รัฐสภา 20 มี.ค.- “อดิศร” จี้ “ปปง.” เร่งสอบคดีฮั้วสว. ปมผิดฐานฟอกเงิน บอกหากทำจริง จะเป็นผลงานชิ้นโบว์แดง สภาฯ มีรางวัลให้ ด้าน “รองเลขาฯ ปปง.” เผยประธานข้อมูล “กกต.-ดีเอสไอ” ยันทำงานตามกรอบกฎหมายฟอกเงิน
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า การประชุมสภาผู้แทนราษฎร มีนายภราดร ปริศนานันทกุล รองประธานสภาฯ คนที่สอง ทำหน้าที่ประธานในที่ประชุม วาระการพิจารณารับทราบผลการปฏิบัติงานของสำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) ประจำปีงบประมาณ 2566 โดยนายอดิศร เพียงเกษ สส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย ได้ตั้งคำถามต่อการดำเนินงานของ สำนักงาน ปปง.เกี่ยวกับการตรวจสอบกรณีที่มีการกล่าวหาว่ามีกระบวนการฮั้วการเลือก สว. ซึ่ง ปปง.มีมติรับเรื่องดังกล่าวไว้พิจารณา แม้ว่าจะมีอำนาจตรวจสอบตามกฎหมายที่เกี่ยวข้อง 100% แต่ประชาชนสงสัยในการทำงาน เพราะมีปรากฎการณ์การฮั้วการเลือกสว.มีตั้งแต่ระดับอำเภอ ระดับจังหวัด จนมาสู่ส่วนกลาง และคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ประกาศรับรองแล้ว ซึ่งอำนาจวุฒิสภา คือ สภาสูง กลั่นกรอง เป็นที่ปรึกษาของสภาผู้แทนราษฎร มีอำนาจในการคัดสรร เลือกบุคคลไปทำงานในองค์กรอิสระ
“วันสองวันที่ผ่านมา ตกใจหรือไม่ สว.ชุดนี้ไม่รับคะแนนที่จะโหวตให้แก่คนที่ไปทำหน้าที่ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ 2 คน ที่ตกม้าตาย ผมอยากให้ ปปง. เมื่อรับเรื่องนี้เป็นคดีพิเศษแล้วให้สืบสวนให้ทันท่วงที ถ้าช้าหากเกิดกรณีที่ สว.โหวตตก 2 บุคคล ขอถามว่าในอนาคตใคีจะมาสมัครเป็นตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ เขาไม่เสี่ยง หรือคนที่จะมาสมัครตุลาการศาลรัฐธรรมนูญในอนาคต ถ้าไม่รับเลือกก็ต้องมีคำถามว่าคุณสีอะไร ความเชื่อถือในองค์กรที่เกี่ยวข้องฝากไว้กับปปง.ขณะเดียวกันรมว.ยุติธรรม และพวกก็ถูกร้องจาก สว. เป็นโรงลิเกหรืออย่างไร” นายอดิศร กล่าว
นายอดิศร กล่าวต่อว่า ดังนั้นขอสอบถามความคืบหน้าว่า จะรับไว้เฉยๆ หรือเอาจริง หากทำได้ ตนว่ามีหลายคนในสภาฯ จะให้รางวัล เพื่อไปลดอำนาจ กกต. ลงมา และสอบสวนการฮั้วสว.ให้ ปปง.ทำเพื่อให้ระบอบประชาธิปไตยงดงาม เป็นอิสระ ถ่วงดุลซึ่งกันและกัน คนที่เป็นสว.ที่มาโดยสุจริตจะยืนตรงไหน คนที่ไม่สุจริตต้องออกไป ต้องมาด้วยมือสะอาด ขอให้ปปง.ทำเรื่องฮั้วสว.ให้เป็นผลงานชิ้นโบว์แดงด้วย

ด้านนายกมลสิษฐ์ วงศ์บุตรน้อย รองเลขาธิการ ปปง. ชี้แจงว่า เรื่องฮั้วสว. ขณะนี้กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) รับเป็นคดีพิเศษในส่วนของคดีอาญาฟอกเงิน ซึ่งการทำงานของสำนักงาน ปปง. เบื้องต้นประสานงานความร่วมมือแลกเปลี่ยนข้อมูลระหว่าง ดีเอสไอ และ กกต. เพื่อดำเนินการต่อความผิดมูลฐาน
นายกมลสิษฐ์ ชี้แจงต่อว่า สำนักงาน ปปง. ต้องบังคับใช้กฎหมายตามพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.)ป้องกันละปราบปรามการฟอกเงิน อย่างเต็มประสิทธิภาพ ทั้งนี้ต้องมีจุดเริ่มต้นมาจากการกระทำผิดเกี่ยวกับการเลือกตั้ง ในคดีมูลฐาน 23 ซึ่งบัญญัติไว้ในกฎหมายเลือกตั้ง ที่กำหนดให้การดำเนินงานความผิดเกี่ยวกับทรัพย์สิน กกต.เป็นผู้ส่งเรื่องมาที่ ปปง. ดำเนินการ แต่กรณีคดีอาญาฟอกเงิน จุดเริ่มต้น คือ ดีเอสไอรับเป็นคดีพิเศษ และอยู่ระหว่างการสืบสวนสอบสวน หากมีความคืบหน้าตามความผิดมูลฐาน ปปง.ต้องทำตามพ.ร.บ.ฟอกเงิน.312 .-สำนักข่าวไทย