ลำดับเหตุการณ์ไฟไหม้บ้านถล่มทับดับเพลิง-กู้ภัยเสียชีวิต

กรุงเทพฯ 3 เม.ย. – ลำดับเหตุการณ์ไฟไหม้และบ้านพังถล่มทับนักดับเพลิงและอาสากู้ชีพเสียชีวิตและบาดเจ็บหลายราย เกิดขึ้นตั้งแต่เช้าตรู่ของวันนี้ เราไปย้อนภาพเหตุการณ์ที่มีผู้บันทึกภาพเอาไว้ได้


เหตุการณ์บ้าน 3 ชั้น บนถนนบรมราชชนี เขตทวีวัฒนา เกิดเพลิงไหม้ก่อนพังถล่มลงมา เจ้าหน้าที่ได้รับแจ้งจากชาวบ้านตั้งแต่เวลา 05.51 น. จึงระดมเจ้าหน้าที่จากสถานีดับเพลิงนำรถน้ำเข้าพื้นที่ไปฉีดสกัดเพลิง พร้อมกับประสานกู้ภัยให้ส่งทีมลงไปค้นหา และช่วยเหลือผู้ที่ติดค้างอยู่ภายใน

เวลา 06.12 น. เจ้าหน้าที่แบ่งกำลังกันไปตรวจสอบพื้นที่ พบว่าบ้านมีลักษณะเป็นอาคารสูง 3 ชั้น ปลูกอยู่บนเนื้อที่ประมาณ 50 ตารางวา มีรั้วรอบขอบชิด ติดถนนในซอย และใกล้กันมีคลองอยู่ จึงระดมฉีดน้ำสกัดเพลิงที่กำลังโหมไหม้อย่างรุนแรง การตรวจสอบเบื้องต้นพบว่ามีผู้บาดเจ็บติดค้างอยู่ที่ชั้นดาดฟ้า และบริเวณบันไดหนีไฟด้านหลังบ้าน จึงเร่งวางแผนให้การช่วยเหลือ


ผ่านไปเกือบครึ่งชั่วโมง (06.39 น.) การฉีดน้ำสกัดเพลิงเป็นผล แต่ยังมีแสงเพลิงอยู่ในตัวบ้านเล็กน้อย เจ้าหน้าที่จึงเปิดปฏิบัติการตรวจสอบผู้พักอาศัยในบ้าน เบื้องต้นพบว่ามีอยู่ด้วยกัน 8 คน และทั้งหมดยังติดค้างอยู่ภายใน

เวลา 07.00 น. มีการวางแผนลำเลียงผู้ที่ติดค้างออกมา ภายหลังเพลิงดับสนิท สามารถช่วยผู้ติดค้างออกมาได้ 7 คน เหลืออีก 1 คน ยังช่วยเหลือออกมาไม่ได้ แต่การตรวจสอบเบื้องต้นพบว่าผู้ที่ติดค้างอยู่ไม่มีสัญญาณชีพแล้ว จึงมีการเตรียมการนำเปลขึ้นมารับผู้เสียชีวิต

อย่างไรก็ตาม เกิดเรื่องไม่คาดคิดขึ้น เพราะขณะเจ้าหน้าที่บางส่วนกำลังระดมฉีดน้ำป้องกัน เพลิงลุกไหม้ขึ้นมาซ้ำ และบางส่วนตรวจสอบความเสียหายอยู่ภายในบ้าน เพื่อเตรียมการเคลื่อนย้ายร่างผู้เสียชีวิต เกิดมีเสียงปูนดังลั่นขึ้น และเพียงเสี้ยววินาที บ้านทั้งหลังพังถล่มลงมา ทำให้ทั้งเจ้าหน้าที่ดับเพลิงที่กำลังปฏิบัติหน้าที่อยู่ภายนอกต่างวิ่งหนีตาย ขณะที่เจ้าหน้าที่ดับเพลิงและอาสากู้ภัยที่ยังอยู่ในตัวบ้าน ถูกซากปรักหักพังทับร่างติดค้างอยู่ภายใน ทำให้กู้ภัยต้องระวังในการปฏิบัติงานมากขึ้น โดยใช้โดรนบินตรวจจับความร้อนหาผู้รอดชีวิตที่ติดอยู่ใต้ซาก


อย่างไรก็ตาม การหยุดฉีดน้ำเพื่อไม่ให้เพลิงลุกไหม้ซ้ำนานเกินกว่า 1 ชั่วโมง ทำให้เพลิงกลับมาคุกรุ่นอีกครั้ง ก่อนลามขึ้นไปด้านข้างตัวบ้าน ซึ่งในเวลานั้น เจ้าหน้าที่ยังไม่กล้าผลีผลามดับไฟ เพราะเกรงว่าการฉีดน้ำจะทำให้ตัวบ้านอุ้มน้ำมากเกินไป และเสี่ยงพังถล่มลงมาซ้ำ ซึ่งเป็นอันตรายกับผู้ที่อยู่ใต้ซากปรักหักพัง

เวลา 09.00 น.เศษ เจ้าหน้าที่สามารถนำร่างนายธนภพ ประไพ เจ้าหน้าที่ดับเพลิงที่เข้าปฏิบัติหน้าที่อยู่บริเวณด้านหลังบ้านออกมาได้ 1 คน เวลา 10.00 น. พล.ต.อ.อัศวิน ขวัญเมือง ผู้ว่าฯ กทม. ลงพื้นที่จุดเกิดเหตุ พร้อมร่วมหารือวางแนวทางช่วยเหลือผู้ที่ยังติดค้างอยู่ภายในบ้าน โดยบอกว่าไม่สามารถนำอุปกรณ์หนักมารื้อซากอาคารได้ เนื่องจากเกรงว่าหากใช้อุปกรณ์หนักจะทำให้โครงสร้างบ้านพังซ้ำอีก ทำให้การช่วยเหลือในตอนนั้นทำได้เพียงวิธีเดียว คือการเจาะกำแพงด้านข้างเข้าไปช่วยเหลือผู้ที่คาดว่าจะรอดชีวิต

ภายหลังพูดคุยกับเจ้าหน้าที่ ผู้ว่าฯ กทม. ออกมายืนยันว่าพบผู้เสียชีวิตในเหตุการณ์นี้ 5 คน โดย 4 คน เป็นเจ้าหน้าที่ดับเพลิงและกู้ภัย ส่วนอีก 1 คน เป็นผู้อาศัยอยู่ในบ้านนี้ ที่ตอนแรกพบว่าเสียชีวิตและยังไม่สามารถนำร่างออกมาได้ก่อนบ้านถล่ม

เวลา 11.39 น. เจ้าหน้าที่กู้ภัยใช้อุปกรณ์ชนิดพิเศษตรวจจับความเคลื่อนไหวและสัญญาณเสียงภายในตัวบ้านที่พังถล่ม พร้อมแจ้งให้ทุกคนที่อยู่ในพื้นที่เกิดเหตุหยุดการเคลื่อนไหว ห้ามใช้เสียง เพื่อทำให้บริเวณดังกล่าวเงียบที่สุด เพราะพบสัญญาณชีพของผู้ที่ติดอยู่ในบ้าน แต่ยังระบุไม่ได้ว่าผู้ที่สื่อสารเป็นใคร เนื่องจากการโต้ตอบมีเพียงการเคาะส่งสัญญาณเท่านั้น

เวลา 12.00 น. มีการส่งผู้เชี่ยวชาญด้านการค้นหาผู้สูญหายในสถานการณ์ตึกถล่มเข้าไปภายในบ้าน พร้อมกับอุปกรณ์เจาะผนังปูน และอุปกรณ์ตัดถ่าง ซึ่งอุปสรรคในขณะนั้นคือ กลุ่มควันไฟสีเทาที่ลอยอยู่ทุกพื้นที่ของตัวบ้าน ทำให้เจ้าหน้าที่ต้องเปิดพัดลมดูดอากาศช่วยระบายควัน พร้อมกับเพิ่มอากาศหายใจให้กับผู้รอดชีวิตใช้หายใจ แต่กลับมีอุปสรรคเพิ่ม คือเมื่อลอยในอากาศ ทำให้ไฟบางส่วนที่ยังไม่ดับสนิทปะทุขึ้นมาอีกครั้ง แต่ด้วยความที่ใช้น้ำไม่ได้ เนื่องจากกลัวว่าตัวบ้านจะอุ้มน้ำและถล่มซ้ำ เจ้าหน้าที่จึงตัดสินใจใช้โฟมในการดับเพลิงแทน

เมื่อการค้นหาผู้ติดค้างอยู่ใต้ซากปรักหักพังเริ่มมีแผนที่ชัดเจนมากขึ้น นายธเนศ วีระศิริ นายกวิศวกรรมสถานแห่งประเทศไทย หรือ วสท. ได้นำเจ้าหน้าที่มาสังเกตการณ์ พร้อมนำกล้องวัดมุมเพื่อประเมินองศาการเคลื่อนตัวของตัวบ้าน ป้องกันการถล่มซ้ำ รวมถึงห้ามเคลื่อนย้ายอิฐหรือผนังที่ขวางทับกันอยู่ออก เพราะเกรงจะทำให้บ้านขยับตัว นอกจากนี้ยังได้ใช้การเจาะชนิดพิเศษ และกล้องส่อง ร่วมค้นหาผู้ติดอยู่ใต้ซากด้วย ส่วนสาเหตุของบ้านที่ถล่มยังยืนยันไม่ได้ว่าการที่เกิดเพลิงไหม้เป็นสาเหตุหลักหรือไม่ แต่เบื้องต้นยืนยันได้แน่นอนว่าเปลวเพลิงเป็นชนวนนำไปสู่การถล่ม เพราะการตรวจสอบเบื้องต้นพบค่าความร้อนไม่ต่ำกว่า 70 องศาเซลเซียส ทำให้ต้องพรมน้ำช่วยเป็นระยะ แต่จะไม่ฉีดน้ำเด็ดขาด ส่วนบ้านเรือนข้างเคียงให้อพยพชั่วคราว

จากนั้นมีข้อมูลจากนายพรเลิศ เพ็ญพาส ผู้อำนวยการเขตทวีวัฒนา ยืนยันว่าเขตกำลังตรวจสอบใบขออนุญาตและการออกเลขบ้าน เพื่อตรวจสอบว่าบ้านนี้ปลูกสร้างมาปีไหน ซึ่งข้อมูลเบื้องต้นค่อนข้างหายาก เนื่องจากบ้านหลังนี้มีอายุมากกว่า 10 ปี และแจ้งเป็นลักษณะพักอาศัย แต่ทำธุรกิจในลักษณะขายอุปกรณ์ว่ายน้ำ ชุดว่ายน้ำ รวมถึงไม่พบการต่อเติมบ้าน ส่วนเจ้าของบ้านไม่อาศัยอยู่ที่นี่ ให้ลูกจ้างเฝ้า สาเหตุเชื่อว่าไม่ใช่เป็นเพราะบ้านเก่าอย่างเดียว แต่อาจมีเรื่องความร้อน การขยายตัวของเหล็ก น้ำหนักการฉีดน้ำ การก่อสร้างไม่ได้มาตรฐาน ต้องให้พิสูจน์หลักฐาน และ วิศกรรมสถานเข้ามาตรวจสอบรายละเอียด

แต่เหตุการณ์นี้ผู้ประสบภัยที่พักอาศัยอยู่ภายในบ้านหลังดังกล่าว และสามารถรอดชีวิตออกมาได้ก่อนที่อาคารจะถล่ม ให้ข้อมูลว่า ต้นเพลิงอยู่ที่ตู้พัก รปภ.เก่า ปัจจุบันใช้เป็นห้องเก็บของ เก็บที่นอนเก่า และติดตั้งปั๊มลมสำหรับฉีดพ่นยาฆ่าเชื้อ ซึ่งเสียบปลั๊กไว้ตลอดเวลา แต่ส่วนตัวไม่ทราบสาเหตุการเกิดประกายไฟ เห็นเพียงว่าประกายไฟลุกลามเร็วมาก จึงรีบไปปลุกคนในบ้าน และรีบหนีตายกันออกมา พร้อมยืนยันว่าบ้านหลังดังกล่าวในช่วง 1 ปีที่ผ่านมา ไม่ได้ต่อเติมดัดแปลงตัวบ้านแต่อย่างใด

ส่วนนายฐิติพล คำใบใหญ่ ดับเพลิงอาสาวัดกัลยาณมิตร ฝั่งธนฯ ซึ่งเป็นชุดแรกๆ เข้าถึงที่เกิดเหตุ เล่าว่า มาถึงเวลาประมาณ 06.00 น. ก็พบเปลวเพลิงซึ่งเป็นประกายไฟสีเขียว ถือว่าเพลิงแรงมาก ซึ่งปกติไฟจะสีส้ม จึงได้ใช้น้ำฉีดขึ้นข้างบนต่อเนื่อง แต่ไฟไหม้ท่วมทั้งตึกแล้ว หากไหม้ไม่นานประมาณ 1 ชั่วโมง ก็ดับไฟได้ ส่วนสิ่งของที่พบด้านในบ้านเป็นพวกไม้ ยางพลาสติก สายไฟ.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

‘ฮุน เซน’ ไลฟ์สดกล่าวถึงปัญหาไทย-กัมพูชา

พนมเปญ 27 มิ.ย. – วันนี้นายฮุนเซน ไลฟ์ผ่านเฟซบุ๊กแต่เช้า พูดถึงเรื่องปัญหาความขัดแย้งไทยกับกัมพูชา สรุปประเด็นได้ดังนี้ 7. ประเด็นอดีตนายกรัฐมนตรีทักษิณ ชินวัตร นายฮุน เซนกล่าวว่า เมื่อตอนที่เดินทางมาเยี่ยมนายทักษิณที่ประเทศไทย เห็นกับตาว่า เวลานายทักษิณจะถ่ายรูปด้วยกัน ต้องหยิบปลอกคอทางการแพทย์มาสวมก่อน พอถ่ายรูปเสร็จก็ถอดออก แล้วไปกินข้าวด้วยกันเป็นปกติ 8.นายฮุน เซนระบุว่า กัมพูชาจะไม่อนุญาตให้ชาวต่างชาติดูหมิ่นกองทัพหรือผู้นำกองทัพ และนายฮุน เซน ถือว่าการกระทำของนางสาวแพทองธาร ต่อแม่ทัพภาคที่ 2 ของไทย ถือเป็นการหมิ่นเบื้องสูง.-810.-สำนักข่าวไทย

เช็กโผ ครม.ล่าสุด นายกฯ นั่งควบ รมว.วัฒนธรรม

ทำเนียบฯ 27 มิ.ย. – คืบหน้า ครม.ใหม่ นายกฯ นั่งควบ รมว.วัฒนธรรม โยก “สุดาวรรณ” นั่ง รมว.อว. ขณะที่ หลานชาย สุริยะ “พงศ์กวิน” นั่ง รมว.แรงงาน ความคืบหน้าในการปรับคณะรัฐมนตรี ( ครม.) ชุดใหม่ ล่าสุดมีรายงานว่า น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เตรียมนำรายชื่อคณะรัฐมนตรีชุดใหม่ขึ้นทูลเกล้าฯ แล้ว โดยโผ ครม.ล่าสุด น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี จะนั่งควบรัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม โดย น.ส.สุดาวรรณ หวังศุภกิจโกศล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม จะไปดำรงตำแหน่ง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) ส่วนนายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม จะไปดำรงตำแหน่ง รองนายกรัฐมนตรี ควบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย นายจักรพงษ์ แสงมณี จะดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ […]

เร่งหาทอง 38 บาท หลังคนร้ายจบชีวิต หนีความผิด

ชลบุรี 27 มิ.ย. – คนร้ายบุกชิงทอง 38 บาท กลางห้างดังชลบุรี โดดคอนโด หนีความผิด หลังก่อเหตุ 2 ชม. ค้นบ้านเจอเอกสารทวงหนี้จำนวนมาก ตำรวจเร่งหาที่ซ่อนทอง ช่วงสายวานนี้ ประมาณ 09.30 น. เกิดเหตุคนร้าย เป็นชาย สวมเสื้อแขนยาวสวมหมวกใส่แมสก์ปิดบังใบหน้า เข้ามาใช้ปืนจี้พนักงานก่อเหตุชิงทอง ห้างทองภายในห้างสรรพสินค้าแห่งหนึ่ง สาขาบ้านสวน อำเภอเมืองชลบุรี ได้ทองรูปพรรณไปทั้งหมดรวม 38 บาท ซึ่งขณะหลบหนี ดาบตำรวจสมปอง ฟองดา ผบ.หมู่ กองบังคับการสืบสวนสอบสวนภูธรภาค 2 เห็นเหตุการณ์พอดี พยายามกระโดดขวางและเข้าชาร์จตัวผู้ก่อเหตุ จังหวะนั้นผู้ก่อเหตุ ได้ยิงเพื่อเปิดทางหนึ่งนัด กระสุนโดนหมวกกันน็อกดาบตำรวจสมปอง จนเป็นรู และสามารถแย่งปืนมาได้ แต่ไม่สามารถจับตัวได้ คนร้ายวิ่งหนีออกจากห้างไปอย่างรวดเร็วตำรวจในพื้นที่เร่งตรวจสอบกล้องวงจรปิด เพื่อติดตามเส้นทางหลบหนี แต่ผ่านไปเพียง 2 ชั่วโมง ประมาณ 11.30 น. ตำรวจ สภ.ดอนหัวฬ่อ ได้รับแจ้งคนตกจากคอนโดมีเนียม จึงเดินทางไปตรวจสอบพร้อมกู้ภัย […]

พบระเบิดอีกที่หาดสุรินทร์

ภูเก็ต 27 มิ.ย.-พบระเบิดอีก 1 ชุดที่หาดสุรินทร์ จ.ภูเก็ต ชุด EOD เข้าทำลายแล้ว เร่งค้นหาว่ามีจุดวางระเบิดอีกหรือไม่ หลังคนร้ายรับสารภาพวางระเบิดไว้ที่หาดสุรินทร์ 2 จุด ภายหลังจากตำรวจจับผู้ต้องหาลอบวางระเบิดสถานที่ท่องเที่ยวทั้งที่จังหวัดภูเก็ตและกระบี่ ผู้ต้องหาให้การรับสารภาพว่า ยังได้วางระเบิดไว้ที่หาดสุรินทร์ 2 จุด คือที่บริเวณหาดสุรินทร์ ตำบลเชิงทะเล อำเภอถลาง จังหวัดภูเก็ต ใกล้กับสถานที่กำลังก่อสร้าง ขณะนี้เจ้าหน้าที่ชุด EOD ตำรวจภูธรภาค 8 ชุดสืบสวนภาค 8 ชุดสืบสวน ตำรวจภูธรจังหวัดภูเก็ต ร่วมกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.เชิงทะเล เจ้าหน้าที่ อบต.เชิงทะเล และเจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครอง อำเภอถลาง จังหวัดภูเก็ต ลงพื้นที่ตรวจสอบบริเวณหาดสุรินทร์ พร้อมอุปกรณ์และเครื่องมือสแกนหาวัตถุต้องสงสัย และเครื่องตรวจจับโลหะ และตรวจพบวัตถุต้องสงสัย 1 ชุด ถูกฝังไว้ใต้ต้นไม้ ใกล้ห้องน้ำ บริเวณที่กำลังมีการปรับปรุงภูมิทัศน์หาดสุรินทร์ ของกรมโยธาธิการและผังเมือง และเจ้าหน้าที่ EOD ใช้ยุทธวิธีในการทำลาย อย่างไรก็ตามขณะนี้เจ้าหน้าที่กำลังค้นหาว่าจะมีจุดวางระเบิดอีกหรือไม่ เพราะจากคำสารภาพของผู้ต้องหา ระบุว่า มีการนำวัตถุต้องสงสัยมาวางไว้ […]

ข่าวแนะนำ

ลุยตรวจวัดตรีทศเทพฯ หลังอดีตเจ้าอาวาสลาสึกปริศนา

30 มิ.ย. – ปปท.-ปปป.-ป.ป.ช. เข้าตรวจสอบวัดตรีทศเทพฯ หลังอดีตเจ้าอาวาสลาสึกปริศนาที่ จ.หนองคาย เจ้าหน้าที่ตำรวจ ปปท. บก.ปปป. และ ป.ป.ช. เดินทางเข้าพบรักษาการแทนเจ้าอาวาสวัดตรีทศเทพฯ เขตพระนคร กทม. เพื่อร่วมตรวจสอบทรัพย์สินต่าง ๆ ของทางวัดฯ ภายหลังจากพระเทพวชิรปาโมกข์ (อาชว์ อาชฺชวปเสฏฺโฐ) หรือ “เจ้าคุณอาชว์” ได้ลาสิกขา (สึก) แล้ว ที่ จ.หนองคาย ซึ่งการลาสิกขาดังกล่าวยังเป็นปริศนาว่ามีที่มาเป็นอย่างไร โดยก่อนหน้ามีรายงานด้วยว่า เมื่อวันที่ 26 มิ.ย.ที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่ตำรวจ บก.ปปป., ปปท.และ ป.ป.ช. ติดต่อขอเข้ารับทราบข้อเท็จจริง ภายหลังมีการร้องเรียนเข้ามาเกี่ยวกับเรื่องทุจริตเงินของวัดฯ แต่เจ้าคุณอาชว์ ปฎิเสธการเข้าพบ ก่อนที่จะหลบไปทำพิธีลาสิกขาดังกล่าว ทั้งนี้ มีรายงานว่า เมื่อวันที่ 29 มิ.ย.ที่ผ่านมา เจ้าคณะภาค 1-2-3 (ธรรมยุต) มีคำสั่งเจ้าคณะภาค 1-2-3 (ธรรมยุต) เรื่อง แต่งตั้งผู้รักษาการแทนเจ้าอาวาสวัดตรีทศเทพ […]

นายกฯ เผยผลสอบตึก สตง.ถล่ม ออกแบบ-ก่อสร้างผิด กม.

ทำเนียบ 30 มิ.ย.- นายกฯ เผยผลสอบตึก สตง.ถล่ม ครบ 90 วัน เกิดจากการออกแบบและวิธีการก่อสร้าง ผิดกฎหมาย โดยเฉพาะผนังช่องลิฟต์-บันไดไม่ได้มาตรฐาน เตรียมส่งข้อมูลให้ ดีเอสไอ-ตำรวจ ชี้คนผิด ยันเรื่องนี้ต้องไม่เงียบ นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เป็นประธานการประชุมติดตามผลการสืบสวนข้อเท็จจริงกรณีอาคารที่อยู่ระหว่างการดำเนินการก่อสร้างของสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) อันเนื่องมาจากแผ่นดินไหว ตึกไทยคู่ฟ้า ทำเนียบรัฐบาล โดยมีนายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม นางสาวธีรรัตน์ สำเร็จวาณิชย์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย นายอรรษิษฐ์ สัมพันธรัตน์ ปลัดกระทรวงมหาดไทย นายพงษ์นรา เย็นยิ่ง อธิบดีกรมโยธาธิการและผังเมือง และผู้เชี่ยวชาญด้านวิศวกรรม เข้าร่วมประชุมด้วย นายกรัฐมนตรี กล่าวก่อนเปิดประชุมว่า วันนี้ (30 มิ.ย.) ก็ครบ 90 วัน หรือ 3 เดือนพอดีหลังเกิดเหตุการณ์ จากนั้น นายกรัฐมนตรี แถลงผลการประชุมว่า การแผ่นดินไหวเกิดขึ้นเมื่อวันที่ 28 มีนาคม […]

ครอบครัวเหยื่อเก๋งแดง เศร้ารับศพไปบำเพ็ญกุศล

กรุงเทพฯ 30 มิ.ย. – ครอบครัวเศร้ารับศพสาวเหยื่อเก๋งแดง ซิ่งชน จยย.รับจ้าง แล้วหนี ส่วนคนขี่ จยย.รับจ้าง บาดเจ็บสาหัส อาการยังโคม่า ไม่รู้สึกตัว ภาพกล้องวงจรปิดบริเวณปากซอยเพชรเกษม 19 จะเห็นรถจักรยานยนต์ขี่มาในเลนซ้ายตามปกติ ก่อนรถเก๋งสีแดงคาดดำ ทะเบียนกรุงเทพมหานคร ที่ขับตามหลังมาในเลนเดียวกันจะพุ่งมาด้วยความเร็ว ชนรถจักรยานยนต์อย่างแรง จนร่างนายดุลยวัต อายุ 27 ปี คนขี่จักรยานยนต์ และนางสาวจิตติมา อายุ 30 ปี คนซ้อนท้าย ลอยไปไกลหลายเมตร อาการสาหัส ขณะที่นางสาวจิตติมาเสียชีวิตในเวลาต่อมา ส่วนรถเก๋งแดงกลับขับรถหลบหนีโดยไม่ลงมาดู ตำรวจตรวจสอบกล้องวงจรปิดตามหารถคันนี้พบว่าหลบหนีมาจอดทิ้งไว้ที่คอนโดฯ ย่านถนนเพชรเกษม ซึ่งอยู่ไม่ไกลจากที่เกิดเหตุมากนัก พบแต่รถยนต์ แต่ไม่พบผู้ก่อเหตุ ซึ่งตำรวจไปพบจอดอยู่ในคอนโดฯ แห่งหนึ่งย่านเพชรเกษม คาดว่าน่าจะอยู่ในคอนโดฯ นี้ จึงเจรจากับนิติบุคคลคอนโดฯ นำรถมาที่สถานีตำรวจนครบาลภาษีเจริญ เพื่อตรวจสอบหาสาเหตุ และตามเจ้าของรถมาดำเนินคดีตามกฎหมาย นางสาวไพริน อายุ 41 ปี แฟนของผู้บาดเจ็บ เล่าทั้งน้ำตาว่า สามีมีอาขีพขี่ จยย.รับจ้างและโบลท์ […]

“เที่ยวไทยคนละครึ่ง” เริ่มเปิดจอง 1 ก.ค. เที่ยวจริง 4 ก.ค.

ทำเนียบ 30 มิ.ย.- เชิญชวนคนไทยใช้สิทธิ์ “เที่ยวไทยคนละครึ่ง” เริ่มเปิดจอง 1 ก.ค. เที่ยวจริง 4 ก.ค. รัฐสนับสนุนสูงสุด 3,000/คืน นางสาวศศิกานต์ วัฒนะจันทร์ รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า รัฐบาลโดยการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) เดินหน้าโครงการ “เที่ยวไทยคนละครึ่ง” เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจการท่องเที่ยวและสนับสนุนผู้ประกอบการไทย ล่าสุด มีผู้ประกอบการท่องเที่ยวยื่นคำขอลงทะเบียนผ่านระบบ https://partner.tat.or.th แล้วกว่า 34,005 ราย และมีผู้ผ่านการตรวจสอบและลงทะเบียนสำเร็จแล้วถึง 6,400 ราย ส่วนที่เหลืออยู่ระหว่างการตรวจสอบคุณสมบัติอย่างเข้มงวด เพื่อให้โครงการเกิดประโยชน์สูงสุดและป้องกันการสวมสิทธิ์ ขั้นตอนสำคัญของการลงทะเบียน ผู้ประกอบการต้องกรอกหนังสือยินยอมให้ธนาคารกรุงไทยตรวจสอบข้อมูล เพื่อป้องกันการหลอกลวงและการแฝงตัวของสถานประกอบการที่ไม่มีคุณสมบัติครบถ้วน โดยธนาคารจะใช้เวลาตรวจสอบประมาณ 3 วัน ก่อนส่งข้อมูลให้ ททท. นำไปเผยแพร่บนเว็บไซต์ในวันที่ 30 มิถุนายน 2568 จากนั้นประชาชนจะสามารถจองสิทธิ์ได้ตั้งแต่วันที่ 1 กรกฎาคม 2568 และเริ่มเดินทางท่องเที่ยวจริงได้ในวันที่ 4 กรกฎาคมนี้ สำหรับสิทธิประโยชน์ของโครงการ รัฐบาลจัดสรรสิทธิ์รวม 500,000 […]