3 ก.พ. – นักธุรกิจไฮโซสาวร้อง “ผบช.ก.” หลังพนักงานสอบสวนกองปราบปรามเป่าสำนวน “สั่งไม่ฟ้อง” อดีต ผช.เลขาฯรองประธานสภาฯ คดีตุ๋นเงิน 25 ล้านบาท อ้างไร้สัญญา ทั้งที่มีหลักฐานหลายอย่างแต่ถูกตัดออกจากสำนวน หนำซ้ำยังนำอดีตลูกจ้างโกงบริษัท 50 ล้านบาท เป็นพยาน ชี้ตำรวจควรดูประวัติก่อนว่ามีคดีติดตัวจำนวนมาก
จากกรณีที่ น.ส.ช่อฉัตร นักธุรกิจสาวไฮโซถูกอดีตผู้ช่วยเลขาฯ รองประธานสภาผู้แทนราษฎร หลอกตุ๋นเรียกเงิน 25 ล้านบาท โดยอ้างว่าเป็นผู้ประสานให้มีการยกเลิกออกใบรับรองมาตรฐานวัสดุน้ำยางพาราผสมสารเพิ่มของเอกชนกลุ่มหนึ่งที่ได้รับการอนุมัติจากคณะกรรมการของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ มีลักษณะผูกขาด เอกชนรายใดต้องการเข้าร่วมประมูลงานก่อสร้างถนนยางของรัฐบาลจะต้องซื้อน้ำยางพาราผสมสารฯ กับเอกชนกลุ่มนี้เท่านั้น ซึ่งไม่ชอบด้วยกฎหมาย ส่งผลให้บริษัทสาวไฮโซไม่สามารถเข้าร่วมขายน้ำยางพาราผสมสารฯ ได้ และพนักงานสอบสวนส่งสำนวนสั่งไม่ฟ้องให้อัยการพิจารณาแล้วนั้น
ล่าสุดวันนี้ (3 ก.พ.) ที่กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง น.ส.ช่อฉัตร ที่ถูกหลอกเงินจำนวน 25 ล้านบาท ได้เดินทางมาร้องเรียนขอความเป็นธรรมกับ พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (ผบช.ก.) โดยมี ร.ต.อ.ธงชัย พานิชอำนวย รอง สว.(สอบสวน) บก.ปปป.เป็นผู้รับแทน
น.ส.ช่อฉัตร เปิดเผยว่า ตนไม่ได้รับความเป็นธรรมจากพนักงานสอบสวนในการทำสำนวนคดี เนื่องจากพนักงานสอบสวนเร่งรีบปิดสำนวนไม่รับพยานหลักฐานสำคัญ ระบุได้สอบปากคำพยานของทั้งสองฝ่ายและตรวจสอบเอกสารที่เกี่ยวข้อง พบว่าคดีนี้มีความก้ำกึ่งในเรื่องของข้อเท็จจริงทางคดี จึงมีความเห็นสั่งไม่ฟ้องในข้อหาฉ้อโกงทรัพย์ในชั้นพนักงานสอบสวน ทั้งที่พยานหลักฐานที่มีน้ำหนักแสดงให้เห็นว่าผู้ถูกกล่าวหามีพฤติการณ์เจตนาฉ้อโกงทำเป็นขบวนการแต่ถูกตัดออกจากสำนวน เช่น หลักฐานที่อดีตผู้ช่วยเลขาฯ รองประธานสภา นัดเคลียร์นำเงินมาคืน และมีการผัดผ่อนเป็นระยะเพื่อให้หมดอายุความ พนักงานสอบสวนก็ไม่รับไว้พิจารณา หากทำหน้าที่อย่างตรงไปตรงมาก็ควรพิจารณาเพราะประวัติผู้ที่ถูกกล่าวหามีคดีเป็นหางว่าว ถูกศาลตัดสินติดคุกในข้อหาปล้นทรัพย์มาแล้ว และยังถูกร้องอีกหลายคดี. -สำนักข่าวไทย