กรุงเทพฯ 3 พ.ค. – ตำรวจนครบาล รวบหนุ่มไรเดอร์ลักทรัพย์บ้านนายแพทย์-บ้านรองผู้การสืบฯ นครบาล โดยใช้ช่องว่างในการเข้า-ออกหมู่บ้านผ่านเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัย เข้ามาดูลาดเลาในหมู่บ้านหรู
พล.ต.ท.นพศิลป์ พูลสวัสดิ์ รองผู้บัญชาการตำรวจนครบาล พร้อมด้วย พล.ต.ต.โชติวัฒน์ เหลืองวิลัย ผู้บังคับการสืบสวนสอบสวนกองบัญชาการตำรวจนครบาล แถลงจับกุมนายคมกฤษ อายุ 33 ปี ผู้ต้องหาหมายจับศาลอาญาธนบุรี ในข้อหาลักทรัพย์ในเวลากลางคืน พร้อมของกลางปืน blank gun และเครื่องกระสุน พร้อมด้วยทรัพย์สินที่ได้จากการลักทรัพย์
สืบเนื่องจากตำรวจ สน.บางขุนเทียน ได้รับแจ้งจากผู้เสียหายว่าถูกลักทรัพย์ภายในหมู่บ้านย่านถนนกัลปพฤกษ์ โดยเกิดเหตุ 2 ครั้ง ในระยะเวลา 1 เดือน เจ้าหน้าที่จึงสืบสวนจนทราบว่าผู้ก่อเหตุคือ นายคมกฤษ มีอาชีพเป็นพนักงานรับส่งผู้โดยสารของแอปพลิเคชันหนึ่ง ผู้ต้องหาจึงใช้ช่องว่างในการเข้า-ออกหมู่บ้านผ่านเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัย จากการสืบสวนทราบว่าเมื่อนายคมกฤษเข้าไปในหมู่บ้านจะมีพฤติการณ์ในการขับขี่ดูสถานที่ภายในหมู่บ้าน เพื่อเลือกบ้านเป้าหมาย ก่อนลงมือก่อเหตุลักทรัพย์บ้านหลังแรกในช่วงวันที่ 5-9 เม.ย. และบ้านหลังที่ 2 ในวันที่ 20 เม.ย.
เจ้าหน้าที่จึงสืบสวนจนทราบว่าตัวนายคมกฤษพักอาศัยอยู่ภายในซอยกัลปพฤกษ์ 4 ที่ไม่ไกลจากจุดเกิดเหตุ จึงเข้าตรวจค้นพบเสื้อผ้าและรถยนต์ที่ผู้ต้องหาใช้ก่อเหตุ พร้อมกับทรัพย์สินที่ขโมยมา แต่ไม่พบตัวผู้ต้องหา ตำรวจจึงสืบสวนจนทราบว่าผู้ต้องหาหนีไปกบดานที่ จ.ราชบุรี ก่อนติดตามไปจับกุมตัวพร้อมรถจักรยานยนต์ 1 คัน
จากการสอบสวนผู้ต้องหาให้การรับสารภาพว่าก่อเหตุในพื้นที่หมู่บ้านดังกล่าว 2 ครั้ง โดยบ้านหลังแรกคือช่วงวันที่ 5-9 เม.ย. เป็นบ้านของนายแพทย์รายหนึ่ง ก่อนจะก่อเหตุอีกครั้งในวันที่ 20 เม.ย. ซึ่งบ้านหลังดังกล่าวเป็นบ้านของรองผู้บังคับการสืบสวนสอบสวนกองบัญชาการตำรวจนครบาล
พล.ต.ท.นพศิลป์ เปิดเผยว่า ผู้ต้องหาอาศัยช่องว่างของการเป็นพนักงานขับรถรับ-ส่งผู้โดยสารในการเข้า-ออกหมู่บ้าน เพื่อดูสถานที่ โดยการเข้าจับกุมพบของกลางที่ยังไม่มีเจ้าของอีกหลายรายการ จึงเชื่อว่าตัวผู้ต้องหาเองน่าจะก่อเหตุลักทรัพย์ในพื้นที่ใกล้เคียงอีกหลายครั้งก่อนหน้านี้ จึงสั่งการให้ตำรวจพื้นที่ตรวจสอบกล้องวงจรปิดตั้งแต่ช่วงเดือน เม.ย. เพื่อดูเส้นทางว่าผู้ต้องหาเคยไปในจุดใดมาบ้าง
ทั้งนี้ อยากฝากประชาสัมพันธ์หากประชาชนในพื้นที่ใกล้เคียง ท่านใดที่เคยถูกก่อเหตุในลักษณะนี้ให้เข้ามาแจ้งความกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ จากการตรวจสอบประวัติพบว่าก่อนหน้านี้ผู้ต้องหาเคยถูกดำเนินคดีในข้อหาลักทรัพย์มาแล้ว 2 ครั้ง เมื่อปี 55 และปี 67 .-414-สำนักข่าวไทย