20 ก.ค. – สืบนครบาลรวบนายสมชาย บ้านออมเงินซุปตาร์เฮเคียว หลอกลงทุน “แลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศ” มีผู้เสียหายจำนวนมาก มูลค่ากว่า 20 ล้านบาท
ตามนโยบายของ พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผบ.ตร. และ พล.ต.ท.รอย อิงคไพโรจน์ รอง ผบ.ตร./ผอ.ศปอส.ตร. (PCT) ให้ปราบปรามกลุ่มเครือข่ายองค์กรอาชญากรรมที่กระทำความผิดทุกรูปแบบซึ่งสร้างความเดือดร้อนให้กับประชาชนผู้สุจริตจำนวนมาก โดยชุดลาดตระเวนออนไลน์ บก.สส.บช.น. ได้รับแจ้งเบาะแสคนร้ายใช้บ้านออมเงินซุปตาร์เฮเคียว” ซึ่งลักษณะคล้ายกับการเล่นแชร์ทั่วไป ต่อมาได้สร้างความสัมพันธ์กับคนในบ้านออมเงิน โดยมีการใช้ Facebook ชื่อ “Autcharaphan Kanthawong” แอดไปหาผู้ที่ร่วมลงทุนในบ้านออมเงินซุปตาร์เฮเคียว จากนั้นได้มีการชักชวนผ่านโปรแกรมแชท Messenger ให้ผู้เสียหายร่วมลงทุนเกี่ยวกับการแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศ และให้ผลตอบแทนสูง แล้วหลบหนีไป มูลค่าความเสียหายกว่า 20 ล้านบาท
เมื่อวันที่ 19 ก.ค. 66 กำลังเจ้าหน้าที่ได้ร่วมกันจับกุมตัว นายสมชาย อายุ 60 ปี ในพื้นที่ อ.จอมทอง จ.เชียงใหม่ ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญาธนบุรี ที่ 158/2565 ลงวันที่ 28 มิถุนายน 2565 โดยกล่าวหาว่ากระทำความผิดฐาน “ฉ้อโกง, นำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ที่บิดเบือน หรือปลอมไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วน หรือข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จ โดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายต่อประชาชน”
จากการตรวจสอบข้อมูลจากฐานข้อมูลสำนักงานตำรวจแห่งชาติ พบว่า นายสมชาย เป็นผู้ต้องหาตามหมายจับอื่น ๆ อีก คือ ผู้ต้องหาตามหมาจับศาลจังหวัดสตูล ที่ 293/2565 ลงวันที่ 19 กันยายน 2565 ซึ่งกระทำผิดฐาน “ร่วมกันฉ้อโกงทรัพย์” สถานที่จับกุม ที่ อ.จอมทอง จ.เชียงใหม่ นำส่งศาลอาญาธนบุรีเพื่อดำเนินคดีตามกฏหมายต่อไป
พฤติการณ์ เมื่อประมาณปี 2563 นายสมชาย และ น.ส.อัจฉราพรรณ (ลูกสาว) ได้ร่วมกันเปิดกลุ่มไลน์ “บ้านออมเงินซุปตาร์เฮเคียว” ซึ่งลักษณะคล้ายกับการเล่นแชร์ทั่วไป ต่อมา น.ส.อัจฉราพรรณ ได้สร้างความสัมพันธ์กับคนในบ้านออมเงิน โดยมีการใช้ Facebook ชื่อ “Autcharaphan Kanthawong” แอดไปหาผู้ที่ร่วมลงทุนในบ้านออมเงินซุปตาร์เฮเคียว จากนั้น ได้มีการชักชวนผ่านโปรแกรมแชท Messenger ให้ผู้เสียหายร่วมลงทุนเกี่ยวกับการแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศ และให้ผลตอบแทนสูง ผู้เสียหายหลงเชื่อ จึงได้ร่วมลงทุนกับผู้ต้องหาทั้ง 2 คน โดยโอนเงินเข้าบัญชีธนาคาร นายสมชาย และ น.ส.อัจฉราพรรณ แต่ไม่ได้รับผลตอบแทนตามที่ตกลงกันไว้ ซึ่งผู้ต้องหาทั้ง 2 คน อ้างกับกลุ่มผู้เสียหายว่า “เงินถูกธนาคารตรวจสอบ” ต้องเข้าไปชี้แจงที่ธนาคาร ถ้าสามารถนำเงินออกมาได้แล้วจะนำมาให้กับกลุ่มผู้เสียหาย สุดท้าย รอมา 2 ปี ผู้เสียหายก็ไม่ได้รับเงินคืนและไม่ได้รับผลตอบแทนใดๆ กลุ่มผู้เสียหายมีทั้งคนในประเทศไทย และคนไทยที่อยู่ต่างประเทศ รวมความเสียหายทั้งหมดกว่า 20 ล้านบาท
จากการสอบถามนายสมชาย อ้างว่าลูกสาวได้ไปทำงานอยู่ต่างประเทศ ต่อมา ลูกสาวบอกว่าจะเริ่มทำธุรกิจเป็นการประมูลสินค้า เมื่อได้มาแล้วก็จะนำออกมาขาย ซึ่งจะได้กำไรเยอะกว่าการค้าขายทั่วไป แต่ต้องหาคนมาร่วมลงทุนก่อน และขอใช้บัญชีของนายสมชาย ในการรับโอนเงินคนที่จะร่วมลงทุนและอยู่ในประเทศไทย เมื่อมีเงินโอนเข้ามาแล้ว ลูกสาวจะบอกอีกครั้งว่าให้โอนเงินไปที่ไหนต่อ ซึ่งนายสมชาย จะได้ส่วนแบ่งจากเงินที่โอนเข้ามา ต่อมาลูกสาวบอกว่าเงินที่จะนำมาให้ผู้เสียหาย ถูก ปปง. ตรวจสอบจนไม่สามารถนำเงินออกมาแจกจ่ายได้ ให้รอก่อน และเมื่อนายสมชาย ทราบว่าตนเองถูกดำเนินคดีจึงได้หลบหนีมาซ่อนตัวอยู่ที่ อ.จอมทอง จ.เชียงใหม่ กับภรรยา ไม่ได้ประกอบอาชีพอะไร และไม่ออกจากบ้าน เนื่องจากกลัวว่าจะถูกจับกุมอีกครั้ง นำส่งศาลอาญาธนบุรีเพื่อดำเนินคดีตามกฏหมายต่อไป
พล.ต.ต.ธีรเดช ธรรมสุธีร์ ผบก.สส.บช.น. กล่าวว่าขอแจ้งเตือนไปยังผู้กระทำผิด ว่าท่านไม่สามารถหลบรอดกฎหมาย คนร้ายรายนี้หลบหนีโดยไม่ออกจากบ้านมาโดยตลอด ยังถูกจับกุม และประชาชนหากมีเบาะแสการกระทำความผิด โปรดแจ้งมายังเพจ “สืบสวนนครบาล IDMB” ได้ตลอด 24 ชม. แม้จะเป็นคดีที่มีความเสียหายไม่มาก แต่หากเป็นคดีที่ประชาชนเดือดร้อน เราทำทันที. -สำนักข่าวไทย