จับแก๊งค้ายาเสพติดยิงสกัดรถตำรวจทางหลวง

กรุงเทพฯ 13 ส.ค. – ตำรวจสอบสวนกลาง รวบยกแก๊งยานรก ก่อเหตุยิงถล่มรถตำรวจทางหลวง ขณะไล่ล่ารถต้องสงสัย ในพื้นที่ อ.น้ำพอง จ.ขอนแก่น พบเป็นเครือข่าย “เปา กระนวน”


วันนี้ (13 ส.ค.66) ที่กองบังคับการปราบปราม พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผบช.ก. แถลงผลการจับกุมผู้ต้องหา 4 ราย คือ นายอธิชา หรือ ตั๊น อายุ 27 ปี นายอนันต์ หรือ แอ๊ด อายุ 29 ปี นายศักดิ์ดา หรือ โอม อายุ 27 ปี และนายณรงศักดิ์ อายุ 27 ปี หลังกลุ่มผู้ต้องหาก่อเหตุยิงรถตำรวจทางหลวง ขณะขับไล่ล่ารถต้องสงสัย ในพื้นที่ อ.น้ำพอง จ.ขอนแก่น เมื่อคืนวันที่ 4 ส.ค.66 ที่ผ่านมา

โดย พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผบช.ก เปิดเผยว่า สืบเนื่องจากคืนวันที่ 4 ส.ค.66 ขณะที่เจ้าหน้าที่ตำรวจทางหลวง  กองบังคับการตำรวจทางหลวง ออกปฏิบัติหน้าที่ตามเส้นทางถนนมิตรภาพ เมื่อมาถึงบริเวณแยกทางเข้าเขื่อนอุบลรัตน์ พบรถยนต์กระบะ ยี่ห้อ ISUZU สีขาว หมายเลขทะเบียนขอนแก่น จอดอยู่ในลักษณะมีพิรุธต้องสงสัย จึงได้ทำการตรวจสอบ เมื่อเจ้าหน้าที่ตำรวจเข้าไปใกล้รถยนต์คันดังกล่าว ปรากฏว่า รถยนต์คันดังกล่าวกลับขับหลบหนีเข้าไปในเขตหมู่บ้านและป่ารก เจ้าหน้าที่ตำรวจได้ขับขี่ติดตามเป็นเวลากว่า 20 นาที ก่อนจะมีคนร้ายขับขี่รถจักรยานยนต์มาดักรอ และใช้อาวุธปืนยิงสกัดไม่ให้รถเจ้าหน้าที่ตำรวจทางหลวงติดตามรถกระบะ แต่เจ้าหน้าที่ตำรวจยังติดตามรถกระบะต่อไป แม้ว่าจะมีคนร้ายขับขี่รถจักรยานยนต์มาดักใช้อาวุธปืนยิงเข้ามาที่รถยนต์ของเจ้าหน้าที่ตำรวจทางหลวงอีก 2 จุด จนกระทั่งเจ้าหน้าที่ตำรวจทางหลวงได้เปลี่ยนยุทธวิธีมาติดตามรถจักรยานยนต์คันที่ใช้อาวุธปืนยิงใส่เจ้าหน้าที่ จนรถจักรยานยนต์คันดังกล่าวเสียหลักล้มลง ก่อนที่ผู้ขับขี่รถจักรยานยนต์คันดังกล่าวจะหลบหนีไป


ภายหลังเกิดเหตุ ตนได้สั่งการให้กองบังคับการปราบปราม (บก.ป.) และกองบังคับการตำรวจทางหลวง (บก.ทล.) ทำการสืบสวนร่วมกับตำรวจภูธรจังหวัดขอนแก่น และ สภ.น้ำพอง จนกระทั่งทราบว่า ภายในรถกระบะคันที่พยายามหลบหนีดังกล่าว มีนายอนันต์ หรือ แอ๊ด (หัวหน้ากลุ่ม) และนายศักดิ์ดา หรือ โอม อยู่ภายใน และผู้ที่ขับขี่รถจักรยานยนต์ พร้อมกับยิงสกัดเจ้าหน้าที่ คือ นายอธิชา หรือ ตั๊น และภายหลังจากที่นายศักดิ์ดาหลบหนีไปได้ ได้โทรศัพท์ให้นายณรงศักดิ์ มารับตนเองเพื่อหลบหนี โดยทั้งหมดเป็นกลุ่มวัยรุ่นที่มีพฤติการณ์เกี่ยวข้องกับยาเสพติดในพื้นที่ โดยเฉพาะนายศักดิ์ดา หรือ โอม ซึ่งเคยเป็นสมุนในเครือข่ายของ “เปา กระนวน” ผู้ต้องหาค้ายาเสพติดในภาคอีสานที่ถูกตำรวจกองปราบปรามวิสามัญฯ ไปก่อนหน้านี้ ภายหลังจากทราบตัวผู้ก่อเหตุ ได้มีการออกหมายตรวจค้นในพื้นที่ จำนวน 10 จุด จนสามารถจับกุมผู้ต้องหาทั้งหมดได้ พร้อมของกลางรถยนต์ รถจักรยานยนต์ เสื้อผ้าที่ใช้ในวันเกิดเหตุ และยาเสพติด จำนวน 62 เม็ด

พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผบช.ก. กล่าวต่อว่า ก่อนหน้าการเสียชีวิตของ “เปา กระนวน” ซึ่งเป็นเครือข่ายนักค้ายารายใหญ่ทางภาคอีสาน เจ้าหน้าที่ได้ทำการไล่ล่าเพื่อจับกุมตัวหลายครั้ง ซึ่งในแต่ละครั้ง พฤติการณ์ของคนร้ายกลุ่มนี้จะมีการต่อสู้และยิงสวนเจ้าหน้าที่ตำรวจทุกครั้ง ในครั้งแรกที่มีการไล่ล่า คนร้ายยิงสวนมาถูกขาของเจ้าหน้าที่ตำรวจ ปคม. ส่วนครั้งที่ 2 ที่มีการไล่ล่า คนร้ายก็ยิงต่อสู้เจ้าหน้าที่ จนกระสุนเฉียดเข้าที่บริเวณศีรษะของเจ้าหน้าที่ แต่ในตอนนั้นตำรวจใส่หมวกกันกระสุน เลยไม่ได้รับบาดเจ็บมากนัก จนกระทั่งตำรวจสามารถวิสามัญฯ “เปา กระนวน” ได้ ภายหลังการเสียชีวิตของ “เปา กระนวน” นายศักดิ์ดา ก็ได้ตั้งตัวเป็นเอเย่นต์ยาเสพติดรายใหญ่ ในพื้นที่ อ.น้ำพอง จ.ขอนแก่น

สำหรับพฤติการณ์ที่เกิดขึ้นนั้น ทำให้เห็นได้ชัดว่า ขบวนการค้ายาเสพติดกลุ่มนี้ เหิมเกริม ไม่เกรงกลัวต่อกฎหมาย เนื่องจากเมื่อเจ้าหน้าที่ตำรวจพยายามจะตรวจสอบ กลับมีพฤติกรรมเรียกพรรคพวกมายิงสกัดการทำงานของเจ้าหน้าที่ตำรวจ เพื่อให้พรรคพวกของตัวเองรอดพ้นจากการจับกุม


ด้าน พ.ต.ท.สุริยศักดิ์ จิราวัสน์ รอง ผกก.3 บก.ป. กล่าวว่า ภายหลังเกิดเหตุต้องถือว่าตำรวจทางหลวงทำงานได้ดีและมีประสิทธิภาพมาก มีการถ่ายภาพคลิปที่บ่งบอกถึงรูปพรรณสัณฐานของรถยนต์และรถจักรยานยนต์ รวมถึงคนร้ายที่ยิง และพฤติการณ์การก่อเหตุ ทำให้เจ้าหน้าที่กองปราบฯ ซึ่งต้องไปสืบสวนขยายผลต่อ ทำงานได้ง่ายขึ้นมาก หลังลงพื้นที่ได้รวบรวมพยานหลักฐาน ทั้งกล้องวงจรปิด พยานบุคคล และพยานวัตถุ จนสามารถออกหมายจับและหมายค้น จำนวน 10 จุด ซึ่งระหว่างที่เจ้าหน้าที่ตำรวจทำการสืบสวน คนร้ายก็เริ่มรู้ตัว จึงได้แยกย้ายกันหลบหนี แต่ก็ไม่พ้นสายตาของเจ้าหน้าที่ตำรวจ และถูกจับกุมได้ในที่สุด

ขณะที่ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รรท.ผบก.ทล เปิดเผยว่า สำหรับแก๊งของ “เปา กระนวน” เป็นเครือข่ายค้ายาเสพติดรายใหญ่ทางภาคอีสาน และมักจะวนเวียนอยู่ในพื้นที่ 4 อำเภอ จ.ขอนแก่น และพื้นที่ อ.น้ำพอง ก็เป็นพื้นที่ที่เจ้าหน้าที่ตำรวจทางหลวงสามารถจับกุมเครือข่ายค้ายาเสพติด และตรวจยึดยาเสพติดได้จำนวนมาก เนื่องจากเป็นพื้นที่ทางผ่านอยู่แล้ว ทั้งนี้ ต้องขอบคุณตำรวจกองปราบฯ และ สภ.น้ำพอง ที่ช่วยในการสืบสวนสอบสวน จนสามารถจับกุมตัวได้ในที่สุด และชื่นชมตำรวจทางหลวง ที่ปฏิบัติหน้าที่ในคืนเกิดเหตุอย่างเต็มที่ หลังจากนี้ก็ต้องมีการกำชับและปฏิบัติการตามมาตรการป้องกันและปราบปรามยาเสพติดอย่างเต็มที่และจริงจังต่อไป

สำหรับผู้ต้องหาทั้ง 4 ราย ถูกดำเนินคดีในหลายข้อหา

  1. นายอธิชา หรือ ตั๊น (ขอสงวนนามสกุล) อายุ 27 ปี ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลจังหวัดขอนแก่น ที่ 474/2566 ลงวันที่ 7 สิงหาคม 2566 ข้อหา “ร่วมกันพยายามฆ่าเจ้าพนักงานซึ่งกระทำการตามหน้าที่ หรือเพราะเหตุที่จะกระทำหรือได้กระทำการตามหน้าที่, ร่วมกันต่อสู้หรือขัดขวางเจ้าพนักงานในการปฏิบัติการตามหน้าที่, ร่วมกันทำให้เสียทรัพย์, ร่วมกันมีอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนไว้ในความครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต, ร่วมกันพาอาวุธปืนไปในเมือง หมู่บ้าน หรือทางสาธารณะ โดยไม่มีเหตุอันสมควร, ร่วมกันมียาเสพติดให้โทษประเภท 1 (เมทแอมเฟตามีน) ไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต” ตามหมายจับศาลจังหวัดขอนแก่น ที่ 474/2566 ลงวันที่ 7 สิงหาคม 2566
  2. นายอนันต์ หรือ แอ๊ด (ขอสงวนนามสกุล) อายุ 29 ปี ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลจังหวัดขอนแก่น ที่ 479/2566 ลงวันที่ 12 สิงหาคม 2566 ข้อหา “ร่วมกันใช้ผู้อื่นพยายามฆ่าเจ้าพนักงานซึ่งกระทำการตามหน้าที่ หรือเพราะเหตุที่จะกระทำหรือได้กระทำการตามหน้าที่, ร่วมกันใช้ผู้อื่นให้ต่อสู้หรือขัดขวางเจ้าพนักงานในการปฏิบัติหน้าที่”
  3. นายศักดิ์ดา หรือ โอม (ขอสงวนนามสกุล) อายุ 27 ปี ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญา ที่ 479/2566 ลงวันที่ 12 สิงหาคม 2566 ข้อหา “ร่วมกันใช้ผู้อื่นพยายามฆ่าเจ้าพนักงานซึ่งกระทำการตามหน้าที่ หรือเพราะเหตุที่จะกระทำหรือได้กระทำการตามหน้าที่, ร่วมกันใช้ผู้อื่นให้ต่อสู้หรือขัดขวางเจ้าพนักงานในการปฏิบัติหน้าที่”
  4. นายณรงศักดิ์ (ขอสงวนนามสกุล) อายุ 27 ปี ข้อหา “มียาเสพติดให้โทษประเภท 1 (เมทแอมเฟตามีน) ไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่าย อันเป็นการกระทำเพื่อการค้า ก่อให้เกิดการแพร่กระจายในกลุ่มประชาชน และเสพยาเสพติดให้โทษประเภท 1 (เมทแอมเฟตามีน) โดยฝ่าฝืนต่อกฎหมาย” – สำนักข่าวไทย
ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

ประหารชีวิตแอมไซยาไนด์

ศาลอาญาพิพากษาประหารชีวิต “แอม ไซยาไนด์”

ศาลอาญาพิพากษาประหารชีวิต “แอม ไซยาไนด์” ส่วนอดีตสามี คุก 1 ปี 4 เดือน “ทนายพัช” คุก 2 ปี ไม่รอลงอาญา ชดใช้ ให้ผู้เสียหายกว่า 2 ล้านบาท

นายกฯ ถกตั้งนายพลตำรวจ 41 ตำแหน่ง ยันไม่มีการเมืองแทรก

นายกฯ ถกแต่งตั้งนายพลตำรวจ 41 ตำแหน่ง ยันไม่มีการเมืองแทรก ยึดตาม พ.ร.บ.ตำรวจ ฉบับใหม่ พลิกโผ ‘สยาม บุญสม’ ผงาดคุมนครบาล ‘สันติ ชัยนิรามัย’ นั่ง ผบช.ปส. ‘ไตรรงค์ ผิวพรรณ’ โยกคุมไซเบอร์ ‘ภาณุมาศ บุญญลักษม์’ ขึ้นเป็น ผบช.สตม.

ดีเอสไอพบเส้นเงินโอนจากแม่ถึงนักการเมือง ส. เกือบ 100 ล้าน

ดีเอสไอพบเส้นเงินโอนจากแม่ถึงนักการเมือง ส. เกือบ 100 ล้านบาท จำนวนนี้พบโอนจาก “บอสพอล-บอสปีเตอร์” ด้วย เร่งขยายผลมีบอสรายอื่นโอนเข้าบัญชีดังกล่าวอีกหรือไม่

ข่าวแนะนำ

“เอวา” เสือโคร่งสายแบ๊ว ดาวรุ่งดวงใหม่

หน้าตาที่น่ารักบ้องแบ๊วเหมือนแมวตัวโต ตกหัวใจคนรักสัตว์กันไปเต็มๆ สำหรับน้องเอวา เสือโคร่งสายแบ๊วของเชียงใหม่ไนท์ซาฟารี นอกจากหน้าตาน่ารักแล้วยังมีความสามารถหลายอย่าง จนกลายเป็นดาวรุ่งดวงใหม่ ที่ผู้คนแห่ไปชมความน่ารักกันอย่างคึกคัก คาดจะช่วยดึงนักท่องเที่ยวไปที่เชียงใหม่ไนท์ซาฟารีเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ

ต้อนรับอบอุ่น “โอปอล” รองอันดับ 3 มิสยูนิเวิร์ส 2024 ถึงไทย

กลับถึงไทยแล้ว “โอปอล สุชาตา” รองอันดับ 3 มิสยูนิเวิร์ส 2024 ปรากฏตัวในชุดไทย สวยสง่า แฟนนางงามต้อนรับอย่างอบอุ่น

“สนธิ” ยื่นถอด “ตั้ม-เดชา” ออกจากทนาย

“สนธิ ลิ้มทองกุล” หอบหลักฐานบุกสภาทนายความ ถอดทนายตั้ม-ทนายเดชา ออกจากทนาย ระบุ ได้รับมอบอำนาจจาก “มาดามอ้อย” แล้ว เดินหน้าเอาผิด ทนายตั้มแบบสุดซอย ไม่ให้มีคนตกเป็นเหยื่อผู้รู้กฎหมายอีก

นายกฯ โชว์วิสัยทัศน์บนเวที Forbes ดันเศรษฐกิจไทย ส่งเสริมซอฟต์พาวเวอร์

“นายกฯ แพทองธาร” โชว์วิสัยทัศน์บนเวที Forbes Global CEO Conference ครั้งที่ 22 ดันเศรษฐกิจไทย ส่งเสริมซอฟต์พาวเวอร์ รับมือความท้าทาย ชูจุดเด่นไทยอยู่ตรงกลางของเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ มีภาคการเกษตรที่เข้มแข็งดึงดูดนักลงทุน บอกกระตุ​้นเศรษฐกิจ​แจกเงินหมื่นเฟส​ 2 พุ่งเป้าเงินสะพัด ลั่น​จุดยืนไทยวางตัวเป็นทูตสันติภาพ พร้อมปรับตัวตามนโยบาย “ทรัมป์”