ผบ.ตร.ย้ำปรับแผนลดอุบัติเหตุ เข้มพื้นที่จัดเคาท์ดาวน์

กทม. 31 ธ.ค.-ผบ.ตร.ห่วงใยประชาชน ติดตามมาตรการดูแลความปลอดภัยเทศกาลปีใหม่ เน้นย้ำหน่วยปรับแผนลดอุบัติเหตุกวดขันวินัยจราจร ดื่มแอลกอฮอล์ ขับรถเร็ว มอบความสุขให้คนไทย ลดการสูญเสียทางถนน เข้มพื้นที่จัดเคาท์ดาวน์ ยอดโครงการฝากบ้าน 6,355 หลัง

วันนี้ 31 ธ.ค.65 (10.30 น.) พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผบ.ตร. พร้อมด้วย พล.ต.อ.รอย อิงคไพโรจน์ และ พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล รอง ผบ.ตร. และหน่วยที่เกี่ยวข้องเข้าร่วมประชุมฯ ศูนย์อำนวยการป้องกันและลดอุบัติเหตุทางถนนช่วงเทศกาลปีใหม่ พ.ศ.2566 และมาตรการป้องกันปราบปรามฯ ติดตามความพร้อมรองรับการจัดงานเทศกาล ปีใหม่ฯ ณ ศปก.ตร.


พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กล่าวว่า “1.ข้อมูลศูนย์อำนวยการป้องกันและลดอุบัติเหตุทางถนนช่วงเทศกาลปีใหม่ พ.ศ.2566 รายงานสภาพการจราจรเป็นไปด้วยความคล่องตัว การจราจรยังไม่หนาแน่น คาดว่าในช่วงเย็นและช่วงค่ำ จะมีประชาชนเดินทางออกมาจับจ่าย ใช้สอย ท่องเที่ยวและร่วมงานเทศกาลปีใหม่อย่างหนาแน่น โดยได้เตรียมพร้อมรองรับการปฏิบัติในพื้นที่ไว้แล้ว

สำหรับสถิติอุบัติเหตุ ตั้งแต่วันที่ 29-30 ธ.ค.65 จำนวน 2 วัน โดยเปรียบเทียบจากเทศกาลปีใหม่ พ.ศ.2565 และค่าเฉลี่ยย้อนหลัง 3 ปี เกิดขึ้น 715 ครั้ง ลดลงร้อยละ 10-20 เสียชีวิต จำนวน 85 ราย ลดลงร้อยละ 7-24 บาดเจ็บ จำนวน 714 ราย ลดลงร้อยละ 9-22


อุบัติเหตุขนาดใหญ่ มีผู้เสียชีวิติหรือบาดเจ็บหลายรายเกิดขึ้นในพื้นที่จังหวัด ปทุมธานี (เสียชีวิต 4 บาดเจ็บ 1) อุบลราชธานี (เสียชีวิต 2) ร้อยเอ็ด (เสียชีวิต 2) สุพรรณบุรี (บาดเจ็บ 8) ชุมพร (บาดเจ็บ 6) ยะลา (บาดเจ็บ 4) สาเหตุการเกิดอุบัติเหตุ ขับรถเร็วเกินกว่าที่กฎหมายกำหนด ร้อยละ 38 ดื่มแล้วขับ ร้อยละ 24 ตัดหน้ากระชั้นชิด ร้อยละ 20 โดยอุบัติเหตุส่วนใหญ่เกิดขึ้นในถนนทางหลวง รองมาคือถนนในหมู่บ้าน/ท้องถิ่น เทศบาลแลทางหลวงชนบท โดยยานพาะหนที่เกิดอุบัติเหตุสูงสุด คือ รถจักรยานยนต์ กระบะ รถยนต์นั่งส่วนบุคคล ช่วงเวลาที่เกิดอุบัติเหตุสูง จะเป็นห้วงเวลา 17.00-20.00 น. พฤติกรรมเสี่ยงที่อาจให้เสียชีวิต ได้แก่ ไม่สวมหมวกนิรภัย ดื่มแล้วขับ ขับรถเร็วเกินกำหนด

สำนักงานตำรวจแห่งชาติ บังคับใช้กฎหมายจราจร 10 ข้อหาหลัก 1. ไม่มีใบอนุญาตขับขี่ (40,751) 2.ไม่สวมหมวกนิรภัย (37,304) 3.ไม่คาดเข็มขัดนิรภัย (13,169) ภาพรวมการจราจรและการลดอุบัติเหตุเป็นไปด้วยดี ลดลงได้กว่าค่าเป้าหมายที่ตั้งไว้ แต่อย่างไรก็ตาม ประชาชนได้มีการปรับเปลี่ยนการเดินทางโดยเดินทางออกจาก กทม. ปริมาณรถสูงสุดในวันที่ 29 ธ.ค.65 ห้วงวันที่ 30-31 ธ.ค.65 สภาพการจราจรคล่องตัว และคาดการณ์ว่าจะเดินทางกลับในห้วงวันที่ 1 – 2 ม.ค.66 โดยมีปริมาณรถที่ออกเดินทางจาก กทม. ประมาณสามล้านคัน

2.การป้องกันปราบปรามอาชญากรรมในห้วงเทศกาลปีใหม่
2.1 มีการระดมกวาดล้าง อาชญากรรมห้วงวันที่ 20 – 29 ธ.ค.65 อาชญากรรมทั่วไป การพนัน ยาเสพติด อาวุธปืน คนเข้าเมือง สถานบริการ และบุคคลตามหมายจับ จำนวน 39,986 ราย ผู้ต้องหา 41,005 คน อาชญากรรมออนไลน์ (หลอกลวงทางออนไลน์ ข่าวปลอม การล่วงละเมิดต่อทางเพศ พนันออนไลน์ อาชญากรรมข้ามชาติ) จำนวน 3,368 ราย ผู้ต้องหา 3,327 คน
2.2 โครงการประชารัฐร่วมใจดูแลความปลอดภัยบ้านประชาชนช่วงเทศกาลสำคัญ (ฝากบ้าน 4.0) วันที่ 26 – 30 ธ.ค.65 จำนวน 6,355 หลัง ส่งคืนแล้ว 34 หลัง คงเหลือ 6,321 หลัง โดยพื้นที่ฝากบ้านสูงสุดในพื้นที่ตำรวจภูธร ภาค 2 ภาค 4 และ ภาค 3 ตามลำดับ


  1. การรักษาความปลอดภัยสถานที่จัดงานเทศกาลปีใหม่ ได้กำหนดมาตรการในพื้นที่จัดงานทั้งทางบก ทางน้ำ และการบริหารจัดการเหตุในพื้นที่ โดยกำหนดมาตรการรักษาความปลอดภัย อำนวยความสะดวกการจราจร การเผชิญเหตุฉุกเฉินและเหตุทางการแพทย์ นำบทเรียนจากสถานการณ์ต่างๆ เช่น เกาหลีใต้ ไฟไหม้สถานบันเทิง ฯลฯ มาปรับแผนและการบริหารจัดการเหตุ ตลอดจนนำกำลังพลตำรวจ เครื่องมือและยานพาหนะ มาปรับใช้ตามมาตรการฯ
  • กทม. เซ็นทรัลเวริด์ (60,000-100,000 คน) ไอคอนสยาม (1,500-3,000 คน) เอเชียทีค (1,500-7,000 คน) และวัดยานนาวา
  • สมุทรปราการ เมกาบางนา เซ็นทรัลเวสเกต บางใหญ่ (500 คน)
  • แสนสุข พัทยา (10,000-20,000 คน)
  • โคราช เดอะมอลล์ เซ็นทรัล บุรีรัมย์ สนามช้างอารีน่า
  • พิษณุโลก เชียงใหม่ และในพื้นที่จังหวัดต่างๆ

ผบ.ตร.กล่าวอีกว่า “ในวันนี้เป็นการ ติดตามสถานการณ์ รับฟังแผนหรือมาตรการต่างๆ สรุปผลการดำเนินการ ตลอดจน ร่วมกันประชุม หารือ แก้ไข ปัญหาต่างๆ ให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุด ได้กำชับให้พื้นที่มีการเกิดอุบัติเหตุปรับแผนและลงพื้นที่แก้ไขปัญหา ดำรงการจราจรและลดอุบัติเหตุปีใหม่ กวดขันวินัยจราจร ดื่มแอลกอฮอล์ ขับรถเร็ว แสวงหาความร่วมมือทุกภาคส่วน เจ้าหน้าที่ตำรวจกวดขัน เพิ่มความเข้มในการตรวจตรา ด่านตรวจถาวร/มั่นคง การตั้งจุดตรวจ จุดสกัด สถานที่จัดงานจะต้องไม่แออัด บริหารจัดการพื้นที่ให้เส้นทางการระงับเหตุ เส้นทางการบริการหรือ เหตุฉุกเฉิน แสดงกำลังกวดขันสถานบริการ การเล่นพลุและดอกไม้เพลิง การยิงปืนขึ้นฟ้าและการป้องกันเหตุร้ายในพื้นที่ประชาชนจำนวนมากหรือสถานที่สำคัญ ขอขอบคุณ ประชาชน ทุกภาคส่วน และข้าราชการตำรวจทุกนาย ที่ได้ปฏิบัติหน้าที่อย่างเข้มแข็ง ทุ่มเทแรงกาย แรงใจ ในการปฏิบัติหน้าที่ดูแลประชาชนช่วงห้วงเทศกาลปีใหม่นี้”.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

“โรม” ตั้งกระทู้ถามปมคุณสมบัติ ปธ.กสทช.

“โรม” ตั้งกระทู้ถาม ปม คุณสมบัติ ปธ.กสทช. ปูดคนรัฐบาลมีความสัมพันธ์กับ กสทช. เรื่องจึงไม่ขยับ ด้าน “ประเสริฐ” ปัดดองเรื่อง ขณะนี้ยื่นศาลรธน.ตีความแล้ว รอคำวินิจฉัย ยืนยันรัฐบาลแยกแยะเรื่องส่วนตัวจากการทำงาน ยึดประโยชน์ประชาชน

“อนุทิน” สั่งยกระดับเข้มงวดเข้าออกจุดผ่านแดนไทย

“อนุทิน” สั่งยกระดับความเข้มงวดในการเข้าออกจุดผ่านแดนไทยกับประเทศเพื่อนบ้าน ป้องกัน ปราบปราม ยาเสพติด อาชญากรรมทุกประเภท ภายใต้ปฏิบัติการ “Seal Stop Safe” ตามนโยบายนายกรัฐมนตรี

จับเว็บพนัน

ทลายเครือข่ายเว็บพนัน 2 จุด กลางกรุง มีนักแสดงตัวประกอบเอี่ยวด้วย

ตำรวจไซเบอร์ ทลายเครือข่ายเว็บพนัน 2 จุด กลางกรุง พบเงินหมุนเวียนเดือนละ 100 ล้าน มีนักแสดงตัวประกอบร่วมขบวนการ

เปิดใจผู้รอดชีวิตจากรถบัสมรณะ 18 ศพ

โศกนาฏกรรมรถบัสมรณะ 18 ศพ สร้างความสูญเสียครั้งยิ่งใหญ่ให้กับชาว อ.พรเจริญ จ.บึงกาฬ วันนี้ทีมข่าวสำนักข่าวได้สัมภาษณ์เปิดใจผู้รอดชีวิตจากเหตุการณ์ครั้งนี้ราวกับปาฏิหาริย์

ข่าวแนะนำ

ชายแดนไทย-เมียนมา ยังระอุ ปะทะเดือดใกล้จุดแตกหัก

ทหารกะเหรี่ยงใช้โดรนทิ้งระเบิดโจมตีฐานทหารเมียนมา ตรงข้าม อ.ท่าสองยาง จ.ตาก ห่างจากแนวชายแดนประมาณ 800 เมตร โรงเรียนในฝั่งไทย ซึ่งอยู่ติดแนวปะทะ หยุดการเรียนการสอน 1 วัน ขณะที่มีชาวเมียนมาหนีภัยสู้รบเข้าไทยกว่า 400 คน

ทร.จับเรือประมงเมียนมารุกล้ำน่านน้ำไทย

ศูนย์ควบคุมความมั่นคงท่าเรือระนอง จับกุมเรือประมงสัญชาติเมียนมา พร้อมลูกเรือและกัปตันเรือ 6 คน ขณะรุกล้ำน่านน้ำไทย บริเวณน่านน้ำเกาะช้าง จ.ระนอง ก่อนควบคุมเรือลำดังกล่าวมาตรวจสอบที่ท่าเรือน้ำลึกระนอง

ทุจริตยาโรงพยาบาล

แจ้งความเอาผิดขบวนการทุจริตยา รพ.ทหารผ่านศึก

ผอ.องค์การสงเคราะห์ทหารผ่านศึก ลุยเอง ยื่นหลักฐานให้ตำรวจ ปปป. เอาผิดขบวนการทุจริตยา รพ.ทหารผ่านศึก ระบุทำกันมานานเกือบ 10 ปี พบทั้งข้าราชการ-อดีตข้าราชการ เอี่ยวประมาณ 20 คน

รู้เบาะแสคนร้ายชิงทอง 102 บาท คาดเป็นคนในพื้นที่

ตำรวจรู้เบาะแสคนร้ายบุกเดี่ยวชิงทอง 102 บาท ภายในห้างดังกลางเมืองแม่สอด คาดยังหลบอยู่ในพื้นที่ สั่งคุมเข้มแนวชายแดน ป้องกันคนร้ายหลบหนี พร้อมยกระดับมาตรการดูแลร้านทอง-ห้างสรรพสินค้า ป้องกันเหตุซ้ำรอย