กรุงเทพฯ 3 เม.ย. – เปิดไทม์ไลน์เพลิงไหม้บ้าน ภายในหมู่บ้านกฤษดานคร 31 เขตทวีวัฒนา กทม. พังถล่มทับอาสากู้ภัยเสียชีวิตและบาดเจ็บหลายราย เจ้าหน้าที่เร่งช่วยเหลือผู้ที่คาดว่าจะรอดชีวิตที่ติดอยู่ใต้ซากอาคาร
เกิดเหตุไฟไหม้บ้านในหมู่บ้านกฤษดานคร 31 เขตทวีวัฒนา พังถล่มทับอาสากู้ภัยเสียชีวิตและบาดเจ็บหลายราย โดยขณะเกิดเหตุมีผู้บันทึกเหตุการณ์เอาไว้ได้ เหตุการณ์เกิดขึ้นเมื่อเช้าที่ผ่านมา หลังตำรวจ สน.ธรรมศาลา รับแจ้งเหตุเพลิงไหม้บ้านเรือนประชาชน ภายในหมู่บ้านกฤษดานคร 31 ถนนบรมราชชนนี แขวงศาลาธรรมสพน์ เขตทวีวัฒนา จึงรุดไปตรวจสอบ พร้อมประสานรถน้ำดับเพลิง
ที่เกิดเหตุเป็นบ้านปลูกสร้างด้วยปูน ลักษณะเป็นอาคารสูง 3 ชั้น บนเนื้อที่ประมาณ 50 ตารางวา มีรั้วรอบขอบชิด พบแสงเพลิงกำลังโหมลุกไหม้ เจ้าหน้าที่ระดมสายยางฉีดน้ำ โดยมีข้อมูลเพิ่มเติมว่ายังมีผู้ที่ติดค้างอยู่ภายในจำนวนหนึ่ง ก่อนเจ้าหน้าที่จะเข้าไปช่วยเหลือ ท่ามกลางควันไฟที่ยังพวยพุ่งอยู่ตลอดเวลา จนสามารถช่วยเหลือไว้ได้ 7 ราย ส่วนอีก 1 ราย เสียชีวิตยังติดค้างอยู่ในห้องน้ำ กระทั่งเวลาผ่านไปกว่า 1 ชั่วโมง เพลิงเริ่มสงบ
อย่างไรก็ตาม ระหว่างที่กำลังระดมฉีดน้ำอยู่ได้ยินเสียงปูนดังลั่น จนกระทั่งอาคารทั้งหลังทรุดตัวลง ทำให้เจ้าหน้าที่ดับเพลิงที่กำลังปฏิบัติหน้าที่ต่างวิ่งหนีตาย และมีเจ้าหน้าที่ดับเพลิงเสียชีวิตและติดค้างอยู่ภายในซากอาอาคารอีกจำนวนหนึ่ง
ทั้งนี้ มีรายงานล่าสุดว่ายอดผู้เสียชีวิตขณะนี้มีจำนวน 5 ราย นอกจากนี้พบว่ามีผู้บาดเจ็บเบื้องต้น 8 คน โดยเมื่อเวลา 11.30 น.ที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่ได้ใช้โดรนตรวจจับความร้อนขึ้นบินเหนือจุดเกิดเหตุ เพื่อหาว่ามีผู้รอดชีวิตติดอยู่ภายใต้ซากอาคารหรือไม่ และเจ้าหน้าที่ทุกคนต้องหยุดการเคลื่อนไหว เพราะเสี่ยงต่อการถล่มของอาคาร
อย่างไรก็ตาม การหยุดฉีดน้ำสกัดเพลิงนานกว่า 1 ชั่วโมง ทำให้เพลิงกลับมาคุกรุ่นอีกครั้ง ก่อนลุกลามขึ้นมาด้านข้าง แต่เจ้าหน้าที่ยังไม่สามารถดับไฟได้ เนื่องจากเกรงว่าการฉีดน้ำจะเป็นอุปสรรคสำคัญที่ทำให้ซากอาคารอุ้มน้ำมากขึ้น และเสี่ยงพังถล่มอีก จนอาจเป็นอันตรายต่อผู้ที่คาดว่าจะยังรอดชีวิต
หลังจากนั้น พล.ต.อ.อัศวิน ขวัญเมือง ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ลงพื้นที่จุดเกิดเหตุ พร้อมร่วมหารือกับเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง เพื่อวางแนวทางช่วยเหลือผู้ที่ยังติดค้างอยู่ภายใน ซึ่งก่อนหน้านี้เจ้าหน้าที่ได้ช่วยเหลือผู้ติดค้างออกมาได้บางส่วน โดยบอกว่าไม่สามารถนำอุปกรณ์หนักมารื้อซากอาคารได้ เนื่องจากเกรงว่าหากใช้อุปกรณ์หนักจะทำให้โครงสร้างบ้านพังซ้ำอีก จึงทำให้การช่วยเหลือในขณะนี้ทำได้วิธีเดียวคือ การเจาะกำแพงด้านข้างเข้าไปช่วยเหลือผู้ที่คาดว่าจะรอดชีวิต
ด้านรองศาสตราจารย์สิริวัฒน์ ไชยชนะ เลขาธิการวิศวกรรมสถานแห่งประเทศไทย กล่าวว่า พรุ่งนี้ (4 เม.ย.) จะเข้าตรวจสอบโครงสร้างอาคาร เนื่องจากในวันนี้ต้องรอให้เจ้าหน้าที่ดับเพลิงทำงานก่อน รวมถึงต้องค้นหาผู้ติดค้างจนเสร็จเรียบร้อยและเพลิงสงบดี จึงจะสามารถเข้าไปตรวจสอบโครงสร้างได้ เบื้องต้นจากสภาพที่เกิดเหตุต้องอพยพคนในบ้านออกมาทั้งหมด ห้ามอยู่อาศัย เนื่องจากไฟไหม้ได้รับความเสียหายทั้งหลัง และต้องประเมินว่าบ้านข้างเคียงจะได้รับผลกระทบมากน้อยขนาดไหน จำเป็นต้องอพยพคนหรือไม่ แต่เนื่องจากบ้านดังกล่าวมีรั้วรอบขอบชิด อาจกระทบต่อบ้านข้างเคียงน้อยกว่าอาคารพาณิชย์.-สำนักข่าวไทย