ทส.พร้อมรับ “พลายศักดิ์สุรินทร์” กลับถึง​ไทย​ 2 ก.ค.นี้

กรุงเทพฯ 9 มิ.ย. – “วราวุธ” เผย “พลายศักดิ์สุรินทร์” มีสุขภาพแข็งแรง เพียงพอที่จะเดินทางจากศรีลังกากลับถึง​ไทย วันที่ 2 ก.ค.นี้ จากนั้นจะส่งไปรักษาอาการป่วยที่สถาบันคชบาลแห่งชาติฯ จ.ลำปาง รวมเวลาเดินทาง 8 ชั่วโมง 20 นาที ระยะทางขนย้าย 2,600 กิโลเมตร


นายวราวุธ ศิลปอาชา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (รมว.ทส.) กล่าวว่า กระทรวง ทส. พร้อมนำ “พลายศักดิ์สุรินทร์ (Muthu Raja)” เดินทางจากประเทศศรีลังกากลับประเทศไทย ต้นเดือนกรกฎาคมนี้แน่นอน 

ทั้งนี้ การนำ “พลายศักดิ์สุรินทร์” ช้างที่รัฐบาลไทยมอบให้รัฐบาลศรีลังกา กลับมารักษาอาการป่วยที่ไทย เป็นการดำเนินการของกระทรวง ทส. โดยกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช ที่ร่วมกับกรมเอเชียใต้ ตะวันออกกลางและแอฟริกา กรมสารนิเทศ องค์การสวนสัตว์แห่งประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์ องค์การอุตสาหกรรมป่าไม้ กรมศุลกากร กรมปศุสัตว์ และกรมการปกครอง 


นายวราวุธ กล่าวว่า ได้ส่งคณะสัตวแพทย์และควาญไปเตรียมการด้านสุขภาพของช้างให้พร้อมเดินทาง รวมถึงประสานงานเที่ยวบินขนส่งทางอากาศขนาดใหญ่ที่สามารถ​ขนส่งช้าง​น้ำหนัก​ประมาณ​ 3.5 ตันได้​ นอกจากนี้​ยังสั่ง​จัดทำ​กรงขนย้ายที่ปรับปรุง​จากกรงต้นแบบที่ใช้เคลื่อน​ย้าย​ “พลาย​คาราวาน” จากปากีสถาน​ไปกัมพูชา​ โดยกรงของ​ “พลาย​ศักดิ์​สุรินทร์” กว้าง​ 2.10 เมตร ยาว​ 6.60 เมตร​ และสูง​ 3.02 เมตร ​เนื่องจาก​ตัวใหญ่และ​งายาวมาก เมื่อจัดทำเสร็จ​แล้ว​ ควาญจะฝึกช้างให้คุ้นเคยกับการเข้าออกกรง ตลอดจนดำเนินการขั้นตอน​ตรวจโรคตามระเบียบการนำเข้าช้างมาในราชอาณาจักร ยื่นขออนุญาตนำเข้าตามอนุสัญญาไซเตส

ปัจจุบัน “พลายศักดิ์สุรินทร์” ได้รับการดูแลอยู่ที่สวนสัตว์เดฮิวาลา (Dehiwala) กรุงโคลัมโบ ในวันที่​ 2 กรกฎาคม​ ซึ่ง​เป็น​วัน​เดินทาง​ จะเคลื่อน​ย้าย​ “พลาย​ศักดิ์​สุรินทร์” จากสวนสัตว์ไปยังสนามบินนานาชาติโคลัมโบ ระยะทาง 20 กิโลเมตร ใช้เวลา 30 นาที จากนั้นเครื่องบินเช่าเหมาลำขนาดใหญ่จะออกจากสนามบินนานาชาติโคลัมโบ มายังประเทศไทย ณ สนามบินนานาชาติเชียงใหม่ ระยะทาง 2,600 กิโลเมตร ใช้เวลา 6 ชั่วโมง โดยมีสัตวแพทย์ 2 คน และควาญช้าง 2 คน เดินทางมาพร้อมกัน เมื่อถึงสนามบินนานาชาติเชียงใหม่ สัตวแพทย์จะประเมินสุขภาพของช้างก่อน จากนั้นจึงจะเดินทางด้วยรถบรรทุกต่อไปยังสถาบันคชบาลแห่งชาติฯ จังหวัดลำปาง ระยะทาง 80 กิโลเมตร ใช้เวลา 1 ชั่วโมง 50 นาที รวมระยะทางทั้งสิ้น 2,600 กิโลเมตร ใช้เวลาเดินทางประมาณ 8 ชั่วโมง 20 นาที​ โดยสัตวแพทย์​ยืนยัน​ว่า​จะไม่วางยาซึมช้าง​ เนื่องจาก​ “พลาย​ศักดิ์​สุรินทร์” ไม่มี​ความก้าว​ร้าว และควาญสร้าง​ความคุ้นชินกับช้างแล้ว​

สำหรับการดูแลรักษาอาการป่วยของ “พลายศักดิ์สุรินทร์” ภายหลังเดินทางถึงประเทศไทย มีขั้นตอน​ดังนี้


-กักกันโรคบริเวณพื้นที่เฝ้าระวัง​ โดยจุดกักกันโรคตั้งอยู่ตรงกันข้ามสถาบันคชบาลแห่งชาติฯ) เป็นระยะเวลา 14 วัน โดยจะสังเกตอาการและพฤติกรรมของช้าง

-เมื่อครบ 14 วัน จะเก็บเลือดและตัวอย่างมูลเพื่อตรวจสอบเชื้อที่อาจติดต่อสู่คนและสัตว์

-หากปลอดโรคจะเคลื่อนย้ายมาดูแลรักษาอาการป่วยและฟื้นฟูสุขภาพในสถาบันคชบาลแห่งชาติฯ ต่อไป

นายวราวุธ กล่าวถึงงบประมาณที่ใช้ในการขนย้าย “พลายศักดิ์สุรินทร์” ที่ได้รับอนุมัติงบกลางจากรัฐบาลรวม 19 ล้านบาท ซึ่งหน่วยงานที่เกี่ยวข้องร่วมดำเนินการ โดยกรมอุทยานแห่งชาติฯ องค์การสวนสัตว์ฯ และองค์การอุตสาหกรรมป่าไม้ ร่วมกับสถานเอกอัครราชทูตไทย ณ กรุงโคลัมโบ ร่วมเตรียมการขนย้ายช้างและการดูแลรักษา เมื่อเดินทางถึงประเทศไทย องค์การสวนสัตว์ฯ จะเป็นหน่วยงานยื่นขอนำเข้าและองค์การอุตสาหกรรมป่าไม้ จะดำเนินการขนย้ายและดูแลรักษาพลายศักดิ์สุรินทร์

สำหรับ “พลายศักดิ์สุรินทร์” เป็นหนึ่งในช้าง 2 เชือกที่รัฐบาลไทยมอบให้รัฐบาลศรีลังกาตั้งแต่ปี 2544 เพื่อนำไปฝึกสำหรับอัญเชิญพระบรมสารีริกธาตุของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ในงานแห่พระธาตุประจำปีของประเทศศรีลังกา​ ขณะที่เดินทาง​ไปยังศรี​ลังกา ช้าง​มีอายุ​ไม่ถึง​ 10 ปี

ปัจจุบัน​ช้างมีอายุ​ประมาณ​ 30​ ปี เมื่อเดือนมกราคม 2565 กระทรวง ทส. มีหนังสือสอบถามมายังกรมอุทยานแห่งชาติฯ ให้พิจารณาติดตามข้อมูลสุขภาพของช้าง​ “พลายศักดิ์สุรินทร์” 

ต่อมาปลายปี 2565 กระทรวง ทส. ร่วมกับกระทรวงการต่างประเทศ โดยสถานเอกอัครราชทูตไทย ณ กรุงโคลัมโบตรวจเยี่ยมความเป็นอยู่ของพลายศักดิ์สุรินทร์ โดยมีเจ้าหน้าที่และสัตวแพทย์จากกรมอุทยานแห่งชาติฯ องค์การสวนสัตว์แห่งประเทศไทยฯ และองค์การอุตสาหกรรมป่าไม้ เดินทางไปตรวจสุขภาพ พบว่าช้างมีอาการป่วยจากฝีขนาดใหญ่ และมีการบาดเจ็บที่ขาและเท้า จากนั้น​จึง​ขอให้ย้ายช้างไปรักษาอาการป่วยที่สวนสัตว์แห่งชาติเดฮิวาลา ในเดือนพฤศจิกายน 2565 ภายหลังได้ประชุมหารือของผู้แทนกระทรวงการต่างประเทศ และกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติฯกับรัฐบาลศรีลังกา ซึ่งมีความห่วงใยในสุขภาพของช้าง และเห็นควรให้ได้รับการรักษาที่เหมาะสมโดยเร่งด่วน จึงได้เห็นชอบให้นำกลับมารักษาที่ประเทศไทย ซึ่งมีความพร้อมในด้านการสัตวแพทย์และเชี่ยวชาญการดูแลช้าง พร้อมทั้งแสดงความขอบคุณรัฐบาลศรีลังกาในความช่วยเหลือครั้งนี้.-สำนักข่าวไทย        

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

“บิ๊กเต่า” ชี้พิรุธหมอดูชื่อดังเปิดใช้ชื่อวัดรับบริจาค แต่วัดเบิกไม่ได้

บช.ก. 6 ส.ค. – “บิ๊กเต่า” ชี้พิรุธหมอดูชื่อดัง เปิดรับบริจาค ใช้บัญชีชื่อวัด แต่หมอดูเบิกได้คนเดียว ตามกฎหมายทำไม่ได้ ต้องนำบัญชีมาตรวจสอบเส้นเงิน พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รองผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (รอง ผบช.ก.) เปิดเผยถึงกรณีที่มีหมอดูชื่อดังได้เปิดรับบริจาคเงินโดยใช้บัญชี ชื่อวัดพระบาทน้ำพุ แต่คนที่สามารถถอนเงินออกจากบัญชีได้คือหมอดูคนดังกล่าว ทำให้ประชาชนเกิดข้อสงสัยว่า ทำไมเปิดรับบริจาคใช้ชื่อวัดแต่วัดถอนเงินไม่ได้ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ กล่าวว่า ตอนนี้มีผู้เสียหายได้มาร้องขอความเป็นธรรมที่ กองกำกับการ 1 กองบังคับการปราบปราม เรื่องหมอดูคนดังกล่าว และได้มีการพูดคุยกับผู้กำกับกอง 1 ซึ่งกำลังตรวจสอบอยู่ มีการอ้างว่านำเงินไปให้เจ้าอาวาส อยู่ระหว่างการตรวจสอบ และจะต้องมีการเช็คว่านำเงินไปให้เจ้าอาวาสจริงหรือไม่ และเจ้าอาวาสนำเงินไปใช้อะไร เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่ากรณีนี้จะเข้าข่ายคดีฉ้อโกงหรือไม่ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ บอกว่า คิดว่าน่าจะเข้าข่ายคดีฉ้อโกง แต่ก็ต้องตรวจสอบดูว่าเงินที่รับบริจาคมาเอาไปให้เจ้าอาวาสจริงหรือไม่ และถ้าเอาไปให้จริง เจ้าอาวาสนำเงินไปใช้จ่ายอะไรบ้าง ผู้สื่อข่าวถามอีกว่ากรณีที่หมอดูคนดังกล่าว นำชื่อวัดมารับบริจาคเงินแต่หมอดูคนดังกล่าวกับเบิกเงินได้คนเดียว ทั้งที่ชื่อในบัญชีที่รับบริจาคเป็นชื่อวัดกระทำได้หรือไม่ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ บอกว่าทำไม่ได้ ถ้าใช้ชื่อบัญชีรับบริจาคเป็นชื่อวัดก็ต้องนำเงินไปให้วัดแล้วคนที่เบิกได้ก็ต้องเป็นวัดเท่านั้น เพราะเป็นเงินวัด เดี๋ยวจะต้องมีการนำบัญชีดังกล่าวมาตรวจสอบว่าเงินที่เข้าในบัญชีเท่าไหร่และวัดได้เท่าไหร่ และการรับบริจาคในลักษณะนี้ ต้องมีกรรมการวัดในการตรวจสอบบัญชี ให้ละเอียด ไม่ใช่อยากรับบริจาคก็จะทำได้เลย. -415-สำนักข่าวไทย

บุกค้นบริษัท ยึดโดรน-อุปกรณ์ตัดสัญญาณรวมกว่า 200 ชิ้น

กทม. 6 ส.ค.-ตำรวจกองปราบ ร่วมกับ กสทช. บุกค้นบริษัทใน จ.สมุทรปราการ ยึดโดรน และอุปกรณ์ตัดสัญญาณรวมกว่า 200 ชิ้น ตำรวจกองบังคับการปราบปราม ร่วมกับเจ้าหน้าที่ กสทช. และพนักงานสืบสวนจังหวัดสมุทรปราการ เข้าตรวจค้นบริษัทแห่งหนึ่ง ในอำเภอเมืองสมุทรปราการ หลังพบขัอมูลว่ามีบริษัทแห่งนี้ผลิตอุปกรณ์ และมีอากาศยานไร้คนขับโดรนไว้จำนวนมาก ต่อมาเมื่อแสดงหมายเพื่อขอตรวจค้น นายกฤษนันท์ ได้แสดงตัวเป็นกรรมการผู้จัดการของบริษัทดังกล่าว เป็นผู้นำตรวจค้น จากการตรวจค้นพบอากาศยานไร้คนขับ หรือโดรน 29 เครื่อง, กระเป๋าตรวจจับสัญญาณ 38 อัน, ปืนรบกวนสัญญาณ 129 กระบอก, เครื่องรบกวนสัญญาณ 16 เครื่อง, รถตู้สำหรับตรวจจับและรบกวนสัญญาณ 1 คัน และอุปกรณ์อื่นๆ ที่เกี่ยวข้องอีก 50 รายการ โดยของกลางทั้งหมดจะถูกนำไปเก็บไว้ที่กองบังคับการตำรวจสอบสวนกลาง เพื่อนำไปตรวจสอบความถี่ และเอกสารที่เกี่ยวข้อง สำหรับบริษัทดังกล่าว ตำรวจให้ข้อมูลว่า มีเจ้าของโรงงานเป็นคนสัญชาติสิงคโปร์ และมีกรรมการเป็นชาวไทยร่วมด้วย ประกอบกิจการผลิตอุปกรณ์ และอากาศยานไร้คนขับโดรน.-สำนักข่าวไทย

มหาดไทย เตรียมชง ครม. เด้ง 2 อธิบดีสายน้ำเงิน

กทม 5 ส.ค.-มหาดไทย เตรียมชง ครม. เด้ง 2 อธิบดีสายน้ำเงินอีก “ขจรเกียรติ” ผู้ว่าฯ ฉะเชิงเทรา ผงาดคุมที่ดิน “เชษฐา” คุม ปภ. โยก “ภาสกร” นั่งผู้ว่าฯ ระยอง ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) วันนี้ กระทรวงมหาดไทย เตรียมเสนอให้ ครม.พิจารณาเห็นชอบรวม 5 ตำแหน่ง ประกอบด้วย นายพรพจน์ เพ็ญพาส อธิบดีกรมที่ดิน เป็นรองปลัดกระทรวงมหาดไทย นายเชษฐา โมสิกรัตน์ รองปลัดกระทรวงมหาดไทย เป็นอธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย นายขจรเกียรติ รักพานิชมณี ผู้ว่าฯ ฉะเชิงเทรา เป็นอธิบดีกรมที่ดิน นายภาสกร บุญญลักษม์ อธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย เป็นผู้ว่าฯ ระยอง และนายไตรภพ วงศ์ไตรรัตน์ ผู้ว่าฯ ระยอง เป็นผู้ว่าฯ เพชรบุรี.-319.-สำนักข่าวไทย

เปิดปฏิบัติการค้น 200 จุด ล่าพระทำผิดกฎหมาย

กทม. 5 ส.ค.-ตำรวจสอบสวนกลาง เปิดปฏิบัติการทำนุบำรุงพระพุทธศาสนา ลุยค้น 200 จุดทั่วประเทศ ไล่ล่าจับพระทำผิดกฎหมาย 181 เป้าหมาย ล่าสุดจับพระวัดดังย่านคลอง 6 ปทุมธานี พบเอี่ยวองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผบช.ก. ในฐานะหัวหน้าศูนย์ป้องกันปราบปรามภัยคุกคามและเสริมสร้างความมั่นคงทางพระพุทธศาสนา สั่งการ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รอง ผบช.ก. นำกำลังเจ้าหน้าที่หน่วยงานในสังกัด บช.ก. เปิดปฏิบัติการกวาดลานวัด เข้าตรวจค้นพื้นที่เป้าหมาย กว่า 200 จุด เพื่อจับกุมผู้ต้องหาคดีต่างๆ อาทิ ยักยอกทรัพย์ ฟอกเงิน เมาแล้วขับ หรือ มีส่วนเกี่ยวข้องกับขบวนการยาเสพติด รวมไปถึงองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ ที่หลบหนีมาบวชเป็นพระซ่อนตัวตามวัดต่างๆ ทั่วประเทศ โดยกลุ่มผู้ต้องหาที่เป็นเป้าหมายหลักของปฏิบัติการครั้งนี้ มีด้วยกันทั้งหมด 181 ราย แบ่งเป็น ผู้ต้องหาที่ยังมีสถานะเป็นพระ 154 ราย ในจำนวนนี้มีพระตำแหน่งสูงสุดเป็นระดับเจ้าอาวาส ส่วนผู้ต้องหาที่เคยเป็นพระแต่สึกไปแล้วมีทั้งหมด 27 ราย ซึ่งขณะนี้เจ้าหน้าที่อยู่ระหว่างการเข้าดำเนินการจับกุม อย่างไรก็ตามขณะนี้มีรายงานว่า จากปฏิบัติการดังกล่าวขณะนี้เจ้าหน้าที่สามารถจับกุมตัวผู้ต้องหาคนสำคัญได้รายหนึ่งแล้ว […]

ข่าวแนะนำ

มอบตัวแล้วอดีตเจ้าคณะตำบล ยิงเจ้าอาวาสวัดดัง จ.เลย

มหาสารคาม 6 ส.ค. – มอบตัวแล้วอดีตเจ้าคณะตำบล ยิงเจ้าอาวาสวัดในพื้นที่ อ.เชียงคาน จ.เลย บาดเจ็บ หลังหนีไปกบดานที่บ้านเกิด จ.มหาสารคาม ตำรวจตั้งข้อหาพยายามฆ่า จากกรณี พระอธิการมานพพร อายุ 47 ปี เจ้าอาวาสวัดโพนสว่าง และเจ้าคณะตำบลเขาแก้ว ขับรถยนต์หลบหนีไป หลังใช้ปืนจ่อยิงพระมหาโยธิน เจ้าอาวาสวัดป่าพัฒนาราม และเจ้าคณะตำบลจอมศรี จนได้รับบาดเจ็บ ขณะที่พระครูถาวรเทวธรรม เจ้าคณะตำบลธาตุ และเจ้าอาวาสวัดสวนธรรมเทวราช เจ้าคณะตำบลธาตุ ซึ่งอยู่ในเหตุการณ์ด้วย หลบหนีได้ทันจึงไม่ได้รับบาดเจ็บ เกิดเหตุในวัดพื้นที่ อ.เชียงคาน จ.เลย เมื่อวันที่ 4 ส.ค.ที่ผ่านมา ต่อมาศาลจังหวัดเลยอนุมัติหมายจับในข้อหา “พยายามฆ่าผู้อื่น และมีอาวุธปืน กระสุนปืน พกพาโดยไม่มีเหตุอันควร” วันนี้ ที่ห้องสืบสวน สภ.เมืองมหาสารคาม พระอธิการมานพพร หรือนายมานพพร ผู้ต้องหาก่อเหตุยิงพระ 2 รูป เข้ามอบตัว เนื่องจากถูกตำรวจกดดันอย่างหนัก เบื้องต้นให้การว่า วันเกิดเหตุมีการปรึกษากัน แต่ไม่ได้ทะเลาะ สาเหตุมาจากตนเองโดนกลั่นแกล้งจากทางพระทั้ง […]

แรงงานกัมพูชาแห่กลับประเทศ รัฐบาลขู่ยึดที่ดิน-ถอดสัญชาติ

6 ส.ค. – รัฐบาลกัมพูชาขู่ยึดที่ดินและถอดสัญชาติแรงงานที่ดื้ออยู่ไทย ส่งผลวันนี้ (6 ส.ค.) ชาวกัมพูชาแห่เดินทางกลับประเทศ ทำจุดผ่านแดนถาวรตลาดบ้านแหลม อ.โป่งน้ำร้อน จ.จันทบุรี รถติดยาว 8 กิโลเมตร ที่จุดผ่านแดนถาวรตลาดบ้านแหลม ต.เทพนิมิต อ.โป่งน้ำร้อน จ.จันทบุรี ตั้งแต่ช่วง 06.00 น. รถติดยาวเหยียดร่วม 8 กิโลเมตร ทั้งรถเช่าเหมา รถตู้ และรถรับจ้างที่ขนแรงงานชาวกัมพูชากลับประเทศ ส่วนภายในบริเวณตลาดบ้านแหลม ช่วงเวลา 07.00 น.ที่ผ่านมา ยังพบชาวกัมพูชาร่วมกว่า 20,000 คน ขนสัมภาระ ข้าวของ มารอเต็มหน้าด่าน มากกว่า 2-3 วันที่ผ่านมา ทั้งนี้ เป็นเพราะมีกระแสข่าวรัฐบาลกัมพูชาขู่จะออกมาตรการเอาจริงกับแรงงานกัมพูชาที่ยังดื้อไม่ยอมกลับประเทศก่อนวันที่ 10 สิงหาคมนี้ จะยึดที่ดินทำกินและถอดสัญชาติ คาดว่าจุดนี้จุดเดียวคนจะกลับกัมพูชาเฉียดครึ่งแสนคน แรงงานกัมพูชากลับประเทศ นายจ้างกลัวไปไม่กลับที่ตลาดสดแห่งหนึ่งใน อ.ศรีมหาโพธิ จ.ปราจีนบุรี พบว่ายังมีแรงงานกัมพูชาก้มหน้าก้มตาทำงานอยู่ แต่มีสีหน้าเคร่งเครียดจากกระแสข่าวที่เกิดขึ้นอย่างชัดเจน แรงงานเล่าว่าไม่อยากกลับกัมพูชา กลับไปก็ไม่มีงานทำ ทางครอบครัวที่กัมพูชาก็โทรมาห่วงว่าคนไทยจะทำร้าย […]

เปิดภาพทหารไทยวางรั้วลวดหนามช่องอานม้า ตรึงกำลังเข้ม

6 ส.ค.- เปิดภาพทหารไทยวางรั้วลวดหนามช่องอานม้า พร้อมตรึงกำลังเข้ม ป้องกันทหารกัมพูชาตัดรั้วลวดหนาม รอบ 2 เมื่อวันที่ 6 ส.ค. 68 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ภายหลังเจ้าหน้าที่ตรวจพบกำลังทหารกัมพูชาเข้ามาดำเนินการตัดลวดหีบเพลง ที่ทางฝ่ายไทยได้วางไว้เพื่อเสริมความมั่นคงในพื้นที่เขตอธิปไตยของไทย ณ บริเวณพื้นที่ตลาดช่องอานม้า อำเภอน้ำยืน จังหวัดอุบลราชธานี เมื่อวานนี้ (5 ส.ค.) โดยทางฝ่ายไทยได้ดำเนินการแจ้งให้ยุติการกระทำดังกล่าว พร้อมให้ถอยออกจากพื้นที่ ซึ่งฝ่ายกัมพูชาปฏิบัติตาม และได้ออกจากบริเวณดังกล่าวในทันที ต่อมาเจ้าหน้าที่ได้เข้าดำเนินการกางลวดหีบเพลงให้เข้าสู่สภาพเดิม ปัจจุบันยังคงมีการตรึงกำลังที่ฐานปฏิบัติการในพื้นที่เขตอธิปไตยของไทย-สำนักข่าวไทย

เอาผิด 2 ข้อหา อดีตทหาร BHQ-เรียกภรรยาให้ข้อมูล

บุรีรัมย์ 6 ส.ค. – ผู้การบุรีรัมย์ เค้นสอบอดีตทหารองครักษ์พิทักษ์ฮุนเซน ยืนยันไม่ได้เป็นสายลับ หลังถูกจับพร้อมเครื่องแบบทหาร-อาวุธปืน เบื้องต้นตั้ง 2 ข้อหา พร้อมเรียกภรรยามาให้ข้อมูล จากกรณีตำรวจ สภ.ลำดวน จ.บุรีรัมย์ จับกุมนายวิน ดา ทหารเขมรชุด BHQ องครักษ์พิทักษ์ฮุน เซน ได้ในบ้านพักหลังหนึ่งใน อ.กระสัง ซึ่งเป็นบ้านของภรรยาชาวไทย พร้อมปืนลูกซองไทยประดิษฐ์และเครื่องกระสุนปืนลูกซองเบอร์ 12 จำนวน 3 นัด กระสุนปืนขนาด.38 อีก 3 นัด และเครื่องแบบทหารที่มีตราสัญลักษณ์ BHQ หลายรายการ ซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของทหารกัมพูชา หน่วยรบพิเศษ BHQ ซึ่งเป็นองครักษ์พิทักษ์สมเด็จฮุน เซน จึงควบคุมตัวมาสอบปากคำที่สถานีตำรวจภูธรลำดวน อ.กระสัง จ.บุรีรัมย์ เพราะคาดว่าน่าจะเป็นสายลับเข้ามาฝังตัว ส่งความเคลื่อนไหวทางการทหารไทยให้ฝ่ายกัมพูชา รับเป็นทหารBHQ จริง แต่ไม่ใช่สายลับพล.ต.ต.ณรงค์ศักดิ์ พรหมทา ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดบุรีรัมย์ ลงพื้นที่สอบปากคำนายวิน ดา ด้วยตัวเอง ร่วมกับเจ้าหน้าที่ฝ่ายความมั่นคง […]