รับศพ 4 วีรบุรุษกู้ภัยบ้านถล่มไปบำเพ็ญกุศล

กรุงเทพฯ 4 เม.ย.- รับแล้ว 4 ศพวีรบุรุษกู้ภัยที่ติดค้างอยู่ในเหตุไฟไหม้ โดยภรรยาของต้น สยามนนท์ กู้ภัยที่ถูกพบเป็นศพแรก เล่าด้วยความเศร้า มีนัดไปทำบุญกับสามี แต่สามีไม่กลับมา ส่วนแม่ยืนยันลูกชอบช่วยเหลือคน วันนี้ภูมิใจแต่พูดไม่ได้เต็มปาก เพราะอีกใจก็ไม่อยากสูญเสียลูกชายไป 


ภายหลัง 25 ชั่วโมงแห่งความพยายามกู้ร่างของ 3 อาสาสมัครกู้ภัย และผู้พักอาศัย 1 คน ที่ติดค้างอยู่ในบ้านเขตทวีวัฒนา 08.25 น. คือช่วงเวลาที่ร่างของผู้เสียชีวิตรายสุดท้ายคือ นายเกียรติ แพตเตอร์สัน อายุ 35 ปี ผู้พักอาศัย ถูกนำออกมาจากตัวบ้าน ก่อนถูกนำส่งนิติเวช โรงพยาบาลศิริราช ขณะที่ก่อนหน้านี้ ที่สำนักข่าวไทยรายงานไปแล้วว่า พบร่างผู้เสียชีวิตรายแรกคือตั้งแต่ตอน 9.00 น. คือนายธนภพ ประไพ อายุ 44 ปี อาสาสมัครกู้ภัย 

ด้วยความที่ไม่ละความพยายาม เจ้าหน้าที่พบร่างผู้เสียชีวิตอีก 4 คน ในช่วงเวลา 1.00 น. แต่การนำร่างออกมายังเสี่ยงต่อการทรุดตัวของบ้าน เจ้าหน้าที่จึงต้องใช้มือขุดเป็นโพรง แล้วนำเครื่องตัดถ่างเข้าไปง้างเหล็กที่ทับร่างผู้เสียชีวิตให้ถ่างออก กระทั่งได้ความกว้างพอที่จะนำร่างผู้เสียชีวิตที่เป็นอาสามัครกู้ภัยออกมาได้อีก 1 คน คือ นายสุทัศน์ เปลี่ยนกลัด อายุ 38 ปี ซึ่งตอนนั้นทันทีที่นำร่างออกมาได้ ผู้ว่าฯ กทม.ที่ยังเกาะติดสถานการณ์ ได้นำธงชาติมาคลุมร่างให้อย่างสมเกียรติ ส่วนร่างผู้เสียชีวิตอีก 3 คนที่ยังคงติดค้างอยู่ภายใน ประกอบด้วย นายสมัญญา นิลธง, นายอรรถพล ท้วมทอง อาสาสมัครกู้ภัย และนายเกียรติ แพตเตอร์สัน ผู้พักอาศัย


เจ้าหน้าที่บอกว่า ติดค้างอยู่ในชั้นที่ลึกกว่าผู้เสียชีวิตรายอื่นๆ ที่นำออกมาได้ และอุปสรรคสำคัญคือไม่สามารถนำเครื่องจักรหนักเข้าไปยังจุดที่กำหนดได้ เพราะมีคานปูนวางทับอยู่ ประกอบกับแผ่นปูนวางเป็นลักษณะคล้ายกับขนมชั้น วิศวกรรมสถานจึงแนะให้เพิ่มความระมัดระวังในการทำงาน เพราะห่วงว่าหากเคลื่อนย้ายอย่างรวดเร็ว อาจกระทบกับร่างผู้เสียชีวิต  

อย่างไรก็ตามหลังใช้เวลาในการวางแผนและใช้อุปกรณ์ตรวจสอบภาพจุดที่ผู้เสียชีวิตติดค้างอย่างละเอียดถี่ถ้วน เจ้าหน้าที่ตัดสินใจนำรถแบ็กโฮเปิดแผ่นปูน และเวลา 06.28 น. ก็สามารถนำร่างของ 2 อาสามัครกู้ภัย นายสมัญญา นิลธง และนายอรรถพล ท้วมทอง ออกมาจากตัวบ้านได้สำเร็จ และ 08.25 น. เจ้าหน้าที่สามารถกู้ร่าง นายเกียรติ แพตเตอร์สัน ผู้เสียชีวิตที่ติดค้างรายสุดท้ายออกมาจากตัวบ้านได้สำเร็จ ท่ามกลางความโล่งใจ และเสียใจของครอบครัวผู้เสียชีวิตที่มารอติดตามข่าวในที่เกิดเหตุ  

จากนั้นครอบครัวของผู้เสียชีวิตได้เดินทางไปติดต่อที่นิติเวช โรงพยาบาลศิริราช เพื่อรับร่างกลับมาบำเพ็ญกุศล โดย 1 ในนั้น คือนางทิพา ทันปรีชา พร้อมด้วยนางสาวพัตรพิมล ศรีไพร แม่และภรรยาของนายธนภพ ประไพ อาสาสมัครกู้ภัย หรือที่ถูกเรียกขานกันว่า “ต้น สยามนนท์” โดยแม่กอดรูปถ่ายของลูกชายแนบอกอยู่ตลอดเวลาขณะรอให้เจ้าหน้าที่ดับเพลิง กู้ภัย และอาสาสมัคร จัดเตรียมร่างของนายธนภพเคลื่อนย้ายที่วัดนครอินทร์ จังหวัดนนนทบุรี เพื่อบำเพ็ญกุศลอย่างสมเกียรติ  


นางทิพาเล่าว่า ลูกชายเป็นคนจิตใจดี ชอบช่วยเหลือสังคม ทุกครั้งที่ลูกออกปฏิบัติหน้าที่ แม่จะคอยเตือนตลอดว่าให้ดูแลตัวเอง คิดไม่ถึงวันนี้จะสูญเสียลูกชาย และพูดไม่ได้เต็มปากว่าภูมิใจที่ลูกชายเสียสละชีวิตเพื่อช่วยผู้อื่น เพราะอีกใจก็ไม่อยากเสียลูกชายไป และวันเกิดเหตุแม่ก็ไปทำงาน ไม่ได้ติดตามข่าว กระทั่งมารู้จากเพื่อนว่าลูกชายจากไปอย่างไม่มีวันกลับแล้ว

ด้านนางสาวพัตรพิมล ภรรยาของนายธนพล เล่าว่า ช่วงเช้ามืดมีเจ้าหน้าที่โทรมาบอกว่ามีเหตุเพลิงไหม้สามีจึงรีบลุกออกไปทำหน้าที่และบอกว่าจะกลับมาตอน 7.00 น. เพราะนัดว่าจะไปทำบุญกัน แต่สุดท้ายสามีไม่กลับมา จากนั้นรุ่นน้องได้โทรมาสอบถามการแต่งกายของนายธนภพซึ่งใจหายมาก เพราะรุ่นน้องบอกว่า ผู้เสียขีวิตและพบศพเป็นรายแรกได้รับการยืนยันแล้วว่าเป็นสามีของตัวเอง เพราะที่หมวกนิรภัยมีเลข 46 ซึ่งตรงกับเลขหมวกของสามี ยอมรับว่าสามีเป็นคนรักงานกู้ภัย และเป็นคนระวังตัว มีประสบการณ์การทำงานมานาน 25 ปี แต่เหตุการณ์ครั้งนี้ไม่คาดคิดว่าจะเกิดขึ้น ภูมิใจที่สามีได้ทำหน้าที่อย่างเต็มกำลัง และได้รับการยกย่องว่าเป็นวีรบุรุษ แต่ลึกๆ ก็ยอมรับว่าเสียใจที่ต้องสูญเสีย

จากนั้นครอบครัวของนายสมัชญา นิลธง, นายสุทัศน์ เปลี่ยนกลัด และนายอรรถพล ท้วมทอง อาสาสมัครกู้ภัยก็ทยอยเดินทางมารับศพไปบำเพ็ญกุศล ยกเว้นศพของ นายเกียรติ แพตเตอร์สัน ผู้ที่อาศัยอยู่ในบ้านหลังเกิดเหตุ ยังไม่มีผู้ติดต่อมารับศพ 

ขณะที่ เพจเฟซบุ๊กจิตอาสาพระราชทาน โพสต์ภาพที่มีข้อความว่า ในหลวงทรงมีพระมหากรุณาธิคุณ โปรดเกล้าฯ กรณีบ้าน นายอดิสรณ์ ฯ ถูกไฟไหม้และพังทลายลงมา มีผู้เสียชีวิต 5 คน และได้รับบาดเจ็บ 6 คน ดังนี้ 1.ทรงรับผู้เสียชีวิตเป็นศพในพระบรมราชานุเคราะห์ และผู้ได้รับบาดเจ็บเป็นคนไข้ในพระบรมราชานุเคราะห์  2.ให้ติดตามการให้การช่วยเหลือครอบครัวผู้ประสบเหตุ หากมีเหตุขัดข้องให้ขอรับพระราชทานการช่วยเหลือในโอกาสต่อไป

ด้านเฟซบุ๊ก กองปราบปราม โพสต์รูปและข้อความส่งความเสียใจไปยังครอบครัวของอาสมัครกู้ภัยที่เสียชีวิต โดยระบุว่าจากกรณีเพลิงไหม้บ้านในเขตทวีวัฒนา ซึ่งอาคารถล่มลงมาระหว่างเจ้าหน้าที่กู้ภัย ปฏิบัติหน้าที่เข้าช่วยเหลือผู้ประสบภัย กรณีดังกล่าวเป็นเหตุให้มีผู้เสียชีวิต 5 คน ในจำนวนนี้เป็นวีรบุรุษอาสาบรรเทาสาธารณภัย จำนวน 4 คน กองบังคับการปราบปราม ขอแสดงความเสียใจกับทุกครอบครัว และขอเป็นหนึ่งกำลังใจ ยกย่องเจ้าหน้าที่ทีมอาสาสมัครบรรเทาสาธารณภัยทุกท่าน ที่ปฏิบัติหน้าที่ด้วยความกล้าหาญและเสียสละในครั้งนี้

ขณะที่นายอดิสรณ์ โสภา หรือ เอ มินเนี่ยน เจ้าของบ้านที่เกิดเหตุไฟไหม้ โพสต์เฟชบุ๊กว่า “ผมขอแสดงความเสียใจ และขอสุดุดีในความกล้าหาญของเหล่าพี่ๆ อาสากู้ภัยทั้ง 4 ท่าน หลังจากนี้ผมจะพยายามหาทางช่วยดูแลครอบครัวของพวกท่านด้วยวิธีการตามแบบของผม ถ้าคิดออกแล้ว ผมขออนุญาตมาประชาสัมพันธ์ในช่องทางนี้นะครับ ตอนนี้อยู่ในขั้นตอนการสอบสวน ขออนุญาตให้เจ้าหน้าที่ได้ปฏิบัติงานก่อนนะครับ ผมคงพูดมากไม่ได้ ลูกน้องที่เหลืออีก 7 คนที่อาศัยภายในบ้านเกิดเหตุปลอดภัยแล้วนะครับ อยู่โรงพยาบาลแล้ว รอรักษาตัวให้หายดีแล้วคงกลับไปทำหน้าที่เดิมๆ ที่เคยทำ ขอบพระคุณเพื่อนๆ บ้านที่ส่งกำลังใจมาให้ และพร้อมจะซัพพอร์ตผมต่อไป กราบลาดวงวิญญาณผู้เสียชีวิตทุกท่าน เมื่อวานผมไปทำบุญที่วัดปากน้ำไทยในโตเกียวให้ทุกส่วนชั้นตอนในทางโลก ต้องขอเวลาสักพักนะครับ”.-สำนักข่าวไทย 

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

“ลิณธิภรณ์” แจงปมสะกดคำผิด ยอมรับผิดพลาดพร้อมแก้ไข

กระทรวงวัฒนธรรม 4 ก.ค.- “ลิณธิภรณ์” ยอมรับดรามาใช้ภาษาไทยสะกดคำผิด พร้อมแก้ไขปรับปรุงตัว รับปากจะไม่ให้เกิดขึ้นอีก บอก บางครั้งรีบพิมพ์ไม่ได้ตรวจทาน ทำเกิดผลเสียทุกวันนี้ แจงมีปัญหาสุขภาพ อาจทำให้ออกเสียงควบกล้ำไม่ได้ น.ส.ลิณธิภรณ์ วริณวัชรโรจน์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงศึกษาธิการ ให้สัมภาษณ์ถึงดรามาเรื่องการใช้ภาษาไทยในโซเชียลมีเดีย ว่า ตนขอยอมรับอย่างซื่อตรง ว่าบางครั้งในการสะกดคำของตนเองก็มีความผิดพลาด ซึ่งบางครั้งใช้การพิมพ์ด้วยเสียงผ่านโทรศัพท์มือถือ และได้โพสต์ข้อความไปแล้ว ก่อนจะมารู้ตัวอีกทีก็ผ่านไป 2-3 ชั่วโมง มันเป็นความผิดพลาด อันนี้ตนยอมรับด้วยความจริงใจ และวันนี้ตนก็เข้าใจดีว่าเมื่อมานั่งตำแหน่งตรงนี้ สิ่งที่จำเป็นต้องทำ คือต้องปรับปรุง และคิดว่าหลังจากนี้ความผิดพลาดเหล่านี้ก็จะไม่เกิดขึ้น เพราะตนก็อยากเป็นตัวอย่างที่ดีให้กับเด็กและเยาวชน ของประเทศเหมือนกัน รวมถึงอีกสิ่งที่ตนอยากจะบอกคือการออกเสียงควบกล้ำ ซึ่งเป็นผลกระทบ จากปัญหาสุขภาพ แต่ส่วนหนึ่งตนก็จะพยายามทำให้ดีที่สุด น.ส.ลิณธิภรณ์ กล่าวว่า วันนี้ตนเป็นรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงศึกษาธิการ ในภาพนโยบายใหญ่ คงต้องขึ้นอยู่กับรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาฯ ซึ่งตอนนี้ยังไม่ได้มีการพูดคุยใน รายละเอียดที่ชัดเจน และจะเข้ากระทรวงพร้อมกันในวันที่ 8 กรกฎาคม สำหรับตนหากใครที่เคยติดตาม ก็เคยเป็นคนหนึ่งที่ พูดเรื่องการศึกษาในส่วนของพรรคเพื่อไทยมาโดยตลอด ตั้งแต่เป็นโฆษกพรรคเพื่อไทย โดยเฉพาะเรื่องการลดค่าสอบทีแคส (TCAS) รวมถึงเรื่องการทำโครงการ ด้านสุขภาพภาวะจิต และอาจจะเป็นโครงการหนึ่งที่ตนจะสานต่อ […]

มอบ “จิราพร” เข้าร่วมประชุมผู้นำ BRICS ที่บราซิล

ทำเนียบ 3 ก.ค.-มอบ “จิราพร” เข้าร่วมประชุมผู้นำ BRICS ครั้งที่ 17 ที่บราซิล 6-7 ก.ค.นี้ นางสาวจิราพร สินธุไพร รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี จะเป็นหัวหน้าคณะผู้แทนไทยเข้าร่วมการประชุมผู้นำกลุ่ม BRICS ครั้งที่ 17 ระหว่างวันที่ 6 – 7 กรกฎาคม 2568 ร่วมกับผู้นำจาก 10 ประเทศสมาชิกกลุ่ม BRICS และประเทศหุ้นส่วนจากหลากหลายประเทศ ที่นครรีโอเดจาเนโร สหพันธ์สาธารณรัฐบราซิล โดยไทยเข้าร่วมในฐานะประเทศหุ้นส่วนของกลุ่ม BRICS (Partner Country) สำหรับการประชุมผู้นำกลุ่ม BRICS จะจัดขึ้นภายใต้หัวข้อ “เสริมสร้างความร่วมมือโลกใต้เพื่อการสร้างธรรมาภิบาลที่ครอบคลุมและยั่งยืนยิ่งขึ้น โดยบราซิลในฐานะประธานกลุ่ม BRICS ปีนี้ ให้ความสำคัญกับประเด็นหลัก 6 ด้าน ได้แก่ (1) สาธารณสุข (2) การค้า การลงทุน และการเงิน (3) การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ (4) ธรรมาภิบาลของปัญญาประดิษฐ์ […]

Hun Sen, at event marking ruling party's 74th founding anniversary

ฮุน เซน เรียกร้องปั๊ม ปตท. งดนำเข้าน้ำมันจากไทย

พนมเปญ 3 ก.ค.- นายฮุน เซน ประธานวุฒิสภากัมพูชา ยังคงเคลื่อนไหวอย่างต่อเนื่อง ล่าสุดเรียกร้องให้เจ้าของปั๊ม ปตท.เลิกนำเข้าน้ำมันจากไทย และหันไปนำเข้าจากประเทศอื่นแทน สื่อของกัมพูชารายงานว่า นายฮุน เซน พูดถึงเรื่องนี้ในระหว่างการประชุมกับครูและนักเรียนที่ศูนย์การศึกษาและฝึกอบรมในจังหวัดไพรแวงในวันนี้ เรียกร้องให้เจ้าของปั๊มน้ำมัน ปตท.ทุกแห่งในกัมพูชาเลิกนำเข้าน้ำมันจากไทย และหันไปนำเข้าน้ำมันจากประเทศอื่น ๆ แทน ไม่ว่าจะเป็นจากเวียดนาม  มาเลเซีย หรือสิงคโปร์ โดยไม่จำเป็นต้องเปลี่ยนชื่อปั๊ม แม้ว่า ปตท.จะเป็นรัฐวิสาหกิจของไทยก็ตาม นอกจากนี้นายฮุน เซนยังพูดถึงเรื่องที่ไทยเคยขู่ว่าจะตัดไฟฟ้า ตัดอินเทอร์เน็ต ห้ามขายเชื้อเพลิง และอื่นๆ ให้กัมพูชาด้วยว่า เมื่อไทยขู่มากัมพูชาก็ตอบโต้ทันที กัมพูชาต้องพึ่งพาตนเองให้ได้เพื่อรับมือกับภัยคุกคามในอนาคตเหมือนกับที่กำลังเผชิญจากไทยในเวลานี้ แม้ว่าจะมีแรงกดดันจากไทย แต่กัมพูชาก็ได้ดำเนินการไปแล้ว ซึ่งพิสูจน์ให้เห็นถึงความแข็งแกร่งและความสามารถในการพึ่งพาตนเองได้ของกัมพูชา ประธานวุฒิสภากัมพูชาเน้นย้ำว่า มาตรการทั้งหมดที่กัมพูชาได้ดำเนินไปนั้นเป็นการตอบโต้โดยตรงกับภัยคุกคามจากฝ่ายไทย รวมทั้งการที่ไทยปิดด่านพรมแดนแต่เพียงฝ่ายเดียว เขาแสดงท่าทีอย่างชัดเจนว่า การเจรจากับไทยจะเริ่มขึ้นได้ ต่อเมื่อฝ่ายไทยจะต้องยอมเปิดด่านทุกจุดอย่างเต็มรูปแบบเหมือนที่เคยทำก่อนวันที่ 7 มิถุนายนแล้วเท่านั้น.-816(814).-สำนักข่าวไทย

เปิด 7 จุดยืน “ปชน.” ทางออกประเทศหาก “แพทองธาร” พ้นเก้าอี้

กรุงเทพฯ 4 ก.ค. – พรรคประชาชนโพสต์เฟซบุ๊กแสดง 7 จุดยืน หาก “แพทองธาร” พ้นตำแหน่ง เปิดเงื่อนไขโหวตนายกฯ คนใหม่ พรรคประชาชนโพสต์เฟซบุ๊กแสดง 7 จุดยืน หาก “นายกฯ แพทองธาร” พ้นจากตำแหน่ง เพื่อนำพาประเทศไปสู่ทางออกที่จะเป็นประโยชน์ที่สุดสำหรับประชาชนทุกคน ดังนี้ 1.สิ่งที่ประเทศต้องการมากที่สุด คือรัฐบาลที่มีเสถียรภาพ มีความชอบธรรม และสามารถตั้งทีมบริหารจากความรู้ความสามารถ ไม่ใช่จากการต่อรองผลประโยชน์ทางการเมือง2.รัฐบาลที่จะมีคุณสมบัติดังกล่าวจะไม่สามารถเกิดขึ้นได้จากสภาชุดปัจจุบัน ทางออกสำหรับประเทศจึงเป็นการจัดให้มี “การเลือกตั้งใหม่” โดยเร็ว3.รักษาการนายกฯ ควรประกาศให้ชัดเจนว่าจะใช้อำนาจที่ตนเองมี ในการเดินหน้าสู่การยุบสภา เพื่อคืนอำนาจให้กับประชาชนผ่านคูหาเลือกตั้ง4.หากรักษาการนายกฯ ไม่ทำ และมีเหตุใดที่ทำให้นายกรัฐมนตรีแพทองธาร พ้นจากตำแหน่ง กระบวนการในการเลือกนายกฯ คนใหม่ จะต้องนำไปสู่การได้มาซึ่งนายกฯ ที่พร้อมเดินหน้าสู่การยุบสภา5.เพื่อให้ประเทศไม่ถูกบีบไปสู่ทางตันหรือการใช้อำนาจนอกครรลองประชาธิปไตย เราพร้อมจะพิจารณาลงมติให้กับผู้เสนอตัวเป็นนายกฯ คนใหม่คนใดก็ตาม ที่ยอมรับ “เงื่อนไข” ในการเป็นรัฐบาลชั่วคราว โดยทางพรรคประชาชนจะไม่เข้าร่วมรัฐบาลและจะไม่มีใครจากพรรคประชาชนไปเป็นรัฐมนตรี 6.“เงื่อนไข” ในการเดินหน้าสู่การยุบสภา สำหรับนายกฯ คนใหม่ จะต้องประกอบไปด้วยอย่างน้อย6.1 การประกาศเส้นตายว่าจะยุบสภาภายในสิ้นปี6.2 การยืนยันภารกิจเฉพาะหน้าที่จะต้องดำเนินการให้แล้วเสร็จภายในระยะเวลาดังกล่าว (เช่น การดำเนินการให้มีการจัดประชามติพร้อมกับการเลือกตั้ง เพื่อถามประชาชนเรื่องการมี […]

ข่าวแนะนำ

เหนือ-อีสานตอนบน-ตะวันออก ฝนตกหนักถึงหนักมาก

กทม. 5 ก.ค.-กรมอุตุฯ เตือนภาคเหนือ อีสานตอนบน และภาคตะวันออก ฝนตกหนักถึงหนักมากบางแห่ง ระวังน้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลาก ส่วนกรุงเทพฯ และปริมณฑล มีฝนฟ้าคะนอง 70% ของพื้นที่ กรมอุตุนิยมวิทยา พยากรณ์อากาศ 24 ชั่วโมงข้างหน้า ภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบน และภาคตะวันออก มีฝนตกหนักถึงหนักมากบางแห่ง ในขณะที่บริเวณประเทศไทยมีฝนตกหนักบางพื้นที่ ขอให้ประชาชนในบริเวณจังหวัดเชียงราย พะเยา น่าน หนองคาย บึงกาฬ สกลนคร และนครพนม ระวังอันตรายจากฝนตกหนักถึงหนักมากและฝนที่ตกสะสม ซึ่งอาจทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลาก โดยเฉพาะพื้นที่ลาดเชิงเขาใกล้ทางน้ำไหลผ่านและพื้นที่ลุ่ม ทั้งนี้เนื่องจากมีหย่อมความกดอากาศต่ำปกคลุมบริเวณชายฝั่งประเทศเวียดนามตอนบน ประกอบกับมรสุมตะวันตกเฉียงใต้กำลังปานกลางยังคงพัดปกคลุมทะเลอันดามัน ประเทศไทย และอ่าวไทย สำหรับคลื่นลมบริเวณทะเลอันดามันและอ่าวไทยมีกำลังปานกลาง โดยทะเลอันดามันตอนบนมีคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร ส่วนทะเลอันดามันตอนล่างและอ่าวไทยตอนบนมีคลื่นสูง 1-2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร ขอให้ชาวเรือบริเวณทะเลอันดามันและอ่าวไทยเดินเรือด้วยความระมัดระวัง และหลีกเลี่ยงการเดินเรือในบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองไว้ด้วย อนึ่ง พายุดีเปรสชันบริเวณทะเลจีนใต้ตอนบน มีได้ทวีกำลังแรงขึ้นเป็นพายุโซนร้อน “ดานัส”แล้ว คาดว่า […]

ทลายบ่อนกลางกรุง พบเจ้ามือเป็นชาวกัมพูชา

กทม. 4 ก.ค.-“ภูมิธรรม” เอาจริง สั่งจัดระเบียบสังคมทันที หลังรับตำแหน่ง มท.1 ประเดิมงานแรก สั่งการชุดปฏิบัติการพิเศษกรมการปกครอง บุกทลายบ่อนพนันกลางกรุง หลังมีประชาชนร้องเรียน พบเจ้ามือเป็นชาวกัมพูชา วันที่ 4 กรกฎาคม 2568 เวลา 15.30 น. นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย รักษาราชการแทนนายกรัฐมนตรี มอบหมายให้นายอรรษิษฐ์ สัมพันธรัตน์ ปลัดกระทรวงมหาดไทย สั่งการให้นายไชยวัฒน์ จุนถิระพงศ์ อธิบดีกรมการปกครอง เปิดปฏิบัติการ “ปิดบ่อนสะพานใหม่” จับกุมบ่อนการพนันกลางกรุง โดยชุดปฏิบัติการพิเศษกรมการปกครอง นายไชยวัฒน์ จุนถิระพงศ์ อธิบดีกรมการปกครอง พร้อมด้วย นายรณรงค์ ทิพย์ศิริ รองอธิบดีกรมการปกครอง นายเรืองลักษณ์ เรืองยังมี ผู้อำนวยการสำนักการสอบสวนและนิติการ นายอิสรา เจริญศรี ผู้อำนวยการสำนักอำนวยการกองอาสารักษาดินแดน และนายศักดิ์ชัย โรจนรัตน์ ผู้อำนวยการศูนย์ปฏิบัติการบังคับใช้กฎหมายพนักงานฝ่ายปกครอง สนธิกำลังพนักงานฝ่ายปกครอง พร้อมด้วยสมาชิกกองอาสารักษาดินแดน ทลายบ่อนการพนันขนาดใหญ่ ซึ่งตั้งอยู่ในชุมชนสะพานใหม่ เขตสายไหม กรุงเทพมหานคร […]

ทบ.ยันไม่รุนแรง เหตุทหารไทยเจอทหารเขมร

กองทัพบก 4 ก.ค.-ทบ.ยันไม่รุนแรง เหตุทหารไทยเจอทหารเขมร หลังลาดตระเวนพื้นที่อ้างสิทธิ์ตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชา บ่อยขึ้น จากกรณีเฟซบุ๊กเพจ “Army Military Force” โพสต์คลิปทหารพรานของไทยปะทะคารมกับทหารกัมพูชา ที่กำลังพยายามรุกลํ้าเข้ามาในดินแดนไทย ซึ่งทั้งสองฝ่ายมีอาวุธปืนครบมือนั้น พล.ต.วินธัย สุวารี โฆษกกองทัพบก กล่าวว่า ได้รับรายงานจากกองกำลังสุรนารีว่า ชุดลาดตระเวนของกองร้อยทหารพรานที่ 2304 ที่ปฏิบัติหน้าที่ในพื้นที่ได้ทำการลาดตระเวนพื้นที่ ตรวจพบความเคลื่อนไหวของกำลังทหารกัมพูชา ในบริเวณจุดชมวิวภูผี ต.เสาธงชัย อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ ซึ่งตั้งอยู่ในพื้นที่อ้างสิทธิ์ตามแนวชายแดน ใกล้บริเวณปราสาทโดนตวล และเขาพระวิหาร และบริเวณเส้นทางลาดตระเวนใกล้เคียง ซึ่งเป็นพื้นที่ที่ฝ่ายไทยมีการลาดตระเวนตรวจตราอย่างต่อเนื่อง จึงได้เข้าทักทายเจรจากัน และแยกย้ายกันไป ไม่มีเหตุความรุนแรงใด พล.ต.วินธัย กล่าวต่อว่า ในช่วงที่ผ่านมา หลายจุดพบกำลังทหารกัมพูชามาลาดตระเวนในพื้นที่อ้างสิทธิ์ตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชา บ่อยขึ้น และบางครั้งมีเจ้าหน้าที่ระดับผู้บังคับหน่วยของกัมพูชาร่วมลงพื้นที่ด้วยตนเอง เมื่อมาพบเจอกับฝ่ายทหารไทยก็จะมีพูดทักทายกัน และบางครั้งก็อาจจะมีแสดงออกทางอารมณ์ในลักษณะเหมือนถกเถียงกันบ้าง แต่ทั้งหมดไม่ถึงขั้นตั้งใจจะใช้ความรุนแรงต่อกัน เพราะต่างฝ่ายต่างระมัดระวังไม่ให้มีการละเมิดข้อตกลง และต้องยึดมั่นในแนวทางสันติวิธี ตามแนวทางผู้บังคับบัญชา.-313.-สำนักข่าวไทย

นักธรณีวิทยา​ย้ำไม่มีสัญญาณ​สึนามิ​เข้าไทย​ ไม่ต้องตระหนก

กรุงเทพฯ​ 4 ก.ค. – ผู้เชี่ยวชาญทางธรณีวิทยา ย้ำขณะนี้ยังไม่มีสัญญาณทางวิทยาศาสตร์​บ่งชี้ว่า​จะเกิดแผ่นดินไหวขนาดใหญ่ที่อาจทำให้เกิดคลื่นสึนามิซัดเข้าสู่ประเทศไทย​ จากกรณีเกิดแผ่นดินไหวต่อเนื่องบริเวณหมู่เกาะนิโคบาร์และสุมาตรา ขอประชาชนอย่าตื่นตระหนก แนะติดตามข่าวสารจากทางราชการอย่างต่อเนื่อง ศ.ดร.สันติ ภัยหลบลี้ อาจารย์ภาควิชาธรณีวิทยา คณะวิทยาศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ชี้แจงว่า แผ่นดินไหวที่เกิดขึ้นในช่วง​ 1-2​ สัปดาห์ที่ผ่านมา บริเวณใกล้หมู่เกาะนิโคบาร์และสุมาตรา เป็นการเลื่อนตัวในแนวราบ ไม่ใช่แนวดิ่ง จึงไม่เข้าลักษณะที่จะทำให้เกิดคลื่นสึนามิได้ ขณะเดียวกัน จากการติดตามข้อมูลยังไม่พบสัญญาณทางวิทยาศาสตร์ใด ๆ ที่บ่งชี้ว่า​ จะมีการเคลื่อนตัวของเปลือกโลกในแนวดิ่ง ซึ่งเป็นเงื่อนไขสำคัญในการเกิดคลื่นสึนามิ ศ.ดร.สันติ กล่าว​ว่า​ ก่อนหน้านี้​เรารู้​จักแนวมุดตัวของเปลือก​โลก​บริเวณ​หมู่เกาะ​นิโคบาร์​-สุมาตรา ที่หากมีการเคลื่อนตัวจะมีโอกาส​เกิดสึนามิ​ แต่ล่าสุด​พบ​ว่า​ มีแนวภูเขาไฟ​ใต้น้ำ​บริเวณ​หมู่เกาะ​สุมาตรา​ที่​ไม่เคยปะทุมาก่อนและบอกไม่ได้​ว่าจะปะทุ​เมื่อ​ใด ซึ่งนักธรณีวิทยา​และหน่วยงาน​ด้านภัยพิบัติ​จะต้องติดตาม​อย่างต่อเนื่อง​ต่อไป​ ทั้งนี้ แม้ในอดีตจะเคยเกิดสึนามิจากรอยเลื่อนสุมาตราที่เกิดการมุดตัวของเปลือกโลก​ แต่ย้ำว่า​ เหตุการณ์ปัจจุบันไม่มีตัวชี้วัดในลักษณะเดียวกัน จึงขอให้ประชาชนอย่ากังวลเกินควร อย่างไรก็ตาม การตื่นรู้ต่อภัยพิบัติเป็นสิ่งที่ดี โดยเฉพาะการใช้เครื่องมือสื่อสาร เช่น แอปพลิเคชันกรมอุตุนิยมวิทยา การติดตามข้อมูลจากภาครัฐ และระบบแจ้งเตือนภัยในท้องถิ่นเช่น Cell Broadcast​ ที่​ภาครัฐ​เร่งดำเนินการ​สำหรับ​แจ้ง​เตือน​ภัยพิบัติ​ต่าง​ ๆ ให้​ครอบคลุม​ทั่วประเทศ​ ทั้งนี้ ​การเตรียมความพร้อมคือเรื่องสำคัญ รัฐเองก็พยายามส่งสัญญาณให้ถึงประชาชนโดยเร็ว […]