6 ก.ย. – ครอบครัวรับศพ “ลุงแอ๊ด” เหยื่อรายที่ 2 สิบล้อคลั่ง เผยไม่ควรเสียชีวิตจากคนขับรถเสพยา ก่อนบอกทั้งน้ำตา “หากชาติหน้ามีจริงขอให้กลับมาเกิดเป็นพี่น้องกัน”
นางวาสนา น้องสาวนายสมนึก หรือ ลุงแอ๊ด เหยื่อคนขับรถสิบล้อคลั่งเข้ารับศพที่นิติเวช โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ หลังเสียชีวิตจากเหตุชายคลั่งขับรถสิบล้อเฉี่ยวชนที่บริเวณถนนอาจณรงค์ พื้นที่ สน.ท่าเรือ ซึ่งก่อนหน้านี้เข้าโรงพยาบาลรักษาตัวประมาณ 2 วัน จนกระทั่งเสียชีวิตเมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมา โดยทางครอบครัวจะนำร่างไปตั้งสวดอภิธรรมที่วัดเตยนอก ก่อนจะมีพิธีฌาปนกิจในวันอาทิตย์ที่ 9 กันยายนนี้
นางวาสนา เล่าว่า วันเกิดเหตุได้นั่งไปบนรถกู้ภัย พยายามเรียกสติลุงแอ๊ด แต่ไม่สามารถสื่อสารได้ เนื่องจากทางกู้ภัยเร่งช่วยชีวิตด้วยการสอดท่อดูดเลือดและเสมหะออกจากลำคอ ทำให้ลุงแอ๊ดได้เพียงร้องครวญคราง เป็นภาพที่ติดตาตัวเอง ทำให้คิดในใจมาตลอดว่าปาฏิหาริย์อาจจะไม่เกิดขึ้นกับครอบครัว
หลังเกิดเหตุทางคู่กรณีและครอบครัว ยังไม่ได้มีการติดต่อเข้ามาพูดคุยช่วยเหลือในเรื่องของการเยียวยาเลย ส่วนการรักษาตอนนี้ทราบว่ามีค่าใช้จ่ายคงค้างราว 1.8 แสนบาท ทำให้ตัวเองและครอบครัวมีความกังวล ถึงแม้เบื้องต้นจะทราบว่าทางรถ 10 ล้อ มีประกันภัยคุ้มครอง แต่หากไม่ได้จริง ๆ อยากเรียกร้องให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องออกมาช่วยเหลือ เนื่องจากครอบครัวตัวเองเป็นค้นหาเช้ากินค่ำ
ขณะเดียวกันนางวาสนา ในฐานะน้องสาวสายเลือดเดียวกัน บอกด้วยเสียงสั่นเครือว่า ชีวิตที่ผ่านมาพี่ชายลำบาก ทั้งบ้านถูกไฟไหม้ ไม่มีที่อยู่อาศัย ทำได้เพียงเก็บของเก่าขายประทังชีวิต หรือบางครั้งต้องมาขอเงินหลานสาว แต่พี่ชายไม่เคยสร้างความเดือดร้อนให้ใคร ไม่ควรต้องมาเสียชีวิตจากคนที่ขับรถและเสพยาเสพติดแบบนี้ และหากพี่ชายรับรู้ได้ อยากบอกว่า “รัก และห่วงใย หากชาติหน้ามีจริง ขอให้กลับมาเกิดเป็นพี่น้องกัน“ ส่วนครอบครัวขออโหสิกรรมไม่ติดใจ และไม่อยากให้พี่ชายจองเวรจองกรรมอยากให้ไปสู่ภพภูมิที่ดี
ขณะที่ พล.ต.ท.นิธิธร จินตกานนท์ ผู้บัญชาการประจำสำนักงานตำรวจแห่งชาติ และหัวหน้าส่วนอำนวยการและสนับสนุน ศปก.ตร. พร้อมด้วย พล.ต.ต.วิทวัฒน์ ชินคำ ผู้บังคับการตำรวจนครบาล 5 เดินทางมาที่ สน.ท่าเรือ เพื่อประชุมติดตามความคืบหน้าคดีคนขับรถบรรทุก 10 ล้อคลั่งชนดะ พร้อมมอบเงินช่วยเหลือเยียวยาข้าราชการตำรวจที่ได้รับบาดเจ็บจากการปฏิบัติหน้าที่
พล.ต.ท.นิธิธร กล่าวว่า จากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติมีความห่วงใย จึงอนุมัติให้มอบเงินกองทุนสวัสดิการของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ที่ช่วยเหลือข้าราชการตำรวจที่ได้รับบาดเจ็บหรือเสียชีวิต จากการปฏิบัติหน้าที่ โดยมอบให้กับตำรวจ สน.ท่าเรือ ทั้ง 3 นาย ที่ได้รับบาดเจ็บจากการเข้าระงับเหตุดังกล่าว คนละ 7,500 บาท ทันทีเป็นกรณีเร่งด่วน ซึ่งมี 1 นาย ที่พยายามปีนขึ้นไปบนรถเพื่อจะดึงกุญแจรถออก แต่ผู้ต้องหามีมีดและจ้วงฟันเข้าบริเวณใต้รักแร้ ส่วนอีก 2 นาย ได้รับบาดเจ็บเล็กน้อย ขณะไล่ล่าผู้ต้องหา
เบื้องต้นทั้ง 3 นาย ยังมีขวัญกำลังใจที่ดี ปฏิบัติหน้าที่ด้วยความรักในการเป็นผู้พิทักษ์สันติราษฎร์ อย่างไรก็ตาม หลังจากนี้จะมีการถอดบทเรียน ฝึกเจ้าหน้าที่เพิ่มเติมเกี่ยวกับยุทธวิธีในการยับยั้งรถขนาดใหญ่ ต้องรู้ว่านอกจากยิงยาง จะมีจุดไหนอีกบ้างที่ทำให้รถไม่สามารถเคลื่อนที่ต่อไปได้ ทั้งนี้ เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นถือว่าภัยถึงตัวตำรวจแล้วที่โดนฟัน ตำรวจจะใช้อาวุธปืนมายิงยับยั้งก็ได้ แต่เลือกจะไม่ทำ ใช้วิธีอื่นก่อน
ในส่วนของคดี ล่าสุดได้มีการแจ้งข้อกล่าวหาเพิ่มเติม รวมแจ้งทั้งหมด 6 ข้อหา ได้แก่ ประมาทขับรถเฉี่ยวชนเป็นเหตุให้ผู้อื่นบาดเจ็บและเสียชีวิต / ประมาทขับรถเฉี่ยวชนเป็นเหตุให้ทรัพย์สินผู้อื่นเสียหาย / หลบหนีการจับกุม / ต่อสู้ขัดขวางเจ้าพนักงาน / เสพสารเสพติด / ขับรถขณะเสพยาเสพติด.-414-สำนักข่าวไทย