“ทนายตั้ม” ให้ปากคำเพิ่ม-มอบหลักฐานสำคัญแก่ ปปป. ปมขบวนการรับส่วย

กรุงเทพฯ 31 มี.ค. – “ทนายตั้ม” รุดให้ปากคำ พร้อมมอบหลักฐานสำคัญ 175 รายการ ให้ตำรวจ ปปป. ประเด็นขบวนการรับส่วย โยงบิ๊กตำรวจพัวพันบัญชีม้าตัวเป้ง หลัง “บิ๊กต่อ” สั่งทีมกฎหมายถอนฟ้องหมิ่นฯ แย้มวันจันทร์ (1 เม.ย.) ยังเดินหน้าเอาผิดฟอกเงิน “บิ๊กต่อ-ภรรยา-2 บัญชีม้า” ส่วนช่วงบ่ายเตรียมเข้าหารือ “ชัยธวัช” วิปฝ่ายค้าน มอบพยานหลักฐาน แจงไม่มองว่าเป็นการให้ข้อมูลฝ่ายค้านซักฟอกรัฐบาล ติงนายกฯ ควรจัดการปัญหา อย่านิ่งเฉย


จากกรณีนายอัจฉริยะ เรืองรัตนพงศ์ ประธานชมรมช่วยเหลือเหยื่ออาชญากรรม ในฐานะผู้ได้รับมอบอำนาจในการดำเนินคดีและแถลงข่าวชี้แจงของ พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล ผบ.ตร. ออกมาเปิดเผยว่า ผบ.ตร. ได้สั่งการให้ถอนฟ้องทนายตั้ม หรือนายษิทรา เบี้ยบังเกิด ในข้อหาหมิ่นประมาทด้วยการโฆษณา เพื่อเปิดทางให้ทนายตั้มได้ใช้สิทธิในกระบวนการยุติธรรมและเดินหน้าตรวจสอบเต็มที่

ต่อมาทนายตั้ม ระบุว่า ในสัปดาห์นี้เตรียมเข้าแจ้งความร้องทุกข์กับพนักงานสอบสวน สน.เตาปูน เพื่อดำเนินคดีกับ พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ ผบ.ตร. นางนิภาพรรณ หรือมาดามกุ๊กไก่ ภรรยา และบัญชีม้า 2 ราย คือ นายคชาชาญ และนายณัฐพงษ์ ในฐานความผิดร่วมกันฟอกเงิน เนื่องจากพบพยานหลักฐานว่าในช่วงปี 2566 มีเส้นทางการเงิน 2 รายการ จาก 2 บัญชีม้าดังกล่าว ทำธุรกรรมโอนเงินทำบุญกับวัดนครอินทร์ จ.นนทบุรี ได้แก่ ยอดเงิน 700,000 บาท และยอดเงิน 100,000 บาท ภายหลังพบว่าประธานหรือผู้อุปถัมภ์การเป็นเจ้าภาพคือ พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล ผบ.ตร. อีกทั้งในช่วงนั้นทางวัดยังได้โพสต์กล่าวขอบคุณ ผบ.ตร. ผ่านเพจเฟซบุ๊ก “วัดนครอินทร์ Wat nakhonin” ในการบริจาคทั้งสองยอด จึงเป็นเหตุให้ทนายตั้มตั้งข้อสังเกตว่าเป็นเส้นทางการเงินที่เชื่อมโยงด้วยกันตามที่มีการรายงานข่าวไปแล้วนั้น


เกี่ยวกับเรื่องนี้ เมื่อเวลา 13.00 น. วันนี้ (31 มี.ค.) ที่ชั้น 16 บก.ปปป. อาคารพิทักษ์สันติ กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (บข.ก.) ถ.พหลโยธิน (ข้างแดนเนรมิตรเก่า) “ทนายตั้ม” นายษิทรา เบี้ยบังเกิด เลขาธิการมูลนิธิทีมงานทนายประชาชนฯ เปิดเผยก่อนเข้าให้ปากคำในฐานะผู้ร้องทุกข์กล่าวโทษกับคณะพนักงานสอบสวน ว่า วันนี้ตนเข้าให้ปากคำเพิ่มเติมกับพนักงานสอบสวน โดยนัดหมายกับ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รอง ผบช.ก. ซึ่งประเด็นที่มีการให้ปากคำในวันนี้จะเกี่ยวกับหลักฐานที่เคยยื่นในวันนั้น แต่วันนี้ตนมาให้การเพิ่มเติม และให้ตรวจสอบเส้นทางการเงินที่ตนได้ระบุอย่างละเอียดในคำให้การ และให้ตรวจสอบหลักฐานการโอนเงินว่าเกี่ยวข้องกับเจ้าหน้าที่ตำรวจระดับไหนบ้าง ตั้งแต่ระดับชั้น พ.ต.อ. ชั้นประทวน ไปจนถึงระดับชั้น พล.ต.อ. นอกจากนี้ ในวันจันทร์นี้ (1 เม.ย.) ตนจะเดินทางไปแจ้งความดำเนินคดีกับ พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล ผบ.ตร. ภรรยา ของ ผบ.ตร. และบัญชีม้า 2 ราย ที่ สน.เตาปูน ในข้อหาร่วมกันฟอกเงิน ตามที่เคยนัดหมายไว้

ส่วนเรื่องคลิปวิดีโอเสียงสนทนาของเจ้าหน้าที่ตำรวจ 2 ราย ซึ่งตนได้โพสต์ลงเพจตัวเองนั้น ทนายตั้ม ระบุว่า เหตุเกิดขึ้นตั้งแต่เดือน ส.ค. 65 และเป็นการพูดคุยกันของชุดทีมแม่บ้านตำรวจคอมมานโด และตำรวจ ปคม. ในการเก็บส่วยคาราโอเกะย่านลาดพร้าว ซึ่งปกติทาง ปคม. เก็บอยู่แล้ว อัตราร้านละ 1,000 บาท 3 ร้านก็ 3,000 บาท แต่ภายหลังมีตั๋วคอมมานโดเพิ่มเข้ามา ขอให้เก็บอย่างน้อยร้านละ 500 บาท รวมเป็น 4,500 บาทต่อร้าน

สำหรับประเด็นที่จะเข้าให้การกับพนักงานสอบสวนนั้น ทนายตั้ม ระบุว่า เรื่องมันเกิดขึ้นมาจากบัญชีม้าของ น.ส.พิมพ์พิไล ที่ถูกจับกุมในคดีเว็บพนัน BNK Master และเว็บพนัน VENUS Master รวมถึงข้อมูลเกี่ยวกับดาบยาว หรือ ด.ต.อภิชาติ สังกัด กก.1 บก.สอท.2 และรองฟาง หรือ พ.ต.ท.สุรกุล รอง ผกก.วิเคราะห์ข่าว บก.สอท.2 สองตำรวจไซเบอร์ ลูกน้องคนสนิทของ ผบ.ตร. เรื่องการรับเงินจากเว็บพนัน และเรื่องเส้นทางการเงินตามที่ตนได้เคยเผยแพร่ไว้ วันนี้ตนมาให้การเพื่อไปสู่การตรวจสอบเรื่องเส้นทางการเงิน และเลขบัญชีธนาคารที่เกี่ยวข้อง เพื่อให้ปรากฏในรูปของสำนวนคดี


กรณีการที่ พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ ได้สั่งทีมกฎหมายถอนแจ้งความหมิ่นประมาทฯ มองอย่างไรนั้น ทนายตั้ม ระบุว่า วานนี้ (30 มี.ค.) ตนปากไวไปหน่อยที่พูด ณ วัดนครอินทร์ จ.นนทบุรี แล้วไปพูดว่าจะไปขอหมายศาลเรียกเอกสาร เช่น รายการเดินบัญชี (Statement) พวกเขาคงกังวลว่าตนจะไปเรียกเอกสารสำคัญอะไรมาเลยมีการไปถอนฟ้อง ทำให้ตนไม่สามารถเรียกเอกสารอะไรโดยใช้หมายศาลได้ แต่ไม่เป็นไร ตนได้ระบุกับตำรวจไปแล้วว่าจะมีการเรียกทุกอย่างที่ได้มีการขอไป

อย่างไรก็ตาม การไปถอนฟ้องของคู่กรณีที่เกิดขึ้น ตนไม่ได้ไปขอให้เขาถอนฟ้อง ไม่เกี่ยวกับการต่อรองอะไรกัน ดังนั้น การที่เขามาฟ้องเองแล้วถอนฟ้องเองก็เป็นสิทธิของเขา แต่เราจะดำเนินการต่อไปตามที่ได้นัดหมายไว้สองเรื่องคือ ดำเนินคดีกับตำรวจ และเรื่องส่วยที่มันสร้างความเดือดร้อนให้ประชาชนทุกหย่อมหญ้า ตนต้องเรียกร้องให้นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี จัดการ อย่านิ่งเฉย เพราะทุกคนรู้เรื่องกันหมด เพราะเป็นผู้นำรัฐบาลแต่ไม่คิดมาแก้ไขอะไรเลย ทั้งนี้ ตนยืนยันว่าไม่มีดีลลับ รับรองเลยว่าที่นัดหมายทุกคนไว้ว่าพรุ่งนี้จะแจ้งความก็จะไปแจ้งตามเดิม ถ้ามีดีลลับคงไม่ไปแจ้งความ

ทนายตั้ม กล่าวอีกว่า นายชัยธวัช ตุลาธน หัวหน้าพรรคก้าวไกล ในฐานะประธานวิปฝ่ายค้าน ได้ประสานมาขอหลักฐานเผื่อจะช่วยอะไรได้ ซึ่งตนเห็นถึงความตั้งใจของผู้นำฝ่ายค้าน วันจันทร์นี้ (1 เม.ย) ช่วงเวลา 14.00 น. ตนจะไปพบนายชัยธวัช ที่รัฐสภา เพื่อให้ท่านดูหลักฐานต่างๆ ส่วนมันจะไปเชื่อมโยงกับการอภิปรายแบบไม่ลงมติตามมาตรา 152 ในวันที่ 3-4 เม.ย.นี้หรือไม่นั้น ตนไม่ทราบว่าเขาจะอภิปรายเรื่องอะไรกันบ้าง แต่ถ้าข้อมูลของตนเป็นประโยชน์กับประเทศชาติ ตนก็พร้อมให้ความร่วมมือกับทุกฝ่าย ไม่ว่าฝ่ายของรัฐบางหรือฝ่ายค้าน แต่เพราะว่าทางหัวหน้ารัฐบาลเขาไม่ได้สนใจเรื่องส่วย ขณะที่ผู้นำฝ่ายค้านเขาสนใจ จึงประสานตนในเรื่องที่เคยแถลง

ทนายตั้ม กล่าวอีกว่า สำหรับในเรื่องของความปลอดภัยในวันนี้ยังไม่มีใครมาขับขี่ตามรถของตน แต่ตนก็ยังต้องระมัดระวัง ตนไปเล่นกับสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ซึ่งมีนายตำรวจมากกว่า 100,000 ราย

ทั้งนี้ เมื่อให้สัมภาษณ์เสร็จสิ้น ทนายตั้มได้เดินมายังบริเวณด้านหน้าศูนย์รับแจ้งความ กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง ก่อนเข้าให้ปากคำกับพนักงานสอบสวน โดยมี พ.ต.ท.พงศ์ปณต บัวแก้ว รอง ผกก.(สอบสวน) กก.4 บก.ปปป. ดำเนินการสอบปากคำ และทนายตั้มได้ยื่นเอกสารหลักฐานเรื่องส่วย รวมทั้งหมด 175 รายการ.-114-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

ค้น 17 จุดกรุงเทพฯ-ลพบุรี คุมตัว “หลวงพ่ออลงกต-หมอบี”

26 ส.ค.- ตำรวจสอบสวนกลาง ปิดล้อมตรวจค้น 17 จุด “กรุงเทพฯ-ลพบุรี” บุกรวบ “หลวงพ่ออลงกต” หลังพฤติกรรมชัดทุจริตยักยอกเงินบริจาค ขณะที่ “หมอบี” โดนด้วย หิ้วตัวเค้นสอบ เมื่อเวลา 01.00 น.วันที่ 26 ส.ค. มีรายงานว่าทางตำรวจสอบสวนกลาง (CIB) นำโดย พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผบช.ก. สั่งการให้ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว พล.ต.ต.สุวัฒน์ แสงนุ่ม รองผบช.ก. พล.ต.ต. วิทยา ศรีประเสิรฐภาพ ผบก.ป.พล.ต.ต.ประสงค์ เฉลิมพันธ์ ผบก.ปปปพ.ต.อ.มนูญ แก้วก่ำ ผกก.1 บก.ป ปิดล้อมตรวจค้น 17 จุด ในพื้นที่กรุงเทพฯ-ลพบุรี เพื่อควบคุม หลวงพ่ออลงกต อดีตเจ้าอาวาสวัดพระบาทน้ำพุ จ.ลพบุรี และนายเสกสันน์ หรือหมอบี และพวก ตามหมายจับ ความผิด ม.147, 157 […]

ศาล รธน. สั่งเอาผิดเผยแพร่คลิป “นั่งลงลูก”

ศาล รธน. 25 ส.ค.-ศาลรัฐธรรมนูญ สั่งเอาผิดเผยแพร่คลิป “นั่งลงลูก” ชี้บิดเบือน-ทำเสียหาย ศาลรัฐธรรมนูญได้ออกเอกสารข่าว ระบุว่า ตามที่ศาลรัฐธรรมนูญออกนั่งพิจารณาคดี เมื่อวันพฤหัสบดีที่ 21 สิงหาคม 2568 ไต่สวนพยานบุคคลที่ศาลรัฐธรรมนูญเรียกมาให้ถ้อยคำ จำนวน 2 ปาก ได้แก่ นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ผู้ถูกร้อง และนายฉัตรชัย บางขวด เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ เรื่อง ประธานวุฒิสภา ส่งคำร้องขอให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 170 วรรคสาม ประกอบมาตรา 82 ว่า ความเป็นรัฐมนตรีของนางสาวแพทองธาร นายกรัฐมนตรี สิ้นสุดลงเฉพาะตัวตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 170 วรรคหนึ่ง (4) ประกอบมาตรา 160 (4) และ (5) หรือไม่ เมื่อเสร็จสิ้นการไต่สวนแล้ว ศาลมีคำสั่งห้ามมิให้ผู้เข้าฟังการไต่สวนนำข้อมูลการไต่สวนไปเผยแพร่ และห้ามไม่ให้บิดเบือนข้อเท็จจริงหรือข้อกฎหมายในลักษณะที่สร้างความเข้าใจผิดต่อสาธารณชน อันเป็นคำสั่งศาลตาม พ.ร.ป.ว่าด้วยวิธีพิจารณาของศาลรัฐธรรมนูญ พ.ศ. 2561 […]

“แพทองธาร” รีโพสต์โต้คลิปบิดเบือน ยันศาลบอก “นั่งลงครับ”

กรุงเทพฯ 25 ส.ค.- “แพทองธาร” รีโพสต์สตอรี่ไอจี โต้ดรามาคลิปบิดเบือน ยันศาล รธน. บอก “นั่งลงครับ” นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม รีโพสต์สตอรี่ในอินสตราแกรมของสำนักข่าว VOICE TV ยืนยันไม่เป็นความจริง ต่อกระแสดรามาปล่อยคลิปเสียงตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ พูดว่า “นั่งลงลูก” ภายหลัง น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม กล่าวคําปฏิญาณ ในระหว่างที่ศาลรัฐธรรมนูญไต่สวนพยาน คดีคลิปสนทนากับ ฮุน เซน เมื่อวันที่ 21 สิงหาคมที่ผ่านมา ซึ่งในคลิปดังกล่าวมีข้อความระบุว่า ฟังชัดๆๆ ศาลบอกว่า “นั่งลงครับ” ไม่ใช่ “นั่งลงลูก” อย่างที่มีคนปั่น!! อย่ามั่ว อย่าบิดเบือนข่าว อย่างไรก็ตาม คาดว่าในช่วงเช้าวันนี้ (25 ส.ค.) นางสาวแพทองธาร จะดำเนินการเรื่องการส่งคำแถลงปิดคดีต่อศาลรัฐธรรมนูญ เนื่องจากศาลนัดยื่นคำแถลงปิดคดีภายในวันนี้ ก่อนจะนัดฟังคำวินิจฉัยในวันที่ 29 สิงหาคม เวลา 15.00 น.-316 -สำนักข่าวไทย

ปลัด มท. สั่งสอบด่วน ปมสแกนม่านตาแลกเหรียญ

ไอคอนสยาม 25 ส.ค.- ปลัด มท. เผยยังไม่ได้รับรายงานปมสแกนม่านตาแลกเหรียญ สั่งกรมการปกครองสอบด่วน นายอรรษิษฐ์ สัมพันธรัตน์ ปลัดกระทรวงมหาดไทย กล่าวถึงกรณีที่มีรายงานว่า มีกลุ่มบุคคลสแกนม่านตาประชาชนและชักชวนให้เข้าไปใช้แอปพลิเคชันเพื่อแลกกับเงินหรือเหรียญในระบบ ว่า ขณะนี้ยังไม่ได้รับรายงาน แต่หากเป็นการกระทำที่ไม่ถูกต้อง กระทรวงมหาดไทยจะสั่งการให้กรมการปกครองดำเนินการแก้ไขและจัดการอย่างถูกต้องทั่วประเทศอย่างไรก็ตาม หากประชาชนพบเห็นพฤติกรรมที่ไม่ถูกต้อง สามารถแจ้งเรื่องมายังกระทรวงมหาดไทย เพื่อให้ทุกจังหวัดดำเนินการตรวจสอบตามข้อเท็จจริง ส่วนกรณีที่มีรายงานว่ายังมีการดำเนินการในจังหวัดสุราษฎร์ธานี ปลัดกระทรวงมหาดไทยยืนยันว่าจะเร่งตรวจสอบทั้งที่สุราษฎร์ธานีและทุกจังหวัดที่ได้รับเรื่องร้องเรียน ทั้งนี้ การตรวจสอบจะพิจารณาว่าความผิดปกติเกิดจากเจ้าหน้าที่ของรัฐหรือบุคคลอื่น หากพบว่าเป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐ กระทรวงมหาดไทยจะดำเนินการตามระเบียบอย่างเคร่งครัด โดยย้ำให้ประชาชนมั่นใจว่า กระทรวงพร้อมตรวจสอบอย่างโปร่งใส.-319 -สำนักข่าวไทย

ข่าวแนะนำ

“มาริษ” เผยสวีเดนกังวลสถานการณ์ไทย-กัมพูชา ยกหารือเวที UN พรุ่งนี้

สวีเดน 26 ส.ค.-“มาริษ” เผยสวีเดนกังวลสถานการณ์ไทย-กัมพูชา หลังกัมพูชาใช้โล่มนุษย์ยั่วยุในพื้นที่ต่อเนื่อง เตรียมยกเรื่องนี้หารือเวที UN ที่เจนีวา พรุ่งนี้ ยันยังไม่ส่งทูตกลับ จนกว่าเขมรแสดงให้เห็นว่าจริงใจ นายมาริษ เสงี่ยมพงษ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ กล่าวภายหลังการหารือทวิภาคีกับนางมารีอา มัลเมอร์ สเตเนอร์การ์ด (Maria Malmer Stenergard) รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศสวีเดน ถึงสถานการณ์ในพื้นที่ชายแดนไทย – กัมพูชา บ้านหนองจาน จ.สระแก้ว ที่มีการยั่วยุโดยใช้พลเรือนเป็นเครื่องมืออย่างต่อเนื่อง ว่า เรื่องนี้เป็นประเด็นที่หน่วยงานในพื้นที่ต้องช่วยกันระมัดระวังไม่ให้เกิดการกระทบกระทั่งกัน เพราะเมื่อมีพลเรือนเข้ามาเกี่ยวข้อง ในการทำงานของทางทหารก็จะยากลำบาก อาจจะนำไปสู่การสร้างความตึงเครียดมากยิ่งขึ้น ดังนั้นหน่วยงานที่เป็นพลเรือนในพื้นที่ก็จำเป็นจะต้องเข้ามาดูแลและแก้ไขสถานการณ์ตรงนี้ นายมาริษ กล่าวว่า ในการพบหารือกับรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศของสวีเดน ตนได้อธิบายให้เข้าใจว่า เรื่องนี้เป็นสิ่งที่กัมพูชาพยายามใช้ ซึ่งขัดต่อความตกลงในกฎบัตรสหประชาชาติเป็นอย่างมาก เหมือนกับใช้ประชาชนและพลเรือนเป็นโล่มนุษย์ เพื่อที่จะทำให้สถานการณ์แย่ลงไปอีก ถือเป็นสิ่งที่ไม่ควรทำอย่างยิ่ง ซึ่งประเทศสวีเดนก็เข้าใจ และพรุ่งนี้ (27 ส.ค.) ตนจะมีโอกาสได้ชี้แจงกับที่ประชุม UN ที่นครเจนีวา สวิตเซอร์แลนด์ ตนจะยกประเด็นนี้ขึ้นแสดงความห่วงกังวลว่า การใช้วิธีเอาพลเรือนมาเป็นตัวกดดัน หรือมาสร้างความตึงเครียด หรือขยายความตึงเครียดบริเวณชายแดนมากยิ่งขึ้น เป็นสิ่งที่ไม่ควรกระทำ […]

พายุคาจิกิเริ่มแผลงฤทธิ์ถล่มหลายจังหวัดภาคเหนือ น่านยกระดับรับมือ

26 ส.ค. – พายุคาจิกิเริ่มแผลงฤทธิ์แล้ว หลายจังหวัดทางภาคเหนือมีฝนตกกระหน่ำลงมาอย่างหนัก จนมีน้ำท่วมหลายพื้นที่ และต้องจับตาไปที่จังหวัดน่าน ซึ่งพายุคาจิกิเคลื่อนตัวเข้าสู่พื้นที่และเริ่มส่งผลกระทบตั้งแต่ช่วงค่ำวันนี้ ทำให้จังหวัดน่านยกรระดับมาตรการป้องกันและเตรียมรับมือกับน้ำท่วมฉับพลันและดินถล่ม.-สำนักข่าวไทย

Gripen ที่จัดซื้อใหม่ประสิทธิภาพดีกว่าลำเดิมที่มีอยู่

สวีเดน 26 ส.ค. – แม้รัฐบาลไทยและสวีเดนได้ลงนามความร่วมมือซื้อเครื่องบินขับไล่โจมตีกริพเพน E และ F ไปแล้ว แต่กว่าจะได้รับเครื่อง จะต้องใช้เวลาอีกอย่างน้อย 4 ปี ระหว่างนี้จะมีการวางกรอบพัฒนาร่วมกัน แน่นอนว่ารุ่นใหม่สเปกใหม่ดีกว่ารุ่นเก่าที่เรามี แตกต่างอย่างไร ติดตามจากรายงาน.-สำนักข่าวไทย

คนไทยรวมพลังร้องเพลงชาติกึกก้องบ้านหนองจาน

26 ส.ค. – ชาวไทยกว่า 500 คน รวมตัวร้องเพลงชาติ ชูธงไตรรงค์เหนือศีรษะ บริเวณชายแดนบ้านหนองจาน อ.โคกสูง จ.สระแก้ว แสดงพลังเชิงสัญลักษณ์ว่าแผ่นดินนี้คือแผ่นดินไทย เมื่อเวลา 12.30 น. วันนี้ (26 ส.ค.68) ประชาชนไทยกว่า 500 คน มารวมตัวกันบริเวณชายแดนบ้านหนองจาน อำเภอโคกสูง จังหวัดสระแก้ว ชูธงไตรรงค์เหนือศีรษะ และร่วมกันร้องเพลงชาติไทย จนเสียงดังกึกก้องไปทั่วบริเวณ เพื่อแสดงพลังเชิงสัญลักษณ์ว่าแผ่นดินนี้คือแผ่นดินไทย และพร้อมยืนหยัดเคียงข้างกองทัพในการปกป้องอธิปไตย ชาวบ้านยังจัดเตรียมอาหาร น้ำดื่ม และสิ่งของจำเป็น ไปมอบให้ทหาร เพื่อเป็นขวัญกำลังใจในการปฏิบัติหน้าที่ ด้านเจ้าหน้าที่ฝ่ายความมั่นคง เข้าควบคุมสถานการณ์อย่างใกล้ชิด และขอความร่วมมือประชาชนที่มาร่วมชุมนุมให้อยู่ในแนวพื้นที่ที่กำหนดไว้เพื่อป้องกันการเผชิญหน้า “เจ๊เอ๋” ณัฐฐารินทร์ เกษมสารพิพัฒน์ เจ้าหนี้คนดัง บอกว่า วันนี้ประชาชนคนไทยต้องมาเผชิญหน้ากับชาวกัมพูชาด้วยตัวเอง เพราะผู้มีหน้าที่โดยตรงนิ่งเฉย ส่วนที่บริเวณบ้านหนองหญ้าแก้ว พลเอกมนัส จันดี เสนาธิการทหาร กองบัญชาการกองทัพไทย และพลโทวันชนะ สวัสดี นำคณะลงพื้นที่ พบมีชาวกัมพูชาสร้างบ้านเรือนรุกล้ำเขตไทย 18 หลัง […]