ชัวร์ก่อนแชร์ KEYWORD : ORBITING — ขอเป็นดาวบริวารออนไลน์ใกล้ ๆ ก็พอ

ความสัมพันธ์ที่เปรียบเสมือนดาวเคราะห์บริวารออนไลน์ ที่คอยโคจรติดตามอยู่ห่าง ๆ เป็นพฤติกรรมที่เกิดมากขึ้นในยุคสื่อสังคมออนไลน์ และอาจกลายเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตประจำวัน 🎯 ตรวจสอบข้อเท็จจริงและคำแนะนำจากผู้เชี่ยวชาญ อาจารย์ธาม เชื้อสถาปนศิริ อาจารย์ประจำสถาบันแห่งชาติเพื่อการพัฒนาเด็กและครอบครัว มหาวิทยาลัยมหิดล ORBITING พฤติกรรมที่เปรียบเสมือนดาวเคราะห์ที่โคจรรอบโลก เสมือนการติดตามอีกฝ่ายผ่านสื่อสังคมออนไลน์โดยที่ไม่ได้ปฏิสัมพันธ์กัน ในความหมายที่พูดถึง ORBITING เกี่ยวข้องกับวงโคจรของดาวที่วนรอบตัวเรา ไม่ใช่ดวงจันทร์ที่โคจรรอบโลก คำ ORBITING นี้เกี่ยวข้องกับพฤติกรรมของคนบนสื่อสังคมออนไลน์ คือตัวเราเป็นดวงจันทร์ มีโลกเป็นเป้าหมาย เช่น อาจจะเป็นบัญชีของใครก็ได้บนสื่อสังคมออนไลน์ อาจเป็นดารา นักร้อง ศิลปิน ซึ่งอาจจะเป็นเพื่อนของเรา แต่เป็นเพื่อนที่ไม่อยากไปรู้จักเขาในชีวิตจริง เราอยากรู้จักเขาในชีวิตออนไลน์มากกว่า ดังนั้น จึงทำตัวเป็นดวงดาว “โคจร” รอบตัวเขา ด้วยการดู ส่อง ติดตามทุกอย่าง เช่น โพสต์อะไรเราส่อง คอมเมนต์อะไรก็ไปตามอ่าน เขาถ่ายภาพลง story ถ่ายคลิป TikTok เราก็ไปส่องดูด้วย ORBITING อาจจะแสดงตัวหรือไม่แสดงตัวก็ได้ แต่มักจะเป็นวงโคจรรอบเป้าหมายอย่างเงียบ ๆ รู้ได้อย่างไร ว่าตัวเรากำลังมีพฤติกรรม ORBITING ? พฤติกรรมของคนที่เป็น […]

ชัวร์ก่อนแชร์: ติดเชื้อหัดยังปลอดภัยกว่าฉีดวัคซีน จริงหรือ?

31 มีนาคม 2568แปลและเรียบเรียงบทความ : อดิศร สุขสมอรรถตรวจทานและพิสูจน์อักษร : คมส์ธนนท์ ศุขอัจจะสกุล ข้อมูลที่ถูกแชร์ : ในช่วงการแพร่ระบาดของโรคหัดในสหรัฐอเมริกา มีข่าวปลอมเกี่ยวกับโรคหัดและวัคซีนป้องกันโรคหัดเผยแพร่ทางสื่อสังคมออนไลน์ โดยอ้างว่าสิ่งที่ต้องกังวลในช่วงการระบาดของโรคหัดไม่ใช่การติดเชื้อไวรัสโรคหัด แต่เป็นการฉีดวัคซีน MMR เนื่องจากอาการข้างเคียงจากวัคซีนมีความรุนแรงมากกว่าอาการจากการป่วยด้วยโรคหัด พร้อมอ้างว่าครั้งสุดท้ายที่ชาวอเมริกันเสียชีวิตจากโรคหัดเมื่อปี 2015 เกิดขึ้นกับผู้ที่ฉีดวัคซีนป้องกันโรคหัดอีกด้วย บทสรุป : FACT CHECK : ตรวจสอบข้อเท็จจริง : อาการข้างเคียงจากวัคซีน MMR มีเพียงเล็กน้อย ข้อมูลจากกระทรวงสุขภาพและบริการมนุษย์สหรัฐฯ ระบุว่า อาการข้างเคียงจากวัคซีน MMR ได้แก่การเป็นไข้ มีผื่นขึ้นตามตัวเล็กน้อย และต่อมน้ำเหลืองบวม อาการข้างเคียงที่พบได้น้อย ยังรวมถึงอาการเจ็บบริเวณที่ฉีดยา อาการชักจากการมีไข้สูง และภาวะเกล็ดเลือดต่ำชั่วคราว ภาวะแทรกซ้อนจากโรคหัดมีความรุนแรงมาก แม้ผู้ป่วยโรคหัดส่วนใหญ่จะหายป่วยในเวลาเพียงสัปดาห์เดียว แต่มีผู้ป่วยโรคหัดถึง 3 จาก 10 รายที่พบอาการแทรกซ้อน เช่นการติดเชื้อในหูที่อาจนำไปสู่อาการหูหนวก รวมถึงโรคปอดอักเสบและสมองอักเสบ ในบางรายที่หายจากโรคหัดนานนับปี ก็อาจเกิดอาการผิดปกติทางระบบประสาทและสมองที่ชื่อว่า Subacute Sclerosing Panencephalitis […]

ชัวร์ก่อนแชร์: โรคหัดระบาดเพราะการฉีดวัคซีนเชื้อเป็น จริงหรือ?

30 มีนาคม 2568แปลและเรียบเรียงบทความ : อดิศร สุขสมอรรถตรวจทานและพิสูจน์อักษร : คมส์ธนนท์ ศุขอัจจะสกุล ข้อมูลที่ถูกแชร์ : ในช่วงการแพร่ระบาดของโรคหัดในสหรัฐอเมริกา มีข่าวปลอมเกี่ยวกับโรคหัดและวัคซีนป้องกันโรคหัดเผยแพร่ทางสื่อสังคมออนไลน์ โดยอ้างว่าสาเหตุการแพร่ระบาดของเชื้อโรคหัดในสหรัฐอเมริกาช่วงต้นปี 2025 แท้จริงแล้วมาจากการรณรงค์ฉีดวัคซีนโรคหัดนั่นเอง เนื่องจากมีการผลิตวัคซีนโรคหัดด้วยไวรัสเชื้อเป็น ทำให้ผู้รับวัคซีนมีอาการป่วยและแพร่เชื้อไปยังผู้อื่น หลังพบหลักฐานเด็กที่รับวัคซีน MMR แล้วมีผื่นขึ้นตามตัวเหมือนโรคหัด และมีการตรวจพบสารพันธุกรรมของไวรัสโรคหัดในปัสสาวะของผู้รับวัคซีนป้องกันโรคหัดอีกด้วย บทสรุป : FACT CHECK : ตรวจสอบข้อเท็จจริง : วัคซีนโรคหัด เริ่มใช้ครั้งแรกในปี 1963 เป็นวัคซีนเชื้อเป็นชนิดลดฤทธิ์ของไวรัส (Attenuated Vaccine) ประสิทธิผลในการป้องกันโรคหัดหลังจากฉีดเข็มแรกอยู่ที่ 93% และ 97% หลังจากฉีดเข็มที่ 2 ต่อมาในปี 1971 มีการใช้วัคซีนรวมป้องกันโรคหัด คางทูม และหัดเยอรมัน หรือวัคซีน MMR โดยประสิทธิผลในการป้องกันโรคหลังฉีดครบ 2 เข็มได้แก่ 97% 88% และ 97% […]

ชัวร์ก่อนแชร์: จัดปาร์ตี้โรคหัดช่วยสร้างภูมิ-ป้องกันโรคมะเร็ง จริงหรือ?

29 มีนาคม 2568แปลและเรียบเรียงบทความ : อดิศร สุขสมอรรถตรวจทานและพิสูจน์อักษร : คมส์ธนนท์ ศุขอัจจะสกุล ข้อมูลที่ถูกแชร์ : ในช่วงการแพร่ระบาดของโรคหัดในสหรัฐอเมริกา มีข่าวปลอมเกี่ยวกับโรคหัดและวัคซีนป้องกันโรคหัดเผยแพร่ทางสื่อสังคมออนไลน์ โดยอ้างว่าการปล่อยให้มีการติดเชื้อโรคหัดตามธรรมชาติส่งผลดีต่อสุขภาพ เพราะเป็นการเสริมสร้างภูมิคุ้มกันในร่างกาย และยังมีหลักฐานการวิจัยที่พบว่าไวรัสที่ก่อโรคหัดสามารถใช้บำบัดผู้ป่วยมะเร็งได้อีกด้วย บทสรุป : FACT CHECK : ตรวจสอบข้อเท็จจริง : โรคหัดเป็นโรคติดต่อทางเดินหายใจ เกิดจากการติดเชื้อมีเซิลส์ (Measles) สามารถแพร่เชื้อทางละอองเสมหะและละอองลอย ไวรัสโรคหัดมีค่าระดับการติดเชื้อพื้นฐาน (R0) ที่ 12-18 หรือผู้ติดเชื้อ 1 รายสามารถแพร่เชื้อต่อไปได้เฉลี่ย 12-18 ราย ถือเป็นเชื้อโรคที่สามารถแพร่เชื้อได้ในวงกว้างมากที่สุด ไวรัสโรคหัดมีระยะฟักตัวประมาณ 9-11 วัน แต่การแพร่เชื้อมักเริ่มตั้งแต่ผู้ป่วยยังไม่แสดงอาการ อาการสำคัญของโรคหัด ได้แก่ มีไข้และน้ำมูกไหล ตามด้วยการออกผื่นแดงตั้งแต่ศีรษะจนถึงปลายเท้า ผู้ป่วยบางรายที่เกิดภาวะแทรกซ้อนอาจมีความอันตรายถึงชีวิตได้ ปัจจุบันโรคหัดสามารถป้องกันได้จากการฉีดวัคซีน MMR วัคซีนรวมที่ใช้สร้างภูมิคุ้มกันต่อโรคหัด คางทูม และหัดเยอรมัน สถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคหัดในสหรัฐฯ รายงานจากศูนย์ควบคุมและป้องกันโรคแห่งชาติสหรัฐอเมริกา (CDC) เมื่อวันที่ […]

ชัวร์ก่อนแชร์: สีของขี้หูบอกปัญหาสุขภาพ จริงหรือ?

27 มีนาคม 2568แปลและเรียบเรียงบทความ : อดิศร สุขสมอรรถตรวจทานและพิสูจน์อักษร : คมส์ธนนท์ ศุขอัจจะสกุล ข้อมูลที่ถูกแชร์ : มีข้อมูลเท็จเกี่ยวกับสุขภาพร่างกายกับลักษณะของขี้หูเผยแพร่ทาง Facebook ในต่างประเทศ โดยอ้างว่าสีของขี้หูบ่งบอกปัญหาสุขภาพหลายอย่าง เช่นขี้หูสีเทา เกิดจากการสัมผัสมลพิษทางอากาศ ขี้หูสีแดง เกิดจากการบาดเจ็บที่หูชั้นใน ขี้หูสีน้ำตาลเข้ม เกิดจากความเครียด ขี้หูสีดำ เกิดจากการติดเชื้อรา ขี้หูสีขาว เกิดจากการขาดวิตามิน บทสรุป : FACT CHECK : ตรวจสอบข้อเท็จจริง : สีของขี้หู ขี้หูเป็นสิ่งที่ร่างกายสร้างขึ้นมาเพื่อสร้างความชุ่มชื้นในรูหูและป้องการกันติดเชื้อในช่องหู ขี้หูที่สร้างขึ้นมาใหม่จะมีสีอ่อน แต่ถ้าหากอยู่ในช่องหูเป็นเวลานาน การทำปฏิกิริยากับออกซิเจนจะทำให้ขี้หูมีสีเข้มขึ้น เช่น สีน้ำตาลเข้มจนถึงสีดำ แม้สีของขี้หูจะเปลี่ยนไป เช่น เปลี่ยนเป็นสีแดง อาจจะเกิดจากการมีเลือดออกในช่องหู ถือเป็นอาการที่จำเป็นต้องไปพบแพทย์ แต่สัญญาณที่บ่งบอกปัญหาในช่องหูมีอีกหลายอย่าง เช่น อาการเจ็บหู สูญเสียการได้ยิน อาการเวียนศีรษะ หรือการมีของเหลวไหลออกจากหู ซึ่งล้วนเป็นอาการที่บ่งบอกปัญหาสุขภาพหูที่ชัดเจนกว่าการสังเกตสีของขี้หู สีของขี้หูที่น่ากังวล ข้อมูลจากเว็บไซต์ของสถาบันการแพทย์ Cleveland Clinic […]

ชัวร์ก่อนแชร์ CyberAlert!🚨 : ระวัง ! ไลน์ปลอมแอบอ้างการไฟฟ้า หลอกประชาชน

26 มีนาคม 2568 ระวัง! มิจฉาชีพแอบอ้างเป็นเจ้าหน้าที่การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค (กฟภ.) หลอกลวงประชาชนผ่านไลน์ปลอม การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค (กฟภ.) ออกโรงเตือนภัยประชาชนให้ระมัดระวังกลุ่มมิจฉาชีพที่กำลังแอบอ้างเป็นเจ้าหน้าที่ กฟภ. ให้บริการผ่านบัญชีไลน์ปลอม โดยเฉพาะการหลอกลวงประชาชนให้เพิ่มเพื่อนในไลน์ไอดีหมายเลข 0824800401 กฟภ. ขอย้ำชัดเจนว่าบัญชีไลน์ดังกล่าวไม่ใช่บัญชีทางการของ กฟภ. และ กฟภ. มีช่องทางการติดต่อสื่อสารผ่านแอปพลิเคชันไลน์เพียงช่องทางเดียวเท่านั้นคือ LINE Official Account ชื่อว่า “@PEAThailand” ซึ่งจะมีสัญลักษณ์โล่สีเขียวปรากฏอยู่ข้างหน้าชื่อบัญชี ประชาชนควรตรวจสอบให้ดี อย่าหลงเชื่อบุคคลหรือบัญชีไลน์ที่ไม่เป็นทางการที่แอบอ้างเป็นเจ้าหน้าที่ กฟภ. โดยเด็ดขาดหากได้รับข้อความหรือการติดต่อที่น่าสงสัย ขอให้ติดต่อสอบถามกับ กฟภ. โดยตรงผ่านช่องทางต่อไปนี้เท่านั้น

ชัวร์ก่อนแชร์: ยาสูดพ่นรักษาเสียงอื้อในหู จริงหรือ?

26 มีนาคม 2568แปลและเรียบเรียงบทความ : อดิศร สุขสมอรรถตรวจทานและพิสูจน์อักษร : คมส์ธนนท์ ศุขอัจจะสกุล ข้อมูลที่ถูกแชร์ : มีข้อมูลเท็จเกี่ยวกับการรักษาเสียงอื้อในหูเผยแพร่ทาง Facebook ในต่างประเทศ โดยอ้างว่าปัจจุบันมีการจำหน่ายยาสูดพ่นที่มีส่วนประกอบของสาร SPI-1005 ซึ่งมีคุณสมบัติบำบัดอาการเสียงอื้อในหู โดยมีการใช้ภาพวิดีโอของ เควิน คอสเนอร์ นักแสดงและผู้กำกับรางวัลออสการ์มาช่วยโพรโมตผลิตภัณฑ์ที่อ้างว่าจะช่วยรักษาอาการเสียงอื้อในหูภายใน 28 วัน บทสรุป : 1.เสียงอื้อในหู (Tinnitus) ยังไม่มียารักษาให้หายขาด2.ยา SPI-1005 เพื่อรักษาเสียงอื้อในหู ยังอยู่ในระหว่างการทดลอง3.ยา SPI-1005 ทดลองเพื่อใช้สำหรับกิน ไม่ใช่เพื่อการสูดดม FACT CHECK : ตรวจสอบข้อเท็จจริง : อย่างไรก็ดี โฆษณาที่ใช้ เควิน คอสเนอร์ มายืนยันสรรพคุณยา ได้รับการพิสูจน์ว่าเป็นคลิปวิดีโอ Deepfake ที่สร้างโดยเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ ไม่ใช่บทสัมภาษณ์ของจริงแต่อย่างใด นอกจากนี้ อาการเสียงอื้อในหู ยังเป็นกลุ่มอาการที่ยังไม่มียารักษาให้หายขาดในปัจจุบันอีกด้วย เสียงอื้อในหู (Tinnitus) สถาบันโรคหูหนวกและความผิดปกติด้านการสื่อสารแห่งชาติสหรัฐฯ (NIDCD) […]

ชัวร์ก่อนแชร์ CyberAlert!🚨 : กฟภ. ย้ำชัด ไม่มีการบริการผ่านไลน์ ฝ่ายมิเตอร์ไฟฟ้า ! 

25 มีนาคม 2568 การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค (กฟภ.) ออกประกาศเตือนภัยประชาชนให้ระมัดระวังกลุ่มมิจฉาชีพที่แอบอ้างเป็นเจ้าหน้าที่ กฟภ. ให้บริการผ่านบัญชีไลน์ปลอม โดยเฉพาะการแอบอ้างเป็น “ฝ่ายมิเตอร์ไฟฟ้า” ซึ่งกำลังระบาดอยู่ในขณะนี้ กฟภ. ได้รับรายงานว่ามีมิจฉาชีพสร้างบัญชีไลน์ปลอมโดยใช้ชื่อและภาพโปรไฟล์ที่ทำให้เข้าใจผิดว่าเป็นเจ้าหน้าที่ กฟภ. และมีการใช้ LINE ID: 11296755 เพื่อหลอกลวงประชาชน โดยอ้างว่าให้บริการด้านมิเตอร์ไฟฟ้า กฟภ. ขอยืนยันว่าบัญชีไลน์ดังกล่าวไม่ใช่บัญชีทางการของ กฟภ. และ กฟภ. มีช่องทางการติดต่อสื่อสารอย่างเป็นทางการผ่าน LINE Official Account: @PEAThailand ซึ่งมีโล่สีเขียวเท่านั้น ประชาชนควรระมัดระวังและอย่าหลงเชื่อบุคคลหรือบัญชีไลน์ที่ไม่เป็นทางการที่แอบอ้างเป็นเจ้าหน้าที่ กฟภ. และหากได้รับข้อความหรือการติดต่อที่น่าสงสัย ขอให้ตรวจสอบข้อมูลกับ กฟภ. โดยตรงผ่านช่องทางต่อไปนี้เท่านั้น

ชัวร์ก่อนแชร์: หูฟังคือตัวการทำหูหนวก จริงหรือ?

24 มีนาคม 2568แปลและเรียบเรียงบทความ : อดิศร สุขสมอรรถตรวจทานและพิสูจน์อักษร : คมส์ธนนท์ ศุขอัจจะสกุล ข้อมูลที่ถูกแชร์ : หนึ่งในความเชื่อที่สร้างความเข้าใจผิดเกี่ยวกับปัญหาด้านการได้ยิน ได้แก่การอ้างว่าสาเหตุของการหูหนวกคือการฟังเพลงจากหูฟัง โดยเชื่อว่าการที่ลำโพงของหูฟังอยู่ใกล้กับหูชั้นกลางและหูชั้นใน คือสาเหตุที่นำไปสู่ปัญหาด้านการได้ยิน บทสรุป : 1.ผลกระทบจากเสียง มาจากความดังของเสียง ไม่ใช่ระยะทางระหว่างหูและแหล่งกำเนิดเสียง2.แต่พฤติกรรมการเปิดเสียงดังแข่งกับเสียงรบกวนจากภายนอก อาจสร้างผลเสียต่อผู้ที่ใช้หูฟัง3.ทางแก้คือใช้หูฟังชนิดที่สามารถป้องกันเสียงรบกวนหรือใช้โปรแกรมตัดเสียงรบกวน FACT CHECK : ตรวจสอบข้อเท็จจริง : แท้จริงแล้ว ความเชื่อดังกล่าวไม่เป็นความจริง ตามความเห็นของ ดร.คอรี พอร์ตนัฟ นักโสตสัมผัสวิทยา มหาวิทยาลัยโคโลราโด ซึ่งชี้แจงว่า ผลกระทบต่อการได้ยิน มาจากระดับความดังที่หูสัมผัส ไม่เกี่ยวกับระยะทางระหว่างหูและแหล่งกำเนิดเสียง ศูนย์ควบคุมและป้องกันโรคแห่งชาติสหรัฐอเมริกา (CDC) ระบุว่า ระดับเสียงในสิ่งแวดล้อมที่ต่ำกว่า 60 เดซิเบล ไม่ส่งผลต่อสุขภาพด้านการได้ยิน ไม่ว่าจะฟังนานเท่าใด แต่การฟังเสียงในสิ่งแวดล้อมที่ดังกว่า 70 เดซิเบลเป็นเวลานาน อาจสร้างปัญหาด้านการได้ยินในอนาคต ดร.คอรี พอร์ตนัฟ แนะนำสูตรการใช้หูฟังโดยไม่ส่งผลเสียต่อสุขภาพด้านการได้ยิน คือสูตร 80/90 หรือการฟังเสียงจากหูฟังแค่ […]

ความเสี่ยงหูหนวกจากการเล่นเกม

22 มีนาคม 2568แปลและเรียบเรียงบทความโดย: อดิศร สุขสมอรรถตรวจทานและพิสูจน์อักษร : คมส์ธนนท์ ศุขอัจจะสกุล ปัญหาการสูญเสียการได้ยินจากสื่อบันเทิง มักถูกเชื่อมโยงกับการฟังเพลงเป็นหลัก แต่ข้อมูลจากองค์การอนามัยโลกเปิดเผยว่า ปัจจุบันพบผู้ป่วยเกี่ยวกับการได้ยินในกลุ่มนักเล่นเกมจำนวนมาก หลังงานวิจัยพบว่าระดับเสียงจาหการเล่นเกมอยู่ในระดับที่ใกล้ขีดจำกัดหรือเกินขีดจำกัดระดับเสียงที่ปลอดภัยต่อสุขภาพของประชาชน ขณะที่ปัจจุบันมีการประเมินว่า ทั่วโลกมีนักเล่นเกมมากกว่า 3 พันล้านคน ปัญหามลภาวะทางเสียงจากการเล่นเกมจึงเป็นสิ่งที่สังคมไม่ควรมองข้ามอีกต่อไป ไม่ควรฟังเสียงดังเกิน 85 เดซิเบล นานเกิน 8 ชั่วโมง เมื่อปี 1972 สถาบันความปลอดภัยและอนามัยในการทำงานแห่งชาติฯ (National Institute for Occupational Safety and Health) ได้กำหนดว่า การฟังเสียงดังเกิน 85 เดซิเบล นานเกิน 8 ชั่วโมงในสถานที่ทำงาน จะส่งผลเสียต่อการได้ยินของมนุษย์ แหล่งกำเนิดเสียงที่มีความดังเกินระดับ 85 เดซิเบล ได้แก่ ในร้านอาหาร ล็อบบี้โรงแรม และในสนามบินที่มีคนพลุกพล่าน บนถนนที่สภาพการจราจรหนาแน่น เสียงรถไฟหรือรถบรรทุกวิ่งผ่าน เสียงไซเรน ตลอดจนเสียงการทำงานของเครื่องเป่าผมและเครื่องดูดฝุ่น งานวิจัยชี้เกมจำนวนมากเสียงดังเกิน 85 […]

ชัวร์ก่อนแชร์: เคี้ยวหมากและใบพลู ฆ่าเชื้อในปาก ต้านโควิด-มะเร็ง จริงหรือ?

21 มีนาคม 2568แปลและเรียบเรียงบทความ : อดิศร สุขสมอรรถตรวจทานและพิสูจน์อักษร : คมส์ธนนท์ ศุขอัจจะสกุล ข้อมูลที่ถูกแชร์ : มีข้อมูลเท็จเกี่ยวกับโรคมะเร็งหลอดอาหารและมะเร็งช่องปากเผยแพร่ในต่างประเทศ โดยอ้างว่าการเคี้ยวหมากและใบพลู มีคุณสมบัติที่ดีหลายอย่างต่อร่างกาย ทั้งฆ่าเชื้อในปาก ต้านการติดเชื้อไวรัสโควิด-19 และต้านการเกิดมะเร็ง บทสรุป : WHO ประกาศให้การเคี้ยวหมากและใบพลู เพิ่มความเสี่ยงการเกิดมะเร็งในช่องปาก แม้จะเคี้ยวโดยไม่ร่วมกับการใช้ยาสูบก็ตาม FACT CHECK : ตรวจสอบข้อเท็จจริง : แต่เดิมมีความเชื่อว่าใบพลูที่กินร่วมกับหมากจะมีคุณสมบัติด้านการฆ่าเชื้อในปาก แต่การที่หมากและใบพลูเป็นยาเสพติดชนิดอ่อน การเคี้ยวหมากและใบพลูอย่างต่อเนื่อง นอกจากจะไม่มีประโยชน์ต่อร่างกายตามที่กล่าวอ้างแล้ว ยังเพิ่มความเสี่ยงการเกิดมะเร็งหลายชนิด เมื่อปี 2003 องค์การอนามัยโลก (WHO) ประกาศให้การเคี้ยวหมากและใบพลู เพิ่มความเสี่ยงการเกิดมะเร็งในช่องปาก แม้จะเคี้ยวโดยไม่ร่วมกับการใช้ยาสูบก็ตาม ข้อมูลจากการศึกษาเมื่อปี 1985 พบว่า การเคี้ยวหมากและใบพลูร่วมกับการใช้ยาสูบมีคุณสมบัติเป็นสารก่อมะเร็งในมนุษย์ หลังพบพฤติกรรมดังกล่าวอย่างแพร่หลาย ไม่เพียงแต่ในทวีปเอเชีย แต่รวมถึงกลุ่มผู้อพยพชาวเอเชียที่ไปอาศัยในทวีปยุโรป อเมริกาเหนือ และออสเตรเลีย เมื่อการเปรียบเทียบพบว่า กลุ่มผู้อพยพที่นิยมเคี้ยวหมากกับใบพลู มีสัดส่วนเป็นมะเร็งในช่องปากมากกว่าประชากรท้องถิ่น ข้อมูลพบว่าการเคี้ยวหมากกับใบพลู ร่วมกับการใช้ยาสูบ เพิ่มความเสี่ยงมะเร็งในช่องปาก […]

ชัวร์ก่อนแชร์ CHECK-LIST : 5 เรื่องฮิต สารพัดวิธีแก้ท้องเสีย จริงหรือ ?

19 มีนาคม 2568 – บนโซเชียลมีการแชร์สารพัดวิธีแก้ท้องเสีย ทั้งเตือนท้องเสียไม่จำเป็นต้องกินยา ให้ดื่มนมเปรี้ยว หรือน้ำอัดลมใส่เกลือ เชื่อว่าจะช่วยให้อาการท้องเสียดีขึ้นได้ ?! 🎯 ตรวจสอบกับ ศ.นพ.ยง ภู่วรวรรณ หัวหน้าศูนย์เชี่ยวชาญเฉพาะทางด้านไวรัสวิทยาคลินิก คณะแพทยศาสตร์ จุฬาฯ รศ.ดร.เอกราช เกตวัลห์ อาจารย์ สถาบันโภชนาการ มหาวิทยาลัยมหิดล ผศ.(พิเศษ)นพ.ปิยะพันธ์ พฤกษพานิช อายุรแพทย์โรคระบบทางเดินอาหาร รพ.จุฬาลงกรณ์ 5 เรื่องฮิตเกี่ยวกับวิธีแก้ท้องเสียที่แชร์กันในโซเชียลมีเดีย  ข้อควรระวัง ตรวจสอบข้อเท็จจริงโดย : พีรพล อนุตรโสตถิ์, อัครวุฒิ ตู้วชิรกุลเรียบเรียงโดย : ชยานิษฐ์ ผ่องใส

1 21 22 23 24 25 162
...