บนสื่อสังคมออนไลน์แชร์ว่า มีงานวิจัยใหม่ย้ำ “มะม่วงสุก” คุมน้ำตาล ต้านเบาหวาน และดีต่อหัวใจ เพียงกินมะม่วงสุก 2 ถ้วยทุกวัน จริงหรือ ?
🎯 ตรวจสอบข้อเท็จจริงและคำแนะนำจากผู้เชี่ยวชาญ รศ.ดร.วันทนีย์ เกรียงสินยศ สถาบันโภชนาการ มหาวิทยาลัยมหิดล
เรื่องที่แชร์นี้พูดเกินความจริง ซึ่งอาจจะทำให้คนเข้าใจผิดและกินมะม่วงมากเกินไป
มีการอ้างอิงถึงงานวิจัยที่สหรัฐอเมริกา ที่มีการเผยแพร่ต้นปี 2568
การวิจัยนี้เป็นการศึกษา “มะม่วงแช่แข็ง” เปรียบเทียบกับการกิน “อิตาเลียนไอซ์” เพื่อให้มีคาร์โบไฮเดรตและน้ำตาลปริมาณเท่า ๆ กัน (ประมาณ 25 กรัม) ในระยะเวลา 1 สัปดาห์
งานวิจัยนี้ เปรียบเทียบมะม่วงสุก กับ อิตาเลียนไอซ์ คาดหวังที่ตัวบ่งชี้เรื่องการอักเสบอย่างอ่อน ๆ น่าจะดีขึ้น
ผลการศึกษานี้ไม่พบว่าการกินมะม่วงสุกประจำทุกวัน ทำให้ภาวะการอักเสบเรื้อรังดีขึ้น แต่เผอิญพบปริมาณของอินซูลินก่อนอาหาร ดูเหมือนต่ำกว่ากลุ่มควบคุมที่กินอิตาเลียนไอซ์อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ
ถ้าสรุปกันจริง ๆ น่าจะเป็นว่าการกินผลไม้เป็นประจำทุก ๆ วัน เมื่อเปรียบเทียบกับการกิน “อิตาเลียนไอซ์” ที่มีน้ำตาลอาจจะส่งผลให้การทำงานของอินซูลินดีขึ้น แต่ไม่ได้หมายความว่าการกินผลไม้หรือกินผักชนิดอื่น ๆ ซึ่งอาจจะมีคุณสมบัติแบบเดียวกันจะไม่ได้ประโยชน์ ในงานวิจัยชิ้นนี้ยังบอกว่าจะต้องมีการศึกษาเพิ่มเติมอีก
กินมะม่วงสุก คุมน้ำตาล ต้านเบาหวาน จริงหรือ ?
การกินผลไม้ปริมาณมาก และ/หรือ กินมะม่วงสุกปริมาณมาก จะควบคุมเบาหวานได้ เรื่องนี้ “ไม่จริง”
ดังนั้น การที่บอกว่าควบคุมเบาหวานดีขึ้น น่าจะต้องมีผลเลือดหรืออย่างอื่นตอบสนองว่าดีขึ้นร่วมดัวย เช่น งานวิจัยชิ้นนี้บอกว่า ภาวะน้ำตาลก่อนอาหารพบว่าไม่ได้ดีขึ้น ภาวะการอักเสบก็ไม่ได้ดีขึ้น เพียงแต่พบว่าปริมาณของอินซูลินก่อนอาหารดีขึ้นนิดหน่อย ซึ่งถ้าจะให้ดี ควรจะต้องดูอินซูลินหลังอาหารด้วย
งานวิจัยชิ้นนี้ ไม่ได้ศึกษาปริมาณอินซูลินหลังอาหาร ไม่ได้ศึกษาปริมาณกลูโคสระยะยาว เป็นเพียงการศึกษาระยะสั้นเท่านั้น
กินมะม่วงสุก ดีต่อหัวใจด้วย จริงหรือ ?
งานวิจัยชิ้นนี้ ไม่ได้มีการตอบเรื่องหัวใจเลย จึงถือเป็นการกล่าวอ้างเกินความเป็นจริง
การเป็นโรคหัวใจมีปัจจัยเสี่ยงหลายอย่าง เพียงแต่ผู้ที่เป็นโรคเบาหวานอาจมีความเสี่ยงเป็นโรคหัวใจได้มากกว่าปกติ (2-4 เท่า)
ดังนั้น ถ้าลดการเป็นเบาหวานได้ ก็ลดความเสี่ยงเป็นโรคหัวใจ นี่คือข้อเท็จจริง
เมื่อดูจากข้อมูลที่แชร์กันแล้ว ก็ไม่ควรกินมะม่วงสุกในปริมาณที่เพิ่มมากขึ้นกว่าปกติ
การกินผลไม้ให้เป็นส่วนหนึ่งของชีวิตประจำวัน ตามคำแนะนำการกินอาหาร นั่นคือ กินผลไม้ 2 มื้อต่อวัน
สำหรับผู้ป่วยเบาหวาน แนะนำให้กินผลไม้ 1 ส่วน (1 จานกาแฟเล็ก ๆ) เพื่อป้องกันระดับน้ำตาลในเลือดขึ้นสูง จากปริมาณน้ำตาลหรือคาร์โบไฮเดรตที่อยู่ในผลไม้
ในคนปกติทั่วไป สามารถกินมะม่วงสุกได้ 2-3 ครั้งต่อวัน (ปริมาณครั้งละ 100 กรัม)
สำหรับผู้ป่วยเบาหวาน ปริมาณมะม่วงที่กินปกติทั่วไปประมาณครึ่งลูก โดยอาจกินหลังอาหารมื้อกลางวัน และกินครั้งต่อไปช่วงเย็นหรือก่อนนอน หรือกินเป็นอาหารว่างได้
โดยภาพรวมของคนที่มีความเสี่ยงเป็นเบาหวาน หรือเป็นเบาหวานอยู่แล้ว ไม่ควรกินมะม่วงเกิน 1 ลูกต่อวัน โดยแบ่งกิน 2 ครั้ง
ผลไม้เป็นอาหารที่แนะนำให้กินเป็นประจำตามข้อแนะนำการกินอาหารเพื่อสุขภาพที่ดี
โดยภาพรวม ไม่ว่าผลไม้ชนิดใดก็ตาม จะมีเรื่องใยอาหาร (ทั้งใยอาหารที่ละลายน้ำ และใยอาหารที่ไม่ละลายน้ำ) มีแร่ธาตุและวิตามินต่าง ๆ ปริมาณสูง โดยเฉพาะการกินผลไม้ 5 สี เพราะมีสารสำคัญที่แตกต่างกัน
กรณีมะม่วง (สีเหลือง) มีบีตาแคโรทีน หรือโพลีฟีนอลในสัดส่วนที่สูง สารสำคัญต่าง ๆ ในผลไม้เป็นสารต้านอนุมูลอิสระตามธรรมชาติ ช่วยลดการอักเสบที่อาจเกิดขึ้นกับร่างกายของเรา
การกินมะม่วงทุกวันปริมาณมาก แล้วจะช่วยลดความเสี่ยงการเป็นเบาหวานและโรคหัวใจ ไม่จริง ยังไม่มีหลักฐานเชิงประจักษณ์ที่มากพอที่จะกล่าวอ้างเช่นนี้ได้
📌 สรุป : จริงบางส่วน ไม่ควรแชร์ ❌
สัมภาษณ์โดย พีรพล อนุตรโสตถิ์
เรียบเรียงโดย คมส์ธนนท์ ศุขอัจจะสกุล
ดูเพิ่มเติมรายการ ชัวร์ก่อนแชร์ : มะม่วงสุก คุมน้ำตาล ต้านเบาหวาน ดีต่อหัวใจ จริงหรือ ?
หากได้รับอะไรมา อย่าเพิ่งแชร์ต่อ ส่งมาตรวจสอบกับ “ศูนย์ชัวร์ก่อนแชร์”
LINE :: @SureAndShare หรือคลิก http://line.sure.guru
FB :: https://www.facebook.com/SureAndShare
YouTube :: https://www.youtube.com/@SureAndShare
Twitter :: https://www.twitter.com/SureAndShare
IG :: https://instagram.com/SureAndShare
Website :: http://www.ชัวร์ก่อนแชร์.com
TikTok :: https://www.tiktok.com/@sureandshare
สมัครรับฟรี ชัวร์ก่อนแชร์ Newsletter ส่งถึงกล่องอีเมลของคุณทุกสัปดาห์ :: https://i.sure.guru/sureandshareNewsletter