กองบังคับการปราบปราม 25 ส.ค. – ผู้เสียหายนำหลักฐาน บริจาคเงินสดและสิ่งของให้หลวงพ่ออลงกต เข้าแจ้งความเอาผิดหลังพบข้อพิรุธ
นางสาววรัชญากรณ์ ผู้เสียหาย พร้อมด้วย นายรณณรงค์ แก้วเพ็ชร์ ทนายความ นำหลักฐาน ซึ่งเป็นภาพการบริจาคเงินสด และสิ่งของ ให้กับพระราชวิสุทธิประชานาถ หรือ หลวงพ่ออลงกต อดีตเจ้าอาวาสวัดพระบาทน้ำพุ เข้าแจ้งความกับตำรวจกองบังคับการปราบปราม
นางสาววรัชญากรณ์ บอกว่า ตัวเองเป็นคนลพบุรี รู้จักวัดพระบาทน้ำพุจากภาพที่ปรากฏในสื่อมวลชนเมื่อ 10 ปีที่แล้ว โดยเห็นว่าหลวงพ่ออลงกต มีความตั้งใจที่จะช่วยผู้ป่วยโรคเอดส์จึงทำให้เกิดความศรัทธา จากนั้นถ้าหลวงพ่อไปรับบริจาคที่ไหนหากอยู่ใกล้ก็จะไปช่วยประชาสัมพันธ์หาเงินเข้าวัด โดยอยู่มาพร้อมๆ กับหมอบี โดยช่วยวัดในหลายรูปแบบ ทั้งไปร้องเพลง หรือประชาสัมพันธ์ผ่านทางช่องทางส่วนตัวเพื่อให้แฟนคลับของเธอมาร่วมทำบุญ ซึ่งก็มีแฟนคลับมาร่วมทำบุญจำนวนมาก ส่วนกับ “หมอบี” มีครั้งหนึ่งหลวงพ่อพยายามที่จะให้ไปรู้จักกับหมอบี ส่วนตัวรู้สึกไม่ถูกชะตาจึงขอไม่ร่วมงานด้วย และทางหลวงพ่อได้แต่งตั้งให้เป็นแบรนด์แอมบาสเดอร์ หรือเป็นบุคคลรุ่นใหม่ที่ช่วยเหลืองานวัดเป็นอย่างดี

นางสาววรัชญากรณ์ บอกว่า ที่ผ่านมาได้มีการบริจาคเงินสดหลายครั้ง รวมประมาณ 5 ล้านบาท และยังมีสิ่งของอุปโภคบริโภคอีกจำนวนมาก ซึ่งทุกครั้งตัวเองไม่เคยขอใบอนุโมทนาบัตร เพราะเลื่อมใสศรัทธาและเชื่อถือหลวงพ่ออลงกต แต่เมื่อได้มาเห็นข่าวว่าอดีตหลวงพ่อวัดพระบาทน้ำพุมีพฤติการณ์ที่น่าสงสัยหลายอย่างจึงได้รวบรวมพยานหลักฐานเข้าแจ้งความเพราะรู้สึกเสียใจ และต้องการให้มีการตรวจสอบข้อเท็จจริง
ขณะเดียวกันนางสาววรัชญากรณ์ ยังตั้งข้อสังเกตการรับบริจาคของวัด ว่า ที่ผ่านมา รูปแบบคือจะมีการโอนเงินผ่านเข้ามูลนิธิใจฟ้าประชานาถก่อนที่จะถูกโอนต่อไปไปยังบุคคลอื่น นอกจากนี้ยังพบว่าหลวงพ่อได้ทำแอปพลิเคชันมูลค่าหลายล้านบาท โดยประสานตัวเองช่วยทำการตลาด ขายสินค้า เครื่องสำอางค์ ยาสีฟัน ของอุปโภคบริโภค อ้างว่าเป็นการช่วยกลุ่มรัฐวิสาหกิจที่จังหวัดนครราชสีมา และนำเงินไปช่วยเหลือผู้ป่วยในวัด รูปแบบคือมีตัวแทนจำหน่ายที่มารับสินค้าไปขายโดยจะได้ค่าตอบแทนเป็นเปอร์เซ็นต์ ซึ่งบริษัทดังกล่าวใช้ชื่อผู้อื่นเป็นเจ้าของเป็นลูกศิษย์คนหนึ่ง เบื้องต้นมองว่าการกระทำดังกล่าว อาจไม่ได้เป็นการช่วยเหลือผู้ป่วย รวมถึงกลุ่มวิสาหกิจชุมชนอย่างที่กล่าวอ้าง เช่นเดียวกับโครงการ แชร์ 9 บาท จึงต้องการให้ตำรวจตรวจสอบโครงการทั้งหมด
นางสาววรัชญากรณ์ บอกว่า ที่ผ่านมาหลวงพ่อให้เธอช่วยทำอะไรจะทำทุกอย่าง เพราะศรัทธาและตอนนั้นเข้าใจว่าทำบุญกับวัด แต่ตอนนี้รู้สึกว่าเหมือนตัวเองทำบาป พร้อมยืนยันว่าไม่ได้รับประโยชน์จากวัด พร้อมยกมือไหว้สาบาน
ด้านนายรณณรงค์ เปิดเผยว่า ขณะนี้พบข้อหาที่เข้าข่ายเป็นความผิดเบื้องต้น คือความผิด เกี่ยวกับมาตรา 157 หลังพบพฤติการณ์โอนเงินที่ผิดปกติ ความผิดเกี่ยวกับการให้ข้อมูลเท็จกับเจ้าหน้าที่รัฐ กรณีนำข้อมูลที่ไม่ตรงกับบัตรประชาชนไปแจ้งในใบสุทธิขณะอุปสมบท และการนำข้อมูลอันเป็นเท็จเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ กรณีนำใบสุทธิที่อาจไม่ใช่ของจริงไปเปิดบัญชีเพื่อรับบริจาคเงินผ่านรูปแบบออนไลน์ ซึ่งกรณีนี้หากมีการใช้ใบสุทธิปลอมจริงก็จะเข้าข่ายฉ้อโกงประชาชนด้วย
จากการแถลงการณ์ของวัดพระบาทน้ำพุเมื่อวานนี้ที่กรรมการวัดบอกว่า ไวยาวัจกรวัดคนเก่าเป็นคนทำประวัติหลวงพ่อขึ้นมา หลวงพ่อไม่รู้เรื่องนี้ เรื่องนี้ทนายรณรงค์ บอกว่า อย่าโยนความผิดให้คนตาย ส่วนกรณีเลข 13 หลักประชาชน เรื่องนี้ให้ไปถามหลวงพ่อโดยตรง เพราะเจ้าตัวจะเป็นคนรู้ดีที่สุดว่าเอาเลขบัตรประชาชน 13 หลักของคนตายไปทำอะไรเอาไว้บ้าง
เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่าจะต้องให้หลวงพ่อออกมาชี้แจงเองหรือไม่ ทนายรณรงค์ บอกว่า ตอนนี้หลวงพ่อไม่ต้องออกมาแล้ว เพราะเดี๋ยวเขาก็เชิญตัวหลวงพ่อมา.-419- สำนักข่าวไทย