ชัวร์ก่อนแชร์: มือสังหาร ชาร์ลี เคิร์ก สนับสนุนพรรคเดโมแครต จริงหรือ?

28 กันยายน 2568แปลและเรียบเรียงบทความ : อดิศร สุขสมอรรถตรวจทานและพิสูจน์อักษร : คมส์ธนนท์ ศุขอัจจะสกุล ข้อมูลน่าสงสัย : มีข้อมูลเท็จเกี่ยวกับการฆาตกรรม ชาร์ลี เคิร์ก เผยแพร่ทางสื่อสังคมออนไลน์ โดยอ้างว่า ไทเลอร์ เจมส์ โรบินสัน มือปืนที่ลั่นไกสังหาร ชาร์ลี เคิร์ก มีแนวคิดสนับสนุนพรรคเดโมแครต ซึ่งมีแนวคิดขั้วตรงข้ามกับ ชาร์ลี เคิร์ก ที่สนับสนุนแนวคิดอนุรักษนิยม บทสรุป : 1.มีข้อมูลเท็จแพร่ทางออนไลน์ว่ามือสังหาร ชาร์ลี เคิร์ก สนับสนุนพรรคเดโมแครต2.ไทเลอร์ โรบินสัน ไม่สนับสนุนพรรคการเมืองใดชัดเจน FACT CHECK : ตรวจสอบข้อเท็จจริง : การตรวจสอบประวัติของ ไทเลอร์ เจมส์ โรบินสัน จำเลยในคดีลอบสังหาร ชาร์ลี เคิร์ก ไม่พบว่าเจ้าตัวให้การสนับสนุนพรรคการเมืองใดอย่างชัดเจน การใช้ภาพและวิดีโอยืนยันบุคคลผิดตัว มีการแชร์คลิปวิดีโออ้างว่า ไทเลอร์ เจมส์ โรบินสัน ไปกล่าวคำปราศรัยในงานที่จัดโดยองค์กร Democratic […]

หนังสือลอบสังหาร ชาร์ลี เคิร์ก ตีพิมพ์ก่อนการฆาตกรรมได้อย่างไร?

27 กันยายน 2568แปลและเรียบเรียงบทความโดย: อดิศร สุขสมอรรถตรวจทานและพิสูจน์อักษร : คมส์ธนนท์ ศุขอัจจะสกุล หลังเหตุลอบสังหาร ชาร์ลี เคิร์ก นักเคลื่อนไหวทางการเมืองสายอนุรักษนิยมเมื่อวันที่ 10 กันยายน 2025 กลับมีการแพร่ข่าวลือเรื่องการวางแผนฆาตกรรม เมื่อพบว่าหนังสือที่เปิดโปงแผนลอบสังหาร ชาร์ลี เคิร์ก ถูกจำหน่ายทางเว็บไซต์ Amazon ในวันที่ 9 กันยายน 2025 หรือ 1 วันก่อนเหตุฆาตกรรม หนังสือดังกล่าวมีชื่อว่า The Shooting Of Charlie Kirk โดยนักเขียน อนาสตาเซีย เจ. เคสซี จำหน่ายจากเว็บไซต์ Amazon ในราคา 6.99 ดอลลาร์สหรัฐฯ ก่อนจะถูกลบจากระบบในเวลาต่อมาในข้อหาละเมิดระเบียบของทางเว็บไซต์ ตัวแทนของ Amazon ชี้แจงว่า การจำหน่ายหนังสือ The Shooting Of Charlie Kirk เกิดจากความผิดพลาดทางเทคนิค ทำให้เวลาในการจำหน่ายผิดจากความเป็นจริง […]

ชัวร์ก่อนแชร์ FACTSHEET : ซีสต์ที่ดวงตา

บทความนี้เรียบเรียงโดยเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ (Artificial Intelligence : AI) โดยมีเนื้อหาหลักจากคลิปวิดีโอ 21 กันยายน 2568 ซีสต์เกิดขึ้นบริเวณใดของดวงตาได้บ้าง และซีสต์แบบไหนที่จะบ่งบอกถึงอันตรายต่อดวงตา ศูนย์ชัวร์ก่อนแชร์ ตรวจสอบกับ รศ.นพ.ศักดิ์ชัย วงศกิตติรักษ์ ประธานวิชาการ ราชวิทยาลัยจักษุแพทย์แห่งประเทศไทย (สัมภาษณ์เมื่อ 29 สิงหาคม 2568) ทำความเข้าใจกับซีสต์ที่ดวงตา : สาเหตุและกลไกการเกิด ซีสต์ที่ดวงตาคือถุงน้ำที่เกิดขึ้นจากการอุดตันหรือความผิดปกติของต่อมต่าง ๆ ที่ทำหน้าที่สร้างสารคัดหลั่ง เช่น น้ำตา ไขมัน หรือเหงื่อ ในบริเวณดวงตา เมื่อปากต่อมเหล่านี้เกิดการอุดตัน สารคัดหลั่งจะถูกกักเก็บและสะสมอยู่ภายใน ทำให้เกิดเป็นถุงน้ำหรือซีสต์ขึ้นมา ซึ่งสามารถพบได้ในสองบริเวณหลัก ๆ ของดวงตา สัญญาณเตือน : เมื่อซีสต์ที่ดวงตาอาจเป็นอันตราย โดยทั่วไปแล้ว ซีสต์ที่ดวงตาจะไม่ทำให้เกิดความเจ็บปวด แต่อาจมีอาการระคายเคืองบ้าง หากมีการอักเสบหรือติดเชื้อจากปัจจัยภายนอก เช่น การสัมผัสด้วยมือที่ไม่สะอาดหรือโดนฝุ่นละอองบ่อย ๆ ก็อาจทำให้เกิดอาการเจ็บปวดได้ อย่างไรก็ตาม ผู้เชี่ยวชาญย้ำว่าอาการเจ็บปวดไม่ได้บ่งบอกถึงการเป็นเนื้อร้าย สิ่งสำคัญที่ควรสังเกตและเป็นสัญญาณเตือนที่อาจบ่งบอกถึงความผิดปกติหรืออันตรายของซีสต์ที่ดวงตา ได้แก่ หากพบอาการเหล่านี้ ควรรีบไปปรึกษาจักษุแพทย์ทันที เพราะอาจเป็นสัญญาณเตือนของเนื้อร้ายบางชนิดที่บริเวณเยื่อบุตาหรือเปลือกตา […]

ชัวร์ก่อนแชร์ Motor Check : 6 ข้อแนะนำ เมื่อต้องขับรถลุยน้ำท่วม จริงหรือ ?

23 กันยายน 2568 บนสังคมออนไลน์มีการแชร์ข้อแนะนำเมื่อต้องขับรถในสถานการณ์ที่ฝนตกหนัก จนเกิดน้ำท่วม เช่น รักษารอบเครื่องยนต์ให้คงที่ และ ย้ำเบรกและคลัตช์บ่อย ๆ หลังลุยน้ำ เรื่องนี้จริงหรือไม่ ติดตามได้ใน ซีรีส์ ชัวร์ก่อนแชร์ มอเตอร์เช็ก กับคุณพีรพล อนุตรโสตถิ์ จากศูนย์ชัวร์ก่อนแชร์ ตรวจสอบกับ นายสุรมิส เจริญงาม นักทดสอบและผู้เชี่ยวชาญเทคโนโลยียานยนต์ (สัมภาษณ์เมื่อ 16 กันยายน 2568) 6 ข้อควรรู้เมื่อขับรถลุยน้ำท่วม: ป้องกันความเสียหาย เพิ่มความปลอดภัยบนท้องถนน ในฤดูฝนที่หลีกเลี่ยงไม่ได้กับสถานการณ์น้ำท่วมขังบนท้องถนน การเตรียมพร้อมและมีข้อมูลที่ถูกต้องเกี่ยวกับการขับรถลุยน้ำท่วมเป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่ง เพื่อป้องกันความเสียหายต่อรถยนต์และเพิ่มความปลอดภัยในการเดินทาง รายการ “ชัวร์ก่อนแชร์ Motor Check” ได้รวบรวม 6 ข้อแนะนำจากผู้เชี่ยวชาญด้านยานยนต์ที่ได้รับการยืนยันแล้วว่า “จริง” และควรนำไปปฏิบัติ 1. ปิดระบบปรับอากาศ (แอร์) ทันที เมื่อต้องขับรถลุยน้ำท่วม สิ่งแรกที่ควรทำคือปิดแอร์ทันที เพราะระบบปรับอากาศมีพัดลมไฟฟ้าที่อาจพัดละอองน้ำจากภายนอกเข้าสู่ห้องเครื่องยนต์ ซึ่งมีอุปกรณ์ไฟฟ้าและสายไฟต่าง ๆ การปิดแอร์จะช่วยลดความเสี่ยงที่น้ำจะเข้าไปทำความเสียหายต่ออุปกรณ์เหล่านี้ และยังช่วยลดภาระการทำงานของเครื่องยนต์อีกด้วย 2. […]

ตั้งครรภ์ “กินพารา” เสี่ยงเด็กเกิดมาเป็นออทิสติก จริงหรือ ?

ตรวจสอบข้อเท็จจริง กรณี โดนัล ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา ร่วมกับเลขาธิการกระทรวงสาธารณสุข โรเบิร์ต เอฟ เคเนดี้ จูเนียร์ ออกแถลงการณ์ เรื่อง “การกินไทลินอลของหญิงตั้งครรภ์ อาจทำให้เด็กที่เกิดมาเป็นออทิสติกได้” 🎯 บนสื่อสังคมออนไลน์ มีการแชร์ข่าว “การกินไทลินอลของหญิงตั้งครรภ์ อาจทำให้เด็กที่เกิดมาเป็นออทิสติกได้” นั้น 👉 ศูนย์ชัวร์ก่อนแชร์ตรวจสอบข้อมูลกับ รศ.ภก.ดร.บดินทร์ ติวสุวรรณ รองคณบดีฝ่ายพันธกิจสากลและกิจการวิชาชีพ คณะเภสัชศาสตร์ และอาจารย์ประจำภาควิชาอาหารและเภสัชเคมี คณะเภสัชศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ได้รับการอธิบายดังนี้ “ไทลินอล : Tylenol” ยาบรรเทาอาการปวดที่มีส่วนประกอบสำคัญของ “อะเซตามิโนเฟน” (Acetaminophen) คนทั่วไปรู้จักในชื่อ “พาราเซตามอล” (Paracetamol) ปัจจุบัน ยังไม่มีหลักฐานเชิงประจักษ์ว่าหญิงตั้งครรภ์กินยาแก้ปวดพาราเซตามอลแล้วลูกคลอดออกมาเป็นออทิสติก (Autism Spectrum Disorder : ASD) สำหรับหญิงตั้งครรภ์ ถ้ามีความจำเป็นต้องใช้ยาบรรเทาปวดและลดไข้ สามารถใช้ยาพาราเซตามอลระยะสั้น ๆ ได้ แต่ขณะเดียวกัน มียาอีกจำนวนไม่น้อยที่ห้ามใช้ในหญิงตั้งครรภ์ หรือต้องใช้ด้วยความระมัดระวัง ได้แก่ ยาที่มีฤทธิ์บรรเทาอาการไอและอาการคลื่นไส้-อาเจียน ยาแก้อาการท้องเดิน […]

AI แพร่ข่าวปลอมเหตุลอบสังหาร ชาร์ลี เคิร์ก

26 กันยายน 2568แปลและเรียบเรียงบทความโดย: อดิศร สุขสมอรรถตรวจทานและพิสูจน์อักษร : คมส์ธนนท์ ศุขอัจจะสกุล การเสียชีวิตของ ชาร์ลี เคิร์ก นักเคลื่อนไหวทางการเมืองสายอนุรักษนิยมชาวอเมริกัน จากการถูกลอบยิงเมื่อวันที่ 10 กันยายน 2025 กลายเป็นข่าวที่สร้างความตื่นตะลึงไปทั่วโลก แต่ข่าวการเสียชีวิตของ ชาร์ลี เคิร์ก บนสื่อสังคมออนไลน์ต่างเต็มไปด้วยข้อมูลที่สับสน เมื่อข้อมูลที่หาจาก Chatbot กลับคลาดเคลื่อนจากความเป็นจริง นำไปสู่การตั้งคำถามถึงความแม่นยำของรายงานข่าวที่มีต้นทางมาจากปัญญาประดิษฐ์หรือ AI โดยเฉพาะ NewsGuard เว็บไซต์ประเมินความโปร่งใสและความถูกต้องของสื่อสารมวลชน พบว่าหลังจากเหตุลอบสังหาร ชาร์ลี เคิร์ก ผ่านไปแล้ว 1 วัน ยังมี Chatbot หลายเจ้ารายงานเหตุการณ์แตกต่างจากความเป็นจริง 1.Perplexity AI บอกว่า ชาร์ลี เคิร์ก ยังไม่ตาย เมื่อมีการถามไปยังบัญชี X ของ Perplexity AI ว่า หากมีการปฏิรูปกฎหมายการครอบครองอาวุธปืนให้เข้มงวดมากขึ้น จะสามารถป้องกัน ชาร์ลี เคิร์ก จากการถูกลอบสังหารได้อย่างไร […]

ชัวร์ก่อนแชร์ CyberAlert!🚨 : เช็กก่อนแอด ! ไลน์ PEA ปลอมระบาด แอบอ้างหลอกโอนเงิน

24 กันยายน 2568 การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค (กฟภ.) เตือนประชาชนให้ระมัดระวังกลุ่มมิจฉาชีพที่กำลังแอบอ้างเป็นเจ้าหน้าที่ กฟภ. ให้บริการผ่านบัญชีไลน์ปลอม โดยอ้างว่า กฟภ. ได้เปิดบัญชีไลน์ใหม่ ยกระดับบริการออนไลน์ ใช้ชื่อไลน์ไอดี pea463 กฟภ. ขอย้ำชัดเจนว่าบัญชีไลน์ดังกล่าวไม่ใช่บัญชีทางการของ กฟภ. และ กฟภ. มีช่องทางการติดต่อสื่อสารผ่านแอปพลิเคชันไลน์เพียงช่องทางเดียวเท่านั้นคือ LINE Official Account ชื่อว่า “@PEAThailand” ซึ่งจะมีสัญลักษณ์โล่สีเขียวปรากฏอยู่ข้างหน้าชื่อบัญชี ประชาชนควรตรวจสอบให้ดี อย่าหลงเชื่อบุคคลหรือบัญชีไลน์ที่ไม่เป็นทางการที่แอบอ้างเป็นเจ้าหน้าที่ กฟภ. โดยเด็ดขาดหากได้รับข้อความหรือการติดต่อที่น่าสงสัย ขอให้ติดต่อสอบถามกับ กฟภ. โดยตรงผ่านช่องทางต่อไปนี้เท่านั้น 1129 PEA Contact Center สำนักงานการไฟฟ้าส่วนภูมิภาคในพื้นที่

ชัวร์ก่อนแชร์ : 4 เหตุผลที่ควรเลิกดื่มน้ำอัดลมไม่มีน้ำตาล จริงหรือ ?

บนสื่อสังคมออนไลน์แชร์เตือน 4 เหตุผลที่ควรเลิกดื่มน้ำอัดลมไม่มีน้ำตาล มีทั้งทำให้ลำไส้แย่ลง เพิ่มอัตราภาวะหัวใจหยุดเต้น เสี่ยงไตบกพร่อง ฟันผุ กระดูกพรุน และกระดูกเสื่อมก่อนวัย จริงหรือ ? 🎯 ตรวจสอบข้อเท็จจริงและคำแนะนำจากผู้เชี่ยวชาญ อาจารย์ ดร.พิมพ์อร สุขแล้ว อาจารย์ประจำสาขาอาหาร โภชนาการ และการกำหนดอาหาร ภาควิชาคหกรรมศาสตร์ คณะเกษตร มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ น้ำอัดลมไม่มีน้ำตาล (Sugar Free)ใส่สารให้ความหวานที่ใช้แทนน้ำตาล (Artificial Sweetener Sugar Substitute) แต่ไม่ให้พลังงาน การศึกษาในมนุษย์ส่วนใหญ่เป็นการศึกษาระยะสั้นและยังไม่พบผลเสียที่น่ากังวล จึงยังมีการใช้สารให้ความหวานแทนน้ำตาลได้ แต่ต้องดูผลการศึกษาระยะยาวต่อไป เหตุผลข้อ 1 : สารให้ความหวานแทนน้ำตาล จะทำลายแบคทีเรียในลำไส้ของคนเรา ส่งผลให้สุขภาพลำไส้แย่ลงได้ เสี่ยงต่อภาวะการดื้ออินซูลิน เพิ่มความเสี่ยงเป็นเบาหวาน เรื่องนี้มีงานวิจัยจริง ๆ ว่าการกินสารให้ความหวานจะทำให้แบคทีเรียในลำไส้มีการเปลี่ยนแปลง ซึ่งบางอย่างอาจจะเปลี่ยนแปลงไปในทางที่ดี แต่บางอย่างอาจจะเปลี่ยนแปลงไปในทางที่ไม่ดี เช่น ซูคราโลส (Sucralose) และแซ็กคาริน (Saccharin) 2 ตัวนี้ มีรายงานว่าถ้าใช้ระยะยาวและปริมาณมากจะทำให้แบคทีเรียในลำไส้เพิ่มจำนวนตัวไม่ดีมากขึ้น แต่บางตัวก็เป็นผลดีไปเป็นพรีไบโอติก […]

ชัวร์ก่อนแชร์: ใช้ยา Statins ทำให้ปวดกล้ามเนื้อ จริงหรือ?

23 กันยายน 2568แปลและเรียบเรียงบทความ : อดิศร สุขสมอรรถตรวจทานและพิสูจน์อักษร : คมส์ธนนท์ ศุขอัจจะสกุล ข้อมูลน่าสงสัย : มีข้อมูลสร้างความเข้าใจผิดเกี่ยวกับ Statins ยาลดไขมันเพื่อป้องกันหลอดเลือดอุดตันเผยแพร่ในต่างประเทศ โดยอ้างว่าอาการข้างเคียงของยา Statins คืออาการปวดกล้ามเนื้อ กล้ามเนื้ออ่อนแรง หรือเป็นตะคริว บทสรุป : 1.1 ใน 10 ของผู้เริ่มใช้ยา Statins จะมีอาการปวดกล้ามเนื้อหรือกล้ามเนื้ออ่อนแรง2.แต่อาการปวดมักพบในผู้สูงวัย ซึ่งเป็นกลุ่มเดียวกับที่ใช้ยาเพื่อลดระดับคอเลสเตอรอล3.ภาวะกล้ามเนื้อลายสลายจากการใช้ยา Statins พบเพียง 1 ในล้าน สาเหตุจากการใช้ยาโดสสูงหรือใช้ร่วมกับยาชนิดอื่น ๆ4.อาการที่บ่งชี้ว่าการปวดกล้ามเนื้อมาจากยา Statins คือปวดหลังใช้ยาแล้วหลายสัปดาห์ หรือปวดในอวัยวะทั้ง 2 ข้าง FACT CHECK : ตรวจสอบข้อเท็จจริง : ข้อมูลจากเว็บไซต์คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยฮาร์เวิร์ด พบว่า 1 ใน 10 ของผู้เริ่มใช้ยา Statins จะมีอาการปวดกล้ามเนื้อหรือกล้ามเนื้ออ่อนแรง แต่อาการดังกล่าวมักพบในประชากรวัยกลางคนจนถึงผู้สูงอายุ ซึ่งเป็นกลุ่มเดียวกับประชากรที่จำเป็นต้องใช้ยาเพื่อลดระดับคอเลสเตอรอลในเลือดเช่นกัน […]

ชัวร์ก่อนแชร์: ใช้ยา Statins เสี่ยงตับอักเสบ จริงหรือ?

22 กันยายน 2568แปลและเรียบเรียงบทความ : อดิศร สุขสมอรรถตรวจทานและพิสูจน์อักษร : คมส์ธนนท์ ศุขอัจจะสกุล ข้อมูลน่าสงสัย : มีข้อมูลสร้างความเข้าใจผิดเกี่ยวกับ Statins ยาลดไขมันเพื่อป้องกันหลอดเลือดอุดตันเผยแพร่ในต่างประเทศ โดยอ้างว่าอาการข้างเคียงของยา Statins คือภาวะตับอักเสบ และผู้ใช้ต้องตรวจสอบการทำงานของตับอยู่เสมอ บทสรุป : 1.Statins ทำให้ปริมาณเอนไซม์ในตับเพิ่มขึ้น2.หากค่าเอนไซม์ตับเพิ่มขึ้นเล็กน้อย การใช้ยา Statins ยังมีความปลอดภัย3.หากค่าเอนไซม์ตับเพิ่มขึ้นสูงมาก อาจต้องปรึกษาแพทย์เพื่อทำการลดขนาดยาหรือเปลี่ยนยา4.ผู้ใช้ยา Statins ไม่จำเป็นต้องตรวจการทำงานของตับเป็นประจำ5.การใช้ยา Statins มีประโยชน์ต่อผู้ป่วยไขมันพอกตับ FACT CHECK : ตรวจสอบข้อเท็จจริง : เนื่องจากการทำงานของยา Statins มีการพุ่งเป้าไปที่เซลล์ตับ ทำให้ผู้ใช้ยาบางรายอาจมีปริมาณเอนไซม์ในตับเพิ่มขึ้น ซึ่งเป็นการบ่งบอกความอักเสบของตับ หากค่าเอนไซม์ตับเพิ่มขึ้นเล็กน้อย การใช้ยา Statins ยังมีความปลอดภัย แต่หากค่าเอนไซม์ตับเพิ่มขึ้นสูงมาก อาจต้องปรึกษาแพทย์เพื่อทำการลดขนาดยาหรือเปลี่ยนยา แต่เดิมมีการแนะนำให้ผู้ใช้ยา Statins ตรวจการทำงานของตับแบบ LFT เพื่อประเมินสุขภาพและประสิทธิภาพการทำงานของตับอย่างต่อเนื่อง แต่ในปี 2012 องค์การอาหารและยาสหรัฐอเมริกา (FDA) […]

ชัวร์ก่อนแชร์: ยา Statins เพิ่มความเสี่ยงเบาหวาน จริงหรือ?

20 กันยายน 2568แปลและเรียบเรียงบทความ : อดิศร สุขสมอรรถตรวจทานและพิสูจน์อักษร : คมส์ธนนท์ ศุขอัจจะสกุล ข้อมูลน่าสงสัย : มีข้อมูลเท็จเกี่ยวกับ Statins ยาลดไขมันเพื่อป้องกันหลอดเลือดอุดตันเผยแพร่ในต่างประเทศ เมื่อมีการอ้างว่ายา Statins นอกจากไม่มีประโยชน์ ยังทำให้ผู้ใช้มีความเสี่ยงเป็นเบาหวานมากขึ้น บทสรุป : 1.Statins ทำให้น้ำตาลในเลือดสูงขึ้น2.แต่ผู้ใช้ Statins ที่ป่วยเป็นเบาหวาน มักใช้ยาโดสสูงหรือมีภาวะก่อนเป็นเบาหวานอยู่แล้ว3.ผู้ป่วยโรคเบาหวานหรือมีภาวะก่อนเป็นเบาหวานมีความเสี่ยงเป็นโรคหลอดเลือดหัวใจมากกว่าคนทั่วไป4.Statins มีประโยชน์ในการป้องกันโรคหลอดเลือดหัวใจมากกว่าความเสี่ยงโรคเบาหวาน FACT CHECK : ตรวจสอบข้อเท็จจริง : ประโยชน์ของยา Statins ยา Statins เป็นกลุ่มยาที่ใช้ลดระดับคอเลสเตอรอลในเลือด ช่วยลดระดับคอเลสเตอรอลชนิดไม่ดี (LDL) ลดระดับไตรกลีเซอไรด์ และช่วยเพิ่มระดับคอเลสเตอรอลชนิดดี (HDL) แม้คอเลสเตอรอลจะมีความสำคัญต่อร่างกาย ทั้งการผลิตฮอร์โมนและวิตามินดี แต่คอเลสเตอรอลในเลือดที่มากเกินไปจะนำไปสู่การสะสมคราบไขมันหรือพลัคที่ผนังหลอดเลือด ทำให้หลอดเลือดแดงอุดตันและนำไปสู่โรคหลอดเลือดแดงแข็งในระยะยาว เมื่อคราบพลัคหลุดออกอาจจะไปอุดตันหลอดเลือดตามอวัยวะสำคัญต่าง ๆ นำไปสู่โรคร้ายแรง เช่น โรคหลอดเลือดหัวใจและโรคหลอดเลือดสมอง ยา Statins มีหน้าที่ลดการผลิตเอนไซม์ที่ใช้สังเคราะห์คอเลสเตอรอลในตับ และเพิ่มการสร้างโปรตีนตัวรับคอเลสเตอรอล LDL […]

ชัวร์ก่อนแชร์ : สมุนไพรบำรุง เลือดลม ผิวพรรณ และระบบไขมัน จริงหรือ ?

บทความนี้เรียบเรียงโดยเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ (Artificial Intelligence : AI) โดยมีเนื้อหาหลักจากคลิปวิดีโอ 18 กันยายน 2568 ตามที่มีการแชร์คำแนะนำ แนะนำให้กินสมุนไพรในตำรายาจีน เช่น รากและใบกุ้ยช่าย เผือก ขิง กินแล้วจะช่วยบำรุงร่างกาย เลือดลม ผิวพรรณ และระบบไขมันได้นั้น บทสรุป : แชร์ได้ อธิบายเพิ่ม ศูนย์ชัวร์ก่อนแชร์ ตรวจสอบกับ อาจารย์แพทย์จีน วีรชัย สุทธิธารธวัช คณะการแพทย์แผนจีน มหาวิทยาลัยหัวเฉียวเฉลิมพระเกียรติ (สัมภาษณ์เมื่อ 19 มิถุนายน 2568) หลักการพื้นฐานของ “อาหารเป็นยา” ในศาสตร์การแพทย์จีน ผู้เชี่ยวชาญได้ให้หลักการสำคัญไว้ว่า อาหารหลายชนิดในศาสตร์การแพทย์จีนนั้นมีฤทธิ์เป็นยาและสามารถช่วยบำบัดโรคได้จริง อย่างไรก็ตาม ฤทธิ์ของมันจะอยู่ในระดับ “อ่อน ๆ” เพราะหากมีฤทธิ์รุนแรงก็จะถูกจัดเป็นยา ไม่ใช่อาหารอีกต่อไป ดังนั้น เราจึงไม่ควรคาดหวังว่าการกินอาหารสมุนไพรเหล่านี้จะสามารถรักษาโรคให้หายขาดได้ 100% หรือเห็นผลอย่างรวดเร็ว 8 เรื่องที่แชร์มายอดฮิตเกี่ยวกับสมุนไพรจีน 1. แครอท ลดความดันและไขมันได้อย่างน่าอัศจรรย์ จริงหรือ ? […]

1 2 3 169
...