ตำรวจ CIB เผยผลโหวต 12 คดีดังรอบปี โดนใจ ปชช.

29 ธ.ค. – ตำรวจสอบสวนกลาง (CIB) มัดรวม 12 คดีดังรอบปี รวบผู้ต้องหากว่า 4 หมื่นคดี โดนใจประชาชน


​ตลอดปีที่ผ่านมาตำรวจสอบสวนกลาง (CIB) มีการจับกุมคดีและผู้ต้องหาทั้งที่เป็นอาชญากรรมทุกรูปแบบ โดยแต่ละปีพบว่ามีสถิติความเสียหายอย่างต่ำ หลักร้อยถึงหลักพันล้าน บางปีสูงสุดเกือบหมื่นล้าน ในจำนวนนั้นเกินกว่าครึ่งเป็นความสูญเสียที่เกิดจากอาชญากรรมออนไลน์ อย่างปี2567 ได้มีการเผยผลงานการจับกุมคดีทั้งหมดกว่า 41,091 คดี ได้ตัวผู้ต้องหากว่า 43,329 คน ซึ่งในจำนวนนี้ทำให้เกิดความเสียหาย เฉพาะอาชญากรรมออนไลน์ที่แฝงมาในลักษณะแก๊งคอลเซ็นเตอร์ พบเสียหายร่วม 1,000 ล้านบาท และดูทีท่าความเสียหายยังคงเพิ่มมากขึ้นอย่างต่อเนื่อง

ต้องย้อนกลับไปเมื่อ 3 ปีก่อน ตำรวจสอบสวนกลาง (CIB) เริ่มเห็นปัญหาแก๊งคอลเซ็นเตอร์ ที่หนักข้อขึ้นทุกวัน มีการคิดกลโกง รูปแบบวิธีการหลอกเหยื่อ โดยอาศัยความรู้สึกพื้นฐานอย่าง รัก โลภ โกรธ หลง เป็นหลัก ในการขยี้ปมจนเหยื่อหลงกล สูญเงินไปเป็นจำนวนมาก พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผบช.ก.จึงยกระดับทีมประชาสัมพันธ์ จากเมื่อครั้งตนเป็นผู้การกองปราบปราบ ขยับเป็นทีมPR. ของหน่วยหลักอย่าง ตำรวจสอบสวนกลาง (CIB) สื่อสารกับประชาชนโดยตรง เริ่มทยอยสร้างแพลตฟอร์มออนไลน์ เพื่อใช้สื่อสารกับประชาชนมาอย่างต่อเนื่อง เริ่มจาก Fanpage Facebook X (Twitter) , Instagram ,Youtube และล่าสุด Tiktok ที่มียอดผู้ติดตามกว่า 2 ล้าน 4 แสนคน นำมาสู่การได้รับรางวัล TikTok Awards Thailand 2023 สาขา “Social Impact Partner of the Year” : พาร์ทเนอร์ผู้ขับเคลื่อนสังคมดีเด่นแห่งปี และ รางวัลจาก COP MAGAZINE ประจำปี 2023 ที่มอบให้ทีมประชาสัมพันธ์ ตำรวจสอบสวนกลาง โดยเฉพาะหัวหน้าทีมประชาสัมพันธ์ อย่างพ.ต.อ.เนติ วงษ์กุหลาบ รองผบก.ปอท. ที่ถือเป็นคนรุ่นใหม่ที่มักจะมีไอเดียเจ๋งๆคอยเป็นแรงผลักดัน และดูแลให้เกิดไอเดียทำรายการที่จะสามารถสื่อสารกับประชาชนได้แบบเรียลไทม์ ชัดเจน และตรงไปตรงมา เกิดเป็นรายการ “CIB ทราบแล้วเปลี่ยน” เป็นการสตรีมมิ่งผ่าน 3 แพลตฟอร์ม FACEBOOK , TIKTOK และ YOUTUBE ทุกวันพุธ เวลา 17.00 น. ซึ่งวันแรกที่รายการออกอากาศมีผู้ชมเพียงหลักสิบ แต่ในระยะเวลาเกือบ 3 ปี ตอนนี้มีผู้ชมต่อครั้งหลักร้อย – หลักพัน


หนึ่งในกิจกรรมที่รายการ CIB ทราบแล้วเปลี่ยนทำมาต่อเนื่องและได้รับความนิยมจากแฟนๆ คือการโหวตคดีเด่น คดีดังในแต่ละเดือน สำหรับผลโหวตของเดือน มกราคม ที่ได้รับจากประชาชน สูงสุด เป็นคดีของ บก.ปปป. ร่วมกับ ป.ป.ช. และ ป.ป.ท. เปิดปฏิบัติการ “หยุด เถอะ ครับ” รวบ นักร้องชื่อดัง ยกคณะ หลังเรียกเงินจากอธิบดีในกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เพื่อแลกกับการไม่เข้าร้องเรียน โดยอ้างว่าภายในกรมมีเรื่องการทุจริตซุกซ่อนอยู่ แต่ฝ่ายอธิบดียืนยันไม่ได้ทำผิด เหตุใดต้องจ่าย เป็นที่มาของการเข้าแจ้งความกับตำรวจ บก.ปปป.เร่งด่วน นำไปสู่ปฏิบัติการดังกล่าว

ขณะที่คะแนนโหวต เดือนกุมภาพันธ์ ที่ได้รับสูงสุดจากประชาชน คือ บก.ทล. รวบหนุ่มลักลอบขนยาบ้า 3.3 ล้านเม็ดซุกลังน้ำแข็งบรรทุกท้ายกระบะคลุมด้วยผ้าใบ มิหนำซ้ำยังเจออาวุธสงครามและกระสุนครบมือ ผู้ต้องหาสารภาพรับปืนสงครามจากชายแดน จ.หนองคาย ขณะที่รับยาบ้ามาจาก อ.สามชุก จ.สุพรรณบุรี เตรียมส่งต่อ จ.นครศรีธรรมราช ทำมาแล้ว 5 ครั้ง ค่าจ้างต่อครั้งร่วม 100,000 บาท แต่ครั้งนี้ไม่รอดจนมุมถูกตำรวจทางหลวงรวบทันควัน

คะแนนโหวต สูงสุด เดือนมีนาคม คือ บก.ทล. รวบหนุ่มหมายจับติดตัวคลั่ง ปฏิเสธการไม่ให้ตำรวจตรวจสอบบัตรประชาชนก่อนรีบวิ่งขึ้นรถ พร้อมซิ่งเก๋งขับหนี พุ่งชนรถตำรวจทางหลวงยับ ก่อนถูกรวบทันควัน กลางถนน


สำหรับคดีที่ได้รับคะแนนโหวตสูงสูด ประจำเดือนเมษายน คือบก.ปอท. รวบแก๊งคอลเซ็นเตอร์ ปลอมเว็บไซต์ CIB ก่อนใช้ Elite visa แฝงตัวฟอกเงินในไทย พบเงินหมุนเวียนกว่า 7 หมื่นล้านบาท

คดีโหวตสูงสุดของเดือน พฤษภาคม คือ บก.ปอศ. ที่เปิดปฏิบัติการ CIB Operation Nominee Sweep ล้างบางเครือข่ายนอมินีต่างชาติในภูเก็ต พบรัสเซียร่วมร้อยลักลอบทำธุรกิจที่ไม่ได้รับอนุญาต ถือครองที่ดินมูลค่ากว่าพันล้านบาท

สำหรับคดีที่ได้รับคะแนนโหวตสูงสุด ประจำเดือน มิถุนายน คือ บก.ปอศ. ร่วม กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม เปิดปฏิบัติการตัดตอน “โจรออนไลน์” ตรวจยึดอุปกรณ์ STARLINK กว่า 58 ชุด ที่ใช้ รับ-ส่งสัญญาณอินเตอร์เน็ต ผ่านดาวเทียม ก่อนส่งข้ามแดนกัมพูชา-เมียนมา

คดีที่ได้รับคะแนนโหวตสูงสุดประจำเดือน กรกฎาคม เป็นของ บก.ปอท. ทลายองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ Lock Star รวบนักธุรกิจเบื้องหลังเครือข่ายแก๊งคอลเซ็นเตอร์ หลังนำกำลังเข้าตรวจค้นเป้าหมาย 4 จุด ในพื้นที่ กรุงเทพมหานคร เชียงราย นนทบุรี ปทุมธานี จนสามารถจับกุมกลุ่มองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติเครือข่ายหลอกลงทุนออนไลน์ ไฮบริดสแกม (Hybrid Scam) ตั้งแต่ระดับหัวหน้าที่ควบคุมสั่งการศูนย์ปฏิบัติการของแก๊งคอลเซ็นเตอร์ และคนที่ดูแลเรื่องฟอกเงินได้ทั้งหมด

สำหรับเดือน สิงหาคม คดีที่ได้รับคะแนนโหวตสูงสุด ได้แก่ บก.ป. ที่เปิด “ปฏิบัติการ TAKEDOWN MAFIA Ep.2 ตรวจค้นพร้อมจับกุม 14 จุด ในพื้นที่ จ.พัทลุง และ จ.สตูล รวบผู้ต้องหาคดีฆ่าผู้อื่น รวม 4 คน หลังมีกลุ่มคนร้ายใช้อาวุธปืนสงคราม 3 กระบอก ดักถล่มยิงอย่างอุกอาจ จนมีผู้เสียชีวิต ญาติเครียด หวั่นความปลอดภัย จึงเข้าร้องขอความเป็นธรรมกับตำรวจกองปราบ

ขณะที่เดือน กันยายน เองก็มีคดีที่ได้รับการโหวตสูงสุด คือ บก.ทล. ที่ร่วมกับตำรวจบช.ปส. ที่สามารถสกัดจับยาไอซ์กว่า 250 กก.อัดแน่นในรถบรรทุก คาด่านตรวจทางหลวงสุราษฎร์ธานี โดยผู้ต้องหาสารภาพว่ารับมาจาก จ.เชียงราย เพื่อนำไปส่งยัง จ.สงขลา มีรถเก๋งโตโยต้าเป็นรถนำคอยสอดส่องดูด่าน แต่ไม่รอดพ้นสายตาตำรวจทางหลวง โดนรวบในที่สุด

ขณะที่คดีที่ได้รับผลโหวตจากประชาชน ประจำเดือน ตุลาคม เป็นคดีของ บก.ป. และ บก.ทล. ที่สกัดรถพ่วงขนยาบ้าซุกในตะกร้าผลไม้กว่า 13 ล้านเม็ด ขณะรถคันดังกล่าวเตรียมมุ่งหน้าลงใต้ จากนั้นเตรียมส่งออกต่อประเทศที่สาม

ส่วนเดือน พฤศจิกายน เป็นคดี ของบก.ป. หลังเดินหน้าทำสำนวน รวบรวมพยานหลักฐานจนศาลออกหมายจับ และตำรวจติดตามจับกุมทนายตั้ม พร้อมภรรยา ฐานฉ้อโกงและฟอกเงิน หลังเจ๊อ้อย เดินหน้าหอบหลักฐานเข้าแจ้งความกับตำรวจว่าถูกหลอกลวงให้โอนเงินให้ทนายคนดังจำนวนมาก

และล่าสุด คดีประจำเดือน ธันวาคม ที่ได้รับคะแนนโหวตสูงสุด ได้แก่ คดีที่ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ร่วมกับกระทรวงพาณิชย์ เปิดยุทธการทลายรังมังกรเทา CIB Nominee sweep ep.2 ตรวจค้น 46 จุดทั่วประเทศ ดำเนินคดีกับนิติบุคคล 442 บริษัท ผู้ต้องหากว่า 1,000 ราย ในจำนวนนี้เป็นชาวจีนกว่า 250 ราย พบเงินหมุนเวียนกว่า 3,600 ล้านบาท .-415-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

ผบ.เรือนจำทักษิณป่วย ไม่ได้ส่งตรวจ รพ.ราชทัณฑ์ก่อน  

13 มิ.ย. – ศาลฎีกาฯ ใช้เวลา 1 ชั่วโมง ไต่สวนกรณีกรมราชทัณฑ์อนุญาตให้ “ทักษิณ” เข้ารักษาตัวชั้น 14 รพ.ตำรวจ นัดไต่สวนเพิ่มอีก 6 นัด เดือน ก.ค.68 ด้าน ผบ.เรือนจำพิเศษกรุงเทพ ยอมรับไม่ได้ส่งตรวจ รพ.ราชทัณฑ์ก่อน ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ใช้เวลา 1 ชั่วโมง ไต่สวนคดีชั้น 14 ในเรื่องการบังคับคดีนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ล่าสุดการไต่สวนนัดแรกเสร็จสิ้นแล้ว โดยศาลได้สอบถาม นายมานพ ชมชื่น ผู้บัญชาการเรือนจำพิเศษกรุงเทพคนปัจจุบัน เกี่ยวกับกระบวนการในการส่งตัวนายทักษิณจากเรือนจำไปโรงพยาบาลตำรวจ ในคืนวันที่ 22 สิงหาคม ซึ่งนายทักษิณ มีอาการแน่นหน้าอก นอนไม่หลับ พยาบาลเวรตรวจอาการแล้ว ถึงโทรไปหาแพทย์ และมีความเห็นให้ส่งตัวไปที่โรงพยาบาลตำรวจ โดยไม่ได้เข้าไปที่โรงพยาบาลราชทัณฑ์ก่อน และอาการก็ตรงกลับใบส่งตัวที่แพทย์เขียนไว้ล่วงหน้า เพราะเป็นผู้ป่วยกรณีฉุกเฉิน แต่ก็ยอมรับว่าไม่ได้เข้าโรงพยาบาลราชทัณฑ์ก่อน จากนั้นศาลได้นัดไต่สวน 6 นัด ในเดือนกรกฎาคม 2568 และใน […]

เครื่องบินแอร์อินเดีย ตกใส่อาคารที่พักแพทย์ ตาย 241 รอดคนเดียว

นิวเดลี 13 มิ.ย. – เครื่องบินโดยสารของสายการบินแอร์อินเดีย พร้อมคนบนเครื่อง 242 คน ประสบอุบัติเหตุตกใส่อาคารในย่านชุมชนทางตะวันตกของประเทศ มีผู้เสียชีวิต 241 ราย รอดชีวิตปาฏิหาริย์เพียงคนเดียว ยังไม่มีการยืนยันว่ามีคนในอาคารบ้านเรือนเสียชีวิตเท่าไร เครื่องบินลำที่ประสบอุบัติเหตุเป็นเครื่องบินโบอิ้ง 787-8 ดรีมไลน์เนอร์ ของสายการบิน แอร์ อินเดีย เที่ยวบิน เอไอ171 (AI171) พร้อมคนบนเครื่อง 242 คน ประกอบด้วยผู้โดยสาร 230 คน และลูกเรือ 12 คน เพิ่งจะออกเดินทางจากท่าอากาศยานระหว่างประเทศเมืองอาห์เมดาบัด รัฐคุชราต ทางตะวันตกของอินเดียเมื่อเวลา 13.34 น. วานนี้ มุ่งหน้าไปยังท่าอากาศยานแกตวิค กรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษ คนบนเครื่องบินเป็นชาวอินเดีย 169 คน และมีพลเมืองอังกฤษ 53 คน โปรตุเกส 7 คน และแคนาดา 1 คน คลิปที่ผู้ใช้งานสื่อออนไลน์ในอินเดียส่งต่อกันแพร่หลาย เผยให้เห็นช่วงเวลาขณะที่เครื่องบินโดยสารลำนี้เครื่องบินค่อยๆ […]

แพทยสภายืนยันมติเดิม เอาผิดแพทย์ 3 ราย

กทม. 12 มิ.ย.- แพทยสภามีมติ 2 ใน 3 ยืนยันมติเดิม เอาผิดแพทย์ 3 ราย ปมส่งตัว “ทักษิณ” รักษาชั้น 14 รพ.ตร. ศ.นพ.ประสิทธิ์ วัฒนาภา อุปนายกแพทยสภา เปิดเผยหลังการประชุมการลงมติแพทยสภากว่า 5 ชม. ว่า กรณีที่มีการกล่าวโทษแพทย์ทัณฑสถานโรงพยาบาลราชทัณฑ์ และแพทย์โรงพยาบาลตำรวจ เกี่ยวกับการประพฤติผิดจริยธรรมแห่งวิชาชีพเวชกรรม การประชุมคณะกรรมการแพทยสภาครั้งที่ 6/2568 ประจำเดือนมิถุนายน คือวันนี้ มีวาระสำคัญคือการพิจารณาหนังสือยับยั้งมติลงโทษผู้ประกอบวิชาชีพเวชกรรมของคณะกรรมการแพทยสภาจากสภานายกพิเศษ วาระนี้มีคณะกรรมการแพทยสภาเข้าร่วมประชุมจำนวน 68 คน จากจำนวนแพทยสภาที่มีสิทธิ์ลงคะแนนทั้งสิ้น 69 คน ได้พิจารณาการยับยั้งมติแพทยสภาของสภานายกพิเศษ มีมติด้วยคะแนนเสียงเกินกว่า 2 ใน 3 ของคณะกรรมการฯ ที่มีสิทธิ์ลงคะแนนทั้งคณะ ซึ่งมีคะแนนโหวตมากกว่า 60 เสียง ยืนยันตามมติเดิมของคณะกรรมการแพทยสภาเมื่อวันที่ 8 พฤษภาคม 2568 กระบวนการต่อไปแพทยสภาจะออกคำสั่งบังคับตามมติและแจ้งให้ผู้ที่เกี่ยวข้องทราบ คาดว่าคำสั่งจะออกได้ในวันพรุ่งนี้ และจะมีผลการลงโทษหลังจากคำสั่งไปยังผู้ถูกร้องเรียน ทั้งนี้ […]

“ทีมสุดซอย” ลุยตรวจโรงงานรีไซเคิลทุนจีน

ฉะเชิงเทรา 12 มิ.ย. – “ทีมสุดซอย” ลุยตรวจโรงงานรีไซเคิลทุนจีน จ.ฉะเชิงเทรา พบกองขยะอิเล็กทรอนิกส์และชิ้นส่วนเครื่องยนต์นำเข้ากองเต็มพื้นที่ ฝ่าฝืนคำสั่งกรมโรงงานฯ น.ส.ฐิติภัสร์ โชติเดชาชัยนันต์ หัวหน้าทีมสุดซอย พร้อมเจ้าหน้าที่กรมโรงงานอุตสาหกรรม เจ้าหน้าที่อุตสาหกรรมจังหวัด และตำรวจสอบสวนกลาง เข้าตรวจสอบโรงงานรีไซเคิลใน อ.แปลงยาว จ.ฉะเชิงเทรา ซึ่งเป็นการขยายผลจากข้อมูลที่ผู้ใหญ่บ้าน ต.เขาหินซ้อน อ้างว่ามีบริษัทคัดแยกขยะอุตสาหกรรมในพื้นที่ให้นำดินไปแจกฟรี แต่กลับพบว่าเป็นขยะอุตสาหกรรม จากการตรวจสอบพบว่าบริษัทแห่งนี้จะรับขยะอิเล็กทรอนิกส์ เศษสายไฟ วัสดุแบตเตอรี่ มอเตอร์ และชิ้นส่วนเครื่องยนต์ที่นำเข้ามาจากต่างประเทศ ผ่านบริษัทแห่งหนึ่งที่ฮ่องกง โดยบริษัทดังกล่าวรับซื้อเศษขยะมาจากญี่ปุ่นอีกทอดหนึ่ง ก่อนส่งมาที่โรงงานรีไซเคิลในไทยให้คัดแยก แต่สำแดงเป็นโลหะผสม (Mixed metal) และมีการเสียภาษีต่อเที่ยวตามน้ำหนัก รวมแล้วประมาณ 33,000 บาท การคัดแยกขยะจะใช้แรงงานต่างด้าวคัดแยกเหล็ก อะลูมิเนียม ทองแดงออก โดยในส่วนของเหล็ก จะส่งโรงเหล็กในประเทศ สำหรับอะลูมิเนียมกับทองแดง จะส่งกลับไปฮ่องกง เพื่อขายต่อ โดยไม่ต้องเสียภาษี เนื่องจากเป็นเศษโลหะ อีกทั้งยังมีกองขยะที่ไม่สามารถนำไปแปรรูปใช้งานต่อได้จำนวนมากถูกทิ้งไว้ในประเทศ โรงงานดังกล่าวมีการขออนุญาตประกอบกิจการตั้งแต่ปี 2558 แต่ก่อนหน้านี้พบว่ามีการขยายโรงงานโดยไม่ได้รับอนุญาต การจัดเก็บวัสดุไม่ถูกต้องตามมาตรฐาน คือกองอยู่ลานโล่งด้านนอกอาคาร ปัญหาเรื่องมาตรฐานความปลอดภัยในการประกอบกิจการ และการปล่อยน้ำเสีย […]

ข่าวแนะนำ

ประชุม JBC วันแรกเป็นไปด้วยดี สองฝ่ายหารือตรงไปตรงมา

14 มิ.ย.- โฆษก กต. เผยการประชุม JBC “ไทย-กัมพูชา” บรรยากาศเป็นไปด้วยดี ทั้งสองฝ่ายหารือกันอย่างตรงไปตรงมา พร้อมย้ำไทยไม่ยอมรับอำนาจศาลโลก สำหรับการประชุมจะเสร็จสิ้นในวันพรุ่งนี้ นายนิกรเดช พลางกูร อธิบดีกรมสารนิเทศและโฆษกกระทรวงการต่างประเทศ แถลงการประชุมกรรมาธิการเขตแดนร่วมไทย – กัมพูชา หรือ JBC ครั้งที่ 6 ว่าตั้งแต่เมื่อเช้า หลังจากคณะผู้แทนไทยฯ ที่นำโดยนายประศาสน์ ประศาสน์วินิจฉัย เดินทางถึงกรุงพนมเปญเมื่อวานนี้ ได้รับรายงานความคืบหน้ามาเป็นระยะ และเมื่อสักครู่ที่ผ่านมา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศก็ได้เรียกประชุมผู้บริหารและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด ตามข้อสั่งการของนายกรัฐมนตรี ที่ขอให้เรียกประชุมและรายงานความคืบหน้าเป็นระยะ เพื่อจะได้มีข้อสั่งการ นายนิกรเดช กล่าวว่า การประชุมเริ่มจากที่พบหารือระหว่างสองประธานไทย-กัมพูชา กลุ่มเล็ก จากนั้นได้เริ่มการประชุม JBC เต็มคณะ เพื่อหารือประเด็นทางเทคนิค ที่อยู่ในขอบเขตการทำงานของ JBC เช่นการใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยีการสำรวจภูมิประเทศ ขณะนี้การประชุมก็ยังคงดำเนินอยู่ ซึ่งช่วงบ่ายก็จะเป็นการหารือตามระเบียบวาระที่วางไว้ เช่นการพูดคุยด้านเทคนิค และคาดว่าจะมีการประชุมไปจนถึงวันพรุ่งนี้ บรรยากาศการประชุมเป็นไปด้วยดี และทั้งสองฝ่ายกำลังเดินหน้าหารือกันตามวาระ ถือว่าการประชุมเป็นไปด้วยดี ทั้งสองฝ่ายเดินหน้าคุย และปรับความคิดหากันด้วยดี ฝ่ายไทยหวังว่าการประชุมครั้งนี้จะมีส่วนช่วยลดความ ตึงเครียดของสถานการณ์ที่เกิดขึ้น […]

ประชุม JBC “ไทย-กัมพูชา” ยึด MOU43 แก้ปมชายแดน-ลดตึงเครียด

14 มิ.ย.- “ไทย-กัมพูชา” แถลงย้ำความสำคัญของการใช้กลไกคณะกรรมาธิการเขตแดนร่วม JBC เจรจาประเด็นด้านเขตแดนระหว่างกัน และการทำงานร่วมกันด้วยสันติวิธี ภายใต้กรอบ MOU43 นายประศาสน์ ประศาสน์วินิจฉัย ประธานกรรมาธิการเขตแดนร่วมไทย-กัมพูชา ฝ่ายไทย เป็นประธานการประชุมกรรมาธิการเขตแดนร่วมไทย-กัมพูชา ครั้งที่ 6 (JBC) ร่วมกับนายฬำ เจีย รัฐมนตรีรับผิดชอบกิจการชายแดนและหัวหน้าสำนักงานเลขาธิการกิจการชายแดนแห่งชาติกัมพูชา ประธานร่วมฝ่ายกัมพูชา ทั้งสองฝ่ายกล่าวถ้อยแถลงย้ำความสำคัญของการใช้กลไกคณะกรรมาธิการเขตแดนร่วมไทย-กัมพูชา (JBC) ในการเจรจาประเด็นด้านเขตแดนระหว่างกันและการทำงานร่วมกันด้วยสันติวิธี ภายใต้กรอบบันทึกความเข้าใจระหว่างรัฐบาลแห่งราชอาณาจักรไทยกับรัฐบาลแห่งราชอาณาจักรกัมพูชาว่าด้วยการสำรวจและจัดทำหลักเขตแดนทางบก พ.ศ. 2543 (MOU 43) เพื่อประโยชน์ในการแก้ไขปัญหาชายแดนและลดความตึงเครียดที่มีอยู่ ทั้งนี้ คณะกรรมาธิการของทั้งสองฝ่าย ประกอบด้วย ผู้แทนจากหน่วยงานเชิงเทคนิคที่เกี่ยวข้อง อาทิ กรมสนธิสัญญาและกฎหมาย กระทรวงการต่างประเทศ กระทรวงมหาดไทย กระทรวงกลาโหม กรมแผนที่ทหาร กองทัพบก กองทัพเรือ สำนักงานเลขาธิการกิจการชายแดนแห่งชาติกัมพูชา (เทียบเท่ากระทรวง) กระทรวงกลาโหมกัมพูชา กองทัพภาคต่าง ๆ ของกัมพูชา รวมถึงผู้ว่าราชการจังหวัดชายแดนไทย-กัมพูชาของกัมพูชาทุกจังหวัด -สำนักข่าวไทย

Cambodia and Thailand hold a closed-door meeting ahead of the official meeting of JBC in Phnom Penh

ไทย-กัมพูชา หารือกลุ่มเล็กก่อนประชุม JBC

พนมเปญ 14 มิ.ย. – สื่อกัมพูชารายงานว่า กัมพูชาและไทย ได้เปิดการหารือกลุ่มเล็กฝ่ายละ 5 คน ก่อนการประชุมคณะกรรมาธิการเขตแดนร่วม หรือเจบีซี (JBC) ที่กรุงพนมเปญ ในวันนี้ เว็บไซต์แขมร์ไทมส์ของกัมพูชารายงานว่า ในการหารือกลุ่มเล็กที่มีผู้ร่วมเข้าเพียง 10 คน ฝ่ายกัมพูชานำโดยนายเจีย ฬำ  รัฐมนตรีผู้รับผิดชอบกิจการชายแดน ส่วนฝ่ายไทยนำโดยนายประศาสน์ ประศาสน์วินิจฉัย ที่ปรึกษากระทรวงต่างประเทศด้านกิจการชายแดน ซึ่งเป็นนักการทูตผู้เชี่ยวชาญช่วงข้อพิพาทปราสาทพระวิหาร พร้อมกับเผยแพร่ภาพชุดการหารือดังกล่าว.-814.-สำนักข่าวไทย

รวบแล้ว! โจรชิงทองที่ลำพูน หนีกบดานพัทยา

พัทยา 14 มิ.ย.- หนีไม่รอด! รวบโจรบุกเดี่ยวชิงทอง จ.ลำพูน หนีกบดานพัทยา สารภาพติดการพนันออนไลน์ จากกรณีเมื่อวันที่ 7 มิถุนายน 2568 เกิดเหตุคนร้ายรูปร่างสูงประมาณ 160-165 ซม. ทราบชื่อต่อมาคือ นายประกร อายุ 47 ปี ขี่รถจักรยานยนต์สีดำ บุกเดี่ยวเข้าไปชิงทองคำรูปพรรณ จากห้างทองฯ อ.ป่าซาง จ.ลำพูน ได้สร้อยคอทองคำ น้ำหนัก 5 บาท ไปจำนวน 2 เส้น มูลค่ากว่า 500,000 บาท แล้วหลบหนีไปอย่างรวดเร็ว ล่าสุดตำรวจ สภ.จว.ชลบุรี ได้เบาะแสว่า นายประกร ที่มีหมายจับศาลจังหวัดลำพูน ในข้อหากระทำความผิดฐาน “วิ่งราวทรัพย์โดยใช้ยานพาหนะเพื่อสะดวกแก่การกระทำความผิดหรือการพาทรัพย์นั้นไปหรือเพื่อให้พ้นการจับกุม” หลังก่อเหตุได้หนีมากบดานในพื้นที่จังหวัดชลบุรี จึงนำกำลังออกติดตาม กระทั่งพบตัวนายประกร อยู่ภายในห้างสรรพสินค้าแห่งหนึ่งย่านพัทยากลาง เจ้าหน้าที่จึงได้เข้าจับกุม เจ้าตัวให้การยอมรับ เป็นผู้ก่อเหตุวิ่งราวทองจากห้างทองในพื้นที่จังหวัดลำพูนจริง หลังก่อเหตุได้หนีมายังพื้นที่เมืองพัทยาและนำทองไปขายในห้างทองแห่งหนึ่ง ตอนแรก คิดว่าจะเดินทางเข้ามาตัว แต่ก็สายไปเนื่องจากมาโดนเจ้าหน้าที่ติดตามจับกุมตัวได้เสียก่อน ส่วนสาเหตุที่ก่อเหตุลงไปนั้นเนื่องจากตนเองติดการพนันออนไลน์ จนเงินหมด […]