กรุงเทพฯ 18 ส.ค. ดีป้าเปิดแผนปี 2564 เดินหน้าโครงการรับโลกยุค 5G นายณัฐพล นิมมานพัชรินทร์ ผู้อำนวยการใหญ่ สำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจดิจิทัล (ดีป้า) กล่าวว่า ดีป้าได้รับการจัดสรรงบประมาณปี 2564 อยู่ที่ 1,080 ล้านบาท ซึ่งเป็นตัวเลขใกล้เคียงกันกับปีก่อน แต่ที่เห็นว่าตัวเลขลดลงนั้น เนื่องจากได้ขอขยายการรับงบประมาณในการก่อสร้างอาคารที่ 4 และ 5 ของโครงการไทยแลนด์ดิจิทัลวัลเลย์บนพื้นที่อีอีซีดี อ.ศรีราชา จ.ชลบุรีออกไปจัดสรรในปีงบประมาณ 2565 ประมาณอาคารละ 800 ล้านบาท แทน เพื่อให้รัฐบาลนำเงินไปจัดสรรในสิ่งที่จำเป็นก่อน สำหรับงบประมาณปี 2564 ที่ได้รับมาจะเน้นทำโครงการหลักที่สำคัญ ได้แก่ โครงการดิจิทัล สตาร์ท อัป ในการสนับสนุนให้ประะทศไทยมีสตาร์ท อัป ระดับซีรีส์ เอ หรือกลายเป็นยูนิคอร์นของประเทศไทยให้ได้ภายในปี 2564 ,โครงการจัดอบรมด้านโรโบติก มีการจัดหลักสูตรร่วมกับสถาบันต่างๆสร้างความรู้เกี่ยวกับ โดรน,เอไอ กับกลุ่มสถาบันอาชีวศึกษา โรงงาน และโรงแรม เป็นต้น, การทำโครงการสมาร์ท ซิตี้ ใน 26 จังหวัด “รวมถึงการการสร้างมาตรฐานสำหรับอุปกรณ์ ไอโอที ที่ผลิตโดยนักพัฒนาและผู้ประกอบการในประเทศ อาทิ กล้องวงจร ปิดโดยมีจุดประสงค์เพื่อสร้างมาตรฐานที่จะเป็นแนวทางที่ผู้ผลิตอุปกรณ์สามารถยกระดับการพัฒนาและการผลิตให้สามารถนำออกให้บริการกับประชาชนได้อย่างมั่นใจและเป็นมาตรฐานสากล ทำให้สินค้าระดับคอนซูเมอร์มีมาตรฐานเดียวกันภายใต้ชื่อ DSure (ดีชัวร์) ที่มาจากคำว่า Digital Sure” นายณัฐพล กล่าว นายณัฐพล กล่าวว่า ผู้บริโภคในประเทศจะมีความมั่นใจในการเลือกใช้อุปกรณ์ที่ผลิตโดยคนไทย มีมาตรฐานและการรับรองที่ถูกต้อง ซึ่งจะเป็นทางการเลือกในการใช้เทคโนโลยีที่ผลิตขึ้นเองไม่จำเป็นต้องซื้ออุปกรณ์ที่ผลิตจากต่างประเทศที่มีราคาสูงกล่าว หรือถูกเกินไปจนไม่น่าไว้วางใจ ทั้งนี้มาตรฐานที่ดีป้าจะพัฒนาขึ้น เป็นมาตรฐานที่ยึดเอาความสมัครใจและการรับรองตามหลักวิชาการ ไม่ใช่มาตรฐานตามกฎหมาย ดังนั้นจึงไม่บังคับให้ผู้ประกอบการทั้งในหรือต่างประเทศจะต้องได้รับมาตรฐานนี้ สำหรับความคืบหน้าในการสร้างโครงการไทยแลนด์ ดิจิทัล วัลเล่ย์ งบประมาณ กว่า 3,000 ล้านบาท บนพื้นที่ 30 ไร่ ในอีอีซีดีนั้น ขณะนี้อาคารแรก งบประมาณ 48 ล้านบาท พื้นที่ 1,500 ตารางเมตร สำหรับบริษัทที่สนใจเช่าเป็นสาขา ได้ดำเนินการสร้างเสร็จสิ้นแล้ว และมีผู้เข้าจองพื้นที่เป็นสตาร์ท อัป เต็มพื้นที่แล้ว ขณะที่ยังคงเหลือบริษัทที่รอการเช่าอีก 10 บริษัท ซึ่งคาดว่าจะมาใช้อาคารที่สองในพื้นที่ 45,000 ตารางเมตร งบประมาณ 168 ล้านบาท คาดว่าจะเสร็จภายในเดือน ก.ค. 2564 ซึ่งเปิดพื้นที่ในการทำงาน ทดลองทดสอบทั้งเทคโนโลยีเอไอ และ บลอคเชน ส่วนตึกที่ 3 งบประมาณ 1,300 ล้านบาท พื้นที่ 40,000 ตารางเมตร อยู่ระหว่างการเปิดประมูลหาผู้รับเหมาก่อสร้าง ขณะที่ดีป้าจะเริ่มโรดโชว์ให้ต่างประเทศเข้ามาลงทุน โดยเฉพาะการเป็นแลปในการพัฒนาแอปพลิเคชัน 5Gให้มีสินค้าออกสู่ตลาด ไม่ว่าจะเป็น เทคโนโลยีวีอาร์ หรือ เออาร์ ตลอดจนบริษัทดิจิทัล คอนเท็นต์ มาใข้สำนักงานในประเทศไทยด้วย เป็นต้น ทั้งนี้ประเทศไทยต้องแข่งขันดึงนักลงทุนต่างชาติกับประเทศเวียดนาม และ มาเลเซีย ให้ได้ ดังนั้นประเทศไทยจะสู้ได้ก็ต้องมีการพัฒนาบุคลากรมารองรับงานดิจิทัลที่คาดว่าจะมีความต้องการสูงขึ้นด้วย ขณะที่อาคารที่ 4 และ 5 จะเริ่มก่อสร้างภายในปี2565 ด้วยงบประมาณอาคารละ 800 ล้านบาท พื้นที่อาคารละ 20,000 ตารางเมตร โดยอาคารที่ 4 เป็น Digital Edutainment Centre มีพื้นที่ให้ทดสอบทดลองและจัดกิจกรรม ส่วนอาคารที่ 5 เป็น Digital Go Glebal Centre เป็นพื้นที่รองรับดิจิทัลสตาร์ท อัป และเป็นสำนักงานและมีพื้นที่ โค เวิร์กกิ้ง สเปซ และพื้นที่สำหรับจัดกิจกรรม-สำนักข่าวไทย.