กรุงเทพฯ 21 ก.ย.- ตำรวจสอบสวนกลาง ร่วมกับ อย. จับร้านขายยาลักลอบขายยาแก้ไอให้กลุ่มวัยรุ่นย่านสายไหม เพื่อนำไปผสมเป็นยาเสพติด 4 คูณ 100 พร้อมยึดของกลางมูลค่า 2 ล้านบาท
พล.ต.ต.อนันต์ นานาสมบัติ ผู้บังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับการคุ้มครองผู้บริโภค และเภสัชกรวีระขัย นลวชัย รองเลขาธิการคณะกรรมการอาหารและยา ร่วมแถลงผลงานจับกุมนางสาวปทุมพร ในคดีอ้างตัวเป็นเภสัชกรขายยาแก้ไอให้กลุ่มวัยรุ่น เพื่อนำไปผสมเป็น 4 คูณ 100 เสพ ในย่านสายไหม ยึดของกลางมูลค่า 2 ล้านบาท
คดีนี้ตำรวจได้รับเบาะแสจากสื่อสังคมออนไลน์ว่า มีการแพร่ระบาดของยาเสพติดชนิดนี้อย่างรุนแรงในกลุ่มวัยรุ่น โดยมีการนำยาแก้แพ้และยาแก้ไอชนิดที่ต้องจำหน่ายโดยเภสัชกรเท่านั้น แต่นำมาขายและใช้ผิดวัตถุประสงค์ โดยนำมาผสมกับน้ำกระท่อมดื่มเพื่อความมึนเมาและเสพติดเป็นจำนวนมาก จึงเข้าตรวจค้นร้านขายยาในเขตสายไหม และสถานที่จัดเก็บยาซึ่งดัดแปลงจากร้านขายยาเก่าที่ถูกระงับใบอนุญาตไปแล้ว 2 จุด ย่านสายไหม พบของกลางได้จำนวนมาก จึงดำเนินคดีตามความผิด พ.ร.บ.ยา พ.ศ.2510 และ พ.ร.บ.วิชาชีพเภสัชกรรม พ.ศ.2537
นอกจากนี้ ยังจับกุมนายยงยุทธ ขบวนการผลิตสารตั้งต้น 4 คูณ 100 หลังได้รับการร้องเรียนว่า เป็นแหล่งจำหน่ายให้วัยรุ่นที่นิยมเสพ จึงไปตรวจค้นบ้านในซอยประชาสงเคราะห์ 4 แยก 5 แขวงและเขตดินแดง พบของกลาง ยาแก้แพ้ , ยาแก้ไอ และน้ำต้มกระท่อม จำนวนมาก สอบสวนนายยงยุทธ บอกว่าไม่ได้มีความรู้ด้านเภสัชกรรมแต่อย่างใดโดยต้มน้ำกระท่อมและแบ่งบรรจุขายคู่กับยาแก้แพ้หรือยาแก้ไอชนิดน้ำเชื่อมเฉลี่ยวันละ 400-500 ขวดซึ่งเป็นที่รู้จักและนิยมกันในกลุ่มวัยรุ่น
ขณะที่เลขาธิการคณะกรรมการอาหารและยา เปิดเผยว่า การปลดล็อกพืชกระท่อม ออกจากบัญชียาเสพติดให้โทษประเภทที่ 5 ประชาชนสามารถปลูกพืชกระท่อม ครอบครองซื้อขายต้นใบหรือนำมาบริโภคในครัวเรือนได้ แต่การนำใบกระท่อมมาเป็นวัตถุดิบหรือส่วนประกอบของผลิตภัณฑ์สุขภาพ ได้แก่ ผลิตภัณฑ์สมุนไพร อาหาร และเครื่องสำอาง การผลิตเพื่อจำหน่ายต้องปฏิบัติตามกฎหมายเฉพาะของผลิตภัณฑ์นั้น ซึ่งการขายน้ำต้มใบกระท่อมบรรจุขวดโดยผู้ผลิตไม่มีใบอนุญาตผลิตผลิตภัณฑ์สมุนไพรเป็นการกระทำผิดกฏหมายตาม พ.ร.บ.ผลิตภัณฑ์สมุนไพร พ.ศ.2562 ต้องระวังโทษจำคุกไม่เกิน 3 ปี หรือปรับไม่เกิน 300,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ.-สำนักข่าวไทย