎหมาย เมื่อวันที่ 13 ก.ค.68 พล.ต.วินธัย สุวารี โฆษกกองทัพบกกล่าวถึงกรณีที่งนักท่องเที่ยวชาวไทย ทำร้ายร่างกายเจ้าหน้าที่ทหารกัมพูชาชุดประสานงาน ที่บริเวณปราสาทตาเมือนธม จังหวัดสุรินทร์ ว่า กองทัพบกได้รับรายงานจากกองกำลังสุรนารี ว่า เมื่อเวลาประมาณ 10.20 น. ได้เกิดเหตุการณ์นักท่องเที่ยวชาวไทยทำร้ายร่างกายเจ้าหน้าที่ทหารกัมพูชาชุดประสานงาน ณ บริเวณปราสาทตาเมือนธม โดยผู้ก่อเหตุได้ชกเจ้าหน้าที่กัมพูชา ทั้งทางด้านหลังและด้านหน้า ก่อนจะหลบหนีออกจากพื้นที่ ซึ่งเจ้าหน้าที่ฝ่ายไทยสามารถติดตามและควบคุมตัวได้ในเวลาต่อมา จากการตรวจสอบเบื้องต้น ทราบว่าผู้ก่อเหตุคือ นายสมหมาย ศรีศุกรานันทน์ อดีตอาสาสมัครทหารพราน ปัจจุบันดำรงตำแหน่งประธานชมรมทหารพรานจิตอาสาค่ายปักธงชัย และประธานเครือข่ายทหารผ่านศึกจังหวัดสมุทรสาคร ทั้งนี้ เนื่องจากบริเวณพื้นที่เกิดเหตุเป็นสถานที่ท่องเที่ยว ทางเจ้าหน้าที่ทหารฝ่ายไทย ได้ทำความเข้าใจกับผู้เสียหายไปแล้วในเบื้องต้น เพื่อพยายามไม่ให้กระทบความสัมพันธ์ในระดับเจ้าหน้าที่ทั้งสองฝ่าย สำหรับผู้ก่อเหตุ ได้ให้ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจ ดำเนินการไปตามขั้นตอนของกฎหมายต่อไป.-313.-สำนักข่าวไทย

ข่าวแนะนำ

“ทักษิณ” ซัดผู้นำกัมพูชาไร้จริยธรรม แต่คนไทยกลับเชื่อ

17 ก.ค. – “ทักษิณ” ซัดผู้นำกัมพูชาไร้จริยธรรม แต่คนไทยกลับเชื่อ งงทำไมคนไทยไม่รักกัน ตอกพรรคที่เพิ่งหลุดร่วมรัฐบาลไป เป็นเขมรหรือไทย หลังติง “ลูกอิ๊งค์” ขายชาติ บอกปัจจุบันการเมืองไม่มีเสถียรภาพเหมือนสมัยรัฐบาล “คึกฤทธิ์” นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ปาฐกถาพิเศษ หัวข้อ “ปลดล็อกอนาคตประเทศไทย สู้วิกฤติโลก พลิกเกมเศรษฐกิจไทย” และ “พลิกเกมเศรษฐกิจไทย สู่อนาคต” จัดโดย บริษัท อสมท จำกัด (มหาชน) โดยมี น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรีและรมว.วัฒนธรรม พร้อมครม. อาทิ นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รองนายกฯ และรมว.คมนาคม นายประเสริฐ จันทรรวงทอง รองนายกฯ และรมว.ดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม นายชูศักดิ์ ศิรินิล รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี นายสุชาติ ตันเจริญ รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี น.ส.จิราพร สินธุไพร รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี นายมาริษ เสงี่ยมพงษ์ […]

เสวนา “ปลดล็อกอนาคตประเทศไทย สู้วิกฤติโลก”

17 ก.ค. – หลายหน่วยงานรวมพลังขับเคลื่อนเศรษฐกิจ ในงานเสวนา “ปลดล็อกอนาคตประเทศไทย สู้วิกฤติโลก” โดย บมจ.อสมท นายสุชาติ ตันเจริญ รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวเปิดงานสัมมนา “ปลดล็อกอนาคตประเทศไทย…สู้วิกฤติโลก” ยอมรับว่า นับว่าปัญหาเศรษฐกิจโลกกระทบมายังไทย จากภาษีศุลกากรของสหรัฐกระทบมายังประชาชน ผู้ผลิต เอสเอ็มอีรายย่อย ความร่วมมือของภาครัฐ เอกชน ประชาชน จึงต้องร่วมมือกันปลดล็อกอนาคตประเทศไทย…สู้วิกฤติโลก” โดยได้จัดเวทีใหญ่ให้ผู้กำหนดนโยบายและทิศทางของประเทศ และภาคเอกชน มาร่วมแสดงความเห็น ด้านเศรษฐกิจ นายเผ่าภูมิ โรจนสกุล รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง กล่าวในหัวข้อ เกาะติดมาตรการกระทรวงการเงินการคลัง พลิกฟื้นกำลังซื้อในประเทศ และแนวโน้มเศรษฐกิจ และสงครามการค้า ภาษีนำเข้าของสหรัฐ ว่าทีมไทยแลนด์ นำโดยนายพิชัย ชุณหวชิร รองนายกฯ และ รมว.คลัง กำหนดเจรจากับผู้แทนการค้าสหรัฐช่วงค่ำวันนี้ ต้องชั่งน้ำหนัก ทั้ง 2 มิติ คือ ผลกระทบที่ผู้ส่งออก และผู้ผลิตในประเทศทั้งภาคอุตสาหกรรม และเกษตรกร รัฐบาลไม่มอง เพียงจะเจรจาภาษีได้เท่าไหร่ ยอมรับไม่มีอะไรได้มาฟรีๆ แต่จะสานประโยชน์ให้ตกกับทุกฝ่าย […]

ทบ. เร่งตรวจสอบวิเคราะห์ “ทุ่นระเบิด” คาดผลชัด 2-3 วัน

17 ก.ค.- โฆษก ทบ. แจงเร่งตรวจสอบเหตุกำลังพลเหยียบกับระเบิดชายแดนช่องบก คาดใช้เวลา 2-3 วัน ชัดเจนเรื่องชนิดและห้วงเวลาที่มีการนำทุ่นระเบิดมาติดตั้ง ยังไม่ยืนยันว่าเป็นทุ่นระเบิดใหม่ พลตรี วินธัย สุวารี โฆษกกองทัพบก เปิดเผยภายหลังได้รับทราบรายงานจากกองทัพภาคที่ 2 กรณีเมื่อช่วงบ่ายวานนี้ (16 ก.ค.68) เกิดเหตุกำลังพลกองร้อยทหารราบที่ 6021 เหยียบกับระเบิดระหว่างการลาดตระเวนในพื้นที่ช่องบก จ.อุบลราชธานี ทำให้กำลังพลได้รับบาดเจ็บ 3 นาย ปัจจุบันทุกนายอาการปลอดภัยอยู่ในระหว่างการพักสังเกตอาการที่โรงพยาบาลค่ายสรรพสิทธิประสงค์ จ.อุบลราชธานี อย่างใกล้ชิด สำหรับรายละเอียดเกี่ยวกับทุ่นระเบิดดังกล่าวนั้น ปัจจุบันอยู่ในระหว่างการเข้าพื้นที่เกิดเหตุและเก็บหลักฐาน มาดำเนินการวิเคราะห์โดยผู้เชี่ยวชาญด้านวัตถุระเบิดอย่างละเอียด ซึ่งขั้นตอนนี้ คาดว่าจะใช้เวลาประมาณ 2 – 3 วัน เพื่อให้ได้ข้อเท็จจริงที่ชัดเจน ในเรื่องของชนิดและห้วงเวลาที่มีการนำทุ่นระเบิดมาติดตั้ง ตามที่สังคมได้ให้ข้อสังเกตว่าอาจเป็นทุ่นระเบิดที่ถูกวางขึ้นใหม่ ไม่ใช่ทุ่นระเบิดที่ตกค้างอยู่ในพื้นที่การสู้รบเดิม ทั้งนี้ โฆษกกองทัพบก ยังได้กล่าวว่า หลังจากนี้หน่วยในพื้นที่ชายแดน จะได้มีการตรวจสอบพิสูจน์ทราบเพิ่มเติมว่า ทางกัมพูชาได้มีการนำทุ่นระเบิดมาใช้ในพื้นที่หรือไม่ เพราะในปัจจุบันทั้งไทยและกัมพูชา ได้ให้สัตยาบันในการเข้าร่วมเป็นประเทศภาคีในอนุสัญญาออตตาวา ว่าด้วยการห้ามใช้ทุ่นระเบิดสังหารบุคคล อย่างเป็นทางการ ตั้งแต่เมื่อปี พ.ศ. 2542.-สำนักข่าวไทย

มทภ.2 สั่งดูแลสิทธิสวัสดิการ-ปูนบำเหน็จ ทหารเหยียบกับระเบิด

17 ก.ค.- แม่ทัพภาค 2 สั่งดูแลสิทธิสวัสดิการ-ปูนบำเหน็จ ทหารเหยียบกับระเบิดขาขาด เลื่อนยศ “สิบเอก” รับบำนาญเกือบ 30,000 บาท/เดือน เงินช่วยเหลือกว่า 1 ล้านบาท บรรจุทายาทรับราชการ เมื่อวันที่ 17 ก.ค.68 รายงานข่าวจากกองทัพภาคที่ 2 เปิดเผยว่า พล.ท.บุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2 ได้สั่งการให้ฝ่ายกำลังพลกองทัพภาคที่ 2 ได้ตรวจสอบสิทธิของข้าราชการทหารในการปฏิบัติราชการสนาม และให้ดำเนินการปูนบำเหน็จแก่พลทหารธนพัฒน์ หุยวัน สูงสุด เพราะ เป็นการปฏิบัติภารกิจเพื่อปกป้องอธิปไตยในการ ออกลาดตระเวนและเหยียบกับระเบิดที่เนิน 481 วานนี้ โดย ได้รับการปูนบำเหน็จ เลื่อนชั้นเป็นสิบเอก (ส.อ.) หลังจากรักษาตัวแล้วเสร็จ ปลดเหตุสูญเสียฯจากการรบ ได้รับบำนาญเดือนละ 15,600 บาท ซึ่งเมื่อรวม เงินรายเดือน จากหน่วยงาน/องค์กรต่าง ๆ แล้ว คาดว่าจะได้รับเงิน รวม 29,800 บาท/เดือน (โดยประมาณ) […]