กรุงเทพฯ 11 ส.ค.- ปปง.ยังไม่ฟันธงบ่อนพระราม 3 เข้าข่ายความผิด พ.ร.บ.ฟอกเงิน หรือไม่ ขณะที่ “พ.ต.อ.สีหนาท” มือยึดทรัพย์บ่อนเตาปูน ระบุต้องหาเจ้าของสถานที่ให้เจอ ถึงจะสอบเส้นทางการเงินได้
แหล่งข่าวระดับสูงในสำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน หรือ ปปง. เปิดเผยกับสำนักข่าวไทย ถึงกรณีบ่อนพระราม 3 ว่าขณะนี้ยังไม่สามารถชี้ชัดได้ว่า เข้าข่ายเป็นความผิดมูลฐานเป็นผู้จัดให้มีการเล่นพนันโดยไม่ได้รับอนุญาต และมีจำนวนผู้เล่นแต่ละครั้งเกินกว่า 100 คน หรือมีวงเงินการกระทำความผิดตั้งแต่ 5 ล้านบาทขึ้นไป ตามมาตรา 3 (9) พ.ร.บ.ป้องกัน และปราบปรามการฟอกเงิน พ.ศ.2542 หรือไม่ เพราะยังต้องให้เวลาตำรวจทำงาน
แต่จากข้อมูลเบื้องต้นพบว่า บ่อนแห่งนี้ยังไม่เข้าข่ายความผิดมูลฐานตาม พ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน พ.ศ.2542 เพราะมีเงินหมุนเวียนต่ำกว่า 5 ล้านบาท และจำนวนนักพนันที่เข้าไปเล่นก็ยังไม่ชัดเจน ปปง.จึงไม่มีอำนาจเอาผิดฐานฟอกเงิน และยึดทรัพย์ได้ แต่หากตำรวจต้องการให้ ปปง.ตรวจสอบเส้นทางการเงินของบุคคลที่เกี่ยวข้องกับบ่อนพระราม 3 ก็สามารถทำหนังสือแจ้งให้ตรวจสอบได้
ส่วนคดีนี้จะเข้าข่ายเป็นคดีพิเศษหรือไม่ ยังไม่สามารถตอบได้ เพราะการที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ หรือ ดีเอสไอ จะรับเป็นคดีพิเศษ จะมีหลักเกณฑ์หลายอย่าง ส่วนตัวมองว่ามีความเป็นไปได้ เพราะนอกจากจะมีความผิด พ.ร.บ.การพนัน แล้ว ยังมีคดีฆาตกรรมเกิดขึ้นด้วย
ขณะที่ พ.ต.อ.สีหนาท ประยูรรัตน์ อดีตเลขาธิการสำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน หรือ ปปง. ที่เคยทำคดียึดทรัพย์บ่อนเตาปูน เมื่อปี 2556 ให้ความเห็นว่า ไม่ใช่ทุกบ่อนที่จะเข้าข่ายเป็นความผิดฐานฟอกเงิน แต่หากมีข้อมูลน่าเชื่อว่ากระทำความผิดฐานฟอกเงิน ก็สามารถเข้าไปตรวจสอบได้ โดยอย่างแรกที่ต้องดู คือ ใครเป็นเจ้าของสถานที่ ถ้ารู้ก็จะสามารถตรวจสอบเส้นทางการเงินได้ แต่จะไปถึงขั้นตอนการยึดทรัพย์หรือไม่ ก็ต้องเข้าเกณฑ์ตามที่กฎหมายกำหนดไว้
สำหรับบ่อนพระราม 3 อาจต้องใช้เวลาตรวจสอบ เพราะมีการโยกย้ายของกลางบางส่วนไปแล้ว ยอมรับว่าการตรวจสอบเส้นทางการเงินในปัจจุบันทำได้ยากกว่าในอดีตมาก เพราะธุรกรรมทางการเงินมีความสลับซับซ้อน และผู้กระทำความผิดมักมีวิธีหลบเลี่ยงไม่ให้ถูกจับได้
ดีเอสไอติดตามคดีบ่อนพระราม 3 อย่างใกล้ชิด
พ.ต.ต.วรณัน ศรีล้ำ รองโฆษกกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) กล่าวถึงกรณีบ่อนพระราม 3 ว่ากรมสอบสวนคดีพิเศษติดตามข่าวคดีนี้มาอย่างต่อเนื่อง มีการประสานข้อมูลกับตำรวจอย่างใกล้ชิด ซึ่งเห็นว่าขณะนี้กระบวนการสอบสวนซึ่งอยู่ในขอบเขตอำนาจของตำรวจยังเดินหน้าไปได้อยู่ ดีเอสไอจึงยังไม่มีการพิจารณาในเรื่องนี้.-สำนักข่าวไทย