ตร.ไซเบอร์ เฝ้าระวังแก๊งคอลเซ็นเตอร์ย้ายฐานปฏิบัติการ

15 ก.พ. – ตำรวจไซเบอร์ประเมินสถานการณ์ในชายแดน หลังรัฐออกมาตรการกดดัน พบสถิติแจ้งความอาชญากรรมออนไลน์ลดลง พร้อมเฝ้าระวังการย้ายฐานปฏิบัติการของแก๊งคอลเซ็นเตอร์


พล.ต.ท.ไตรรงค์ ผิวพรรณ ผู้บัญชาการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี ได้แถลงข่าวการประเมินสถานการณ์แนวชายแดน หลังรัฐกดดันกลุ่มเครือข่ายองค์กรอาชญากรรมตามแนวชายแดน ว่า เมื่อวันที่ 12 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา ทางตำรวจไซเบอร์ได้รับการประสานจาก ผอ.ศูนย์สั่งการชายแดนระหว่างไทย-พม่า ในการรับตัวชาวต่างชาติหลายสัญชาติที่ถูกผลักดันมาทาง อ.พบพระ จ.ตาก จำนวน 260 คน ซึ่งทั้งหมดทำงานอยู่ในกลุ่มของแก๊งคอลเซ็นเตอร์ โดยทั้งหมดให้การว่าไปโดยสมัครใจ และทั้ง 260 คน เป็นชาวต่างชาติทั้งหมด ไม่มีคนไทย ส่วนมากเป็นคนสัญชาติเอธิโอเปีย, เคนย่า และจีนเป็นส่วนใหญ่ แต่จากการซักถามทั้ง 260 คน มี 1 คนให้การว่าถูกหลอกไปเป็นเหยื่อของกระบวนการค้ามนุษย์ และเมื่อวันที่ 14 กุมภาพันธ์ กองกำลัง BGF ได้เข้าควบคุมตึกโครงการย่าไถ่ เมืองชเวโก๊กโก่ ช่วยเหลือเหยื่อแก๊ง Call Center 2,000 คน และกำลังส่งกลับมาทาง อ.แม่สอด จ.ตาก จากนั้นจะทำการสืบสวนสอบสวนข้อมูลของบุคคลดังกล่าว ว่ามีส่วนเกี่ยวข้องกับแก๊งคอลเซ็นเตอร์ขบวนการใด มีการหลอกลวงประชาชนในประเทศใด มีผู้เสียหายเป็นชาวไทยหรือไม่ และจะพิจารณาข้อกล่าวหาบุคคลที่เกี่ยวข้องในการหลอกลวง

หลังรับตัวมาแล้ว ต้องตรวจสอบอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ที่ติดตัวมา และสอบถามประเด็นการทำงานว่าทำในกลุ่มแก๊งใด ผู้เสียหายเป็นใคร แต่จากข้อมูลเบื้องต้น กลุ่มนี้ทำงานให้แก๊งคอลเซ็นเตอร์หลอกลวงประชาชนของประเทศอื่นเป็นหลัก เช่นคนจีน และอินเดีย แต่หากพบว่ามีการหลอกลวงคนไทย มีการกระทำความผิดตามกฎหมายไทยที่มีอัตราโทษเกิน 4 ปี ผู้ก่อเหตุร่วมกันตั้งแต่ 3 คนขึ้นไป จะเข้าข่ายความผิดฐาน มีส่วนร่วมในองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ ถ้าเป็นข้อมูลเกี่ยวข้องกับประเทศอื่น ก็จะส่งข้อมูลให้ประเทศที่เกี่ยวข้องตรวจสอบหาเหยื่อต่อไป


ตอนนี้ทางตำรวจไซเบอร์ยังมีการปฏิบัติการอย่างต่อเนื่อง เพื่อป้องกันการถูกหลอกลวง หรือการลักลอบข้ามแดนไปทำงานในการขบวนการแก๊งคอลเซ็นเตอร์ ปัจจุบันได้รับความร่วมมือจากหน่วยงานต่างๆ โดยเฉพาะในประเทศเพื่อนบ้านในการร่วมกันกดดันแก๊งคอลเซ็นเตอร์ และเฝ้าระวังการย้ายฐานปฏิบัติการไปพื้นที่อื่นตามแนวตะเข็บชายแดน ตอนนี้มีการข่าวว่าจะมีการย้ายฐานปฏิบัติการจากตะวันตก ไปที่ทางตะวันออก

แต่จากการปราบปรามในครั้งนี้ ส่งผลกระทบด้านดีในหลายเรื่อง และยังลดสถิติการแจ้งความอาชญากรรมออนไลน์ จากเดิมปีที่แล้วมีการแจ้งความอยู่ที่ 1,200 คดีต่อวัน ในเดือนมกราคมปีนี้ ลดลงเหลือ 1,100 คดีต่อวัน และในปัจจุบันที่มีการปฏิบัติการเหลือเพียง 800 คดีต้นๆ ถือว่าเป็นแนวโน้มที่ดี ในส่วนของประเทศอื่นๆ ต้องตรวจสอบและขอข้อมูลมาอีกครั้ง.-420 -สำนักข่าวไทย


ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

สามีเข้าเกียร์ค้างไว้ สตาร์ทรถพุ่งชนภรรยาดับ

สลด! สามีขับรถใส่เกียร์ค้างไว้ สตาร์ทรถพุ่งชนภรรยาเสียชีวิตในบ้านพักย่านวิภาวดี ตำรวจยังไม่ปักใจเชื่อคำให้การเบื้องต้น นำตัวสอบปากคำอย่างละเอียดอีกครั้ง

คุมฝากขัง “เอ็ม เอกชาติ” เจ้าตัวปิดปากเงียบ

ตร.ไซเบอร์คุมตัว “เอ็ม เอกชาติ” ฝากขัง เจ้าตัวปิดปากเงียบ ไม่ตอบคำถามสื่อ ด้านตำรวจพบเส้นทางการเงินจากเว็บพนัน กว่า 30 ล้านบาท

ข่าวแนะนำ

ช่วยผู้รอดชีวิตรายแรก เหตุตึก สตง.แห่งใหม่ ถล่ม

กทม. 28 มี.ค. – ช่วยได้แล้ว 1 ราย ผู้ที่ติดอยู่ใต้ซากอาคาร สตง.แห่งใหม่ พังถล่ม เป็นคนงานที่ติดอยู่ในช่องลิฟต์ เร่งนำส่ง รพ. อัปเดตตัวเลขผู้เสียชีวิต ณ เวลา 19.25 น. เพิ่มขึ้นเป็น 4 ราย บาดเจ็บ 9 ราย สูญหาย 117 ราย .-สำนักข่าวไทย

ระดมค้นหา 94 ชีวิต เหตุตึกถล่มย่านจตุจักร

เกาะติดเหตุอาคาร สตง.แห่งใหม่ พังถล่มจากแผ่นดินไหว จนท.ยังคงเร่งค้นหาผู้รอดชีวิต ตัวเลข ปภ. คาดมีคนงานติดอยู่ในซาก 94 ราย ยังไม่สามารถติดต่อได้ ขณะที่ยืนยันผู้เสียชีวิตอยู่ที่ 3 ราย ด้านนายกฯ ลงพื้นที่จุดเกิดเหตุ ก่อนเดินทางไปยังศูนย์บัญชาการแผ่นดินไหว กทม.

กรมอุตุฯ เฝ้าระวังอาฟเตอร์ช็อก เขย่าแล้ว 21 ครั้ง

กรมอุตุนิยมวิทยา รายงานอาฟเตอร์ช็อกแล้ว 21 ครั้ง นักวิชาการระบุ พลังงานของแผ่นดินไหวลดลงตามลำดับ แต่ที่น่าห่วงคือ โครงสร้างของอาคารต่างๆ โดยเฉพาะอาคารสูงในกรุงเทพฯ ซึ่งตั้งอยู่บนชั้นดินอ่อน ต้องมีการตรวจสอบความมั่นคงแข็งแรง

นายกฯ ยันไม่เกิดสึนามิแน่ เหตุเป็นแผ่นดินไหวบนบก

นายกฯ เผยสถานการณ์แผ่นดินไหวคลี่คลาย ประชาชนกลับเข้าที่พัก-อาคารสูงได้ พร้อมเปิดพื้นที่สวนสาธารณะให้อยู่ ขณะรถไฟฟ้าเปิดให้ บริการอีกครั้งวันพรุ่งนี้ สั่งเร่งทยอยนำคนออกจากตึกถล่ม จตุจักร ก่อนลงพื้นที่ด่วน ยันไม่เกิดสึนามิแน่ เหตุเป็นแผ่นดินไหวบนบก