กองปราบฯ 1 พ.ย. – ผู้เสียหายร้องกองปราบปราม ช่วยจับกุมเน็ตไอดอลชื่อดัง หลังหลอกลงทุนออมเงิน-ธุรกิจร้านทำเล็บในพื้นที่ภาคเหนือ คาดมีผู้เสียหายตั้งแต่ปี 64 ไม่ต่ำกว่า 40 คน ยอดความเสียหายเบื้องต้นไม่ต่ำกว่า 10 ล้านบาท
ทนายรณณรงค์ แก้วเพ็ชร์ ประธานเครือข่ายรณรงค์ทวงคืนความยุติธรรมในสังคม นำผู้เสียหาย 4-5 คน เข้ายื่นหนังสือร้องขอความช่วยเหลือต่อ พล.ต.ต.มนตรี เทศขัน ผู้บังคับการปราบปราม เพื่อให้ติดตามตัว นางสาวมณฑิรา หรือ ใบเฟิร์น เน็ตไอดอลสาวชื่อดัง ผู้ต้องหาตามหมายจับในข้อหา ฉ้อโกงประชาชนและข้อหาความผิดตาม พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ มาดำเนินคดี หลังมีพฤติกรรมหลอกให้ร่วมลงทุนทำธุรกิจเปิดร้านทำเล็บ ทำผม และลงทุนออมเงินในจังหวัดเชียงใหม่ และใกล้เคียง แต่ไม่ได้ผลตอบแทนตามที่ตกลงกัน
นางสาวเอ (นามสมมุติ) 1 ในผู้เสียหาย เปิดเผยว่า รู้จักใบเฟิร์น เน็ตไอดอลทางโซเชียล โดยมีผู้ติดตามเป็นจำนวนมาก และมีการชักชวนให้ร่วมลงทุนมีผลตอบแทนดี 4% ต่อเดือน จึงร่วมลงทุน ทั้งเปิดร้านทำเล็บ เป็นเงิน 2 แสนบาท สุดท้ายถูกเบี้ยวเงิน ไม่มีร้านทำเล็บ จึงเข้าแจ้งความกับ ตำรวจ สภ.สันกำแพง จ.เชียงใหม่ ในวันที่ 4 สิงหาคม 66 ในข้อหาฉ้อโกงประชาชน และ ผิด พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ ตำรวจออกหมายจับ เมื่อวันที่ 5 ตุลาคม 66 แต่ทางใบเฟิร์นก็หลบหนี ไม่มีการจับกุม หรือมามอบตัว กระทั่งทราบว่านางสาวใบเฟิร์น มาอยู่ที่กรุงเทพ จึงเข้ามาร้องขอให้กองปราบฯ ช่วยติดตามจับกุม เพราะหลอกเงินผู้เสียหายมากกว่า 30 ราย มูลค่าความเสียหายหลายสิบล้าน แต่กลับใช้ชีวิตกินหรู อยู่สบาย ในขณะที่ผู้ลงทุน ต้องเดือดร้อน ซึ่งที่ผ่านมาเน็ตไอดอลคนนี้พยายามสร้างโปรไฟล์เป็นเจ้าของธุรกิจร้าน ทั้งร้านทำผมและร้านทำเล็บในพื้นที่จังหวัดเชียงใหม่และลำพูน รวมถึงมีการลงรูปถ่ายคู่กับรถหรูและคนมีชื่อเสียงเพื่อสร้างความน่าเชื่อถือ ให้คนหลงเชื่อ แต่เมื่อร่วมลงทุนไปแล้วกลับเชิดเงินหนี
ขณะที่นางสาว บี (นามสมมติ) เล่าว่ามีเพื่อนแนะนำให้รู้จักกับนางสาวใบเฟิร์น ในการลงทุนออมเงินระยะสั้น 20 วัน ได้ 8% ซึ่งเพื่อนลงทุนไปแล้วได้ผลตอบแทนดี จึงหลงเชื่อร่วมลงทุนไปเป็นเงินจำนวน 80,000 บาท แต่เมื่อถึงกำหนดกลับไม่ได้เงินตามที่มีการตกลงสัญญากันไว้ หลังนางสาวใบเฟิร์นอ้างว่ายังไม่สามารถถอนเงินออกมาให้ได้เพราะเงินที่ร่วมลงทุนได้นำไปต่อยอดลงทุนทำธุรกิจอื่นต่อ
ด้านทนายรณณงค์ กล่าวว่า จากข้อมูลเน็ตไอดอลคนนี้ใช้โปรไฟล์ที่ตัวเองเคยออกรายการโทรทัศน์กับนักร้องแรพเปอร์ชื่อดังไปใช้ชักชวนเหยื่อในโซเชียล มีผู้เสียหายตั้งแต่ปี 64 มาจนถึงปัจจุบันไม่ต่ำกว่า 40 คน ยอดความเสียหายเบื้องต้น ไม่ต่ำกว่า 10 ล้านบาท ซึ่งตอนนี้ตำรวจยังไม่สามารถจับตัวได้จึงมองว่าเป็นภัยสังคม เพราะอาจมีเหยื่อรายอื่นๆ ถูกหลอกเพิ่มขึ้น สุดท้ายฝากเตือนประชาชนว่าหากมีการเชิญชวนให้ลงทุนไม่ว่าจะเป็นอะไรก็ตามที่มีกำไรมากกว่าอัตราดอกเบี้ยที่กฎหมายกำหนด ให้ระวังการถูกโกงให้ดี ๆ ควรมีสติ ศึกษาให้ดีๆ ก่อน อย่าหลงเชื่อเพียงแค่มีโปรไฟล์ดีมียอดติดตามเยอะ. -สำนักข่าวไทย