กรุงเทพฯ 18 ส.ค. การ์ทเนอร์คาดมูลค่าใช้จ่ายไอทีของธุรกิจธนาคารและบริษัทหลักทรัพย์ร้อยละ 4.7 แต่จะฟื้นในปี 2564
นายเจฟฟ์ เคซี่ย์ นักวิเคราะห์อาวุโสของการ์ทเนอร์ กล่าวว่า โควิด-19 เป็นสาเหตุที่ส่งผลให้มูลค่าการใช้จ่ายด้านไอทีในแวดวงธนาคารและหลักทรัพย์เกิดความผันผวน แม้ไอทียังเป็นตัวกำหนดวิธีการทำธุรกรรมของลูกค้าต่อสถาบันการเงินให้เปลี่ยนแปลงตามไปด้วย บริษัทเหล่านี้ยังต้องเดินหน้าให้บริการและตอบสนองความต้องการใหม่ และด้วยมาตรการปรับตัวให้พนักงานทำงานผ่านระบบทางไกล ในระยะเริ่มแรกของการแพร่ระบาด ธนาคารได้ให้ความสำคัญกับการใช้จ่ายด้านเทคโนโลยีใน 4 ประเด็นสำคัญ คือ การดำเนินงานเพื่อเข้าถึงบริการพื้นฐานได้อย่างต่อเนื่อง ซัพพลายเชน เพื่อตอบสนองความต้องการซัพพลายเออร์และลูกค้ารายใหม่ รายได้ เพื่อให้ธุรกิจสามารถดำเนินงานต่อไปได้ และแรงงาน (ฝเพื่อสนับสนุนให้พนักงานทำงานจากระยะไกลท่ามกลางสถานการณ์การหยุดชะงัก
การ์ทเนอร์คาดการณ์ว่าการใช้จ่ายด้านเทคโนโลยีในอุตสาหกรรมธนาคารและบริษัทหลักทรัพย์จะกลับมาพลิกฟื้นในช่วงปี 2564 ด้วยอัตราการเติบโตที่ร้อยละ 6.6 ทั่วโลก ด้วยความเข้าใจเกี่ยวกับผลกระทบของโควิด-19 ตอนนี้ธนาคารและบริษัทหลักทรัพย์ต่างกำลังเร่งผลักดันและริเริ่มการใช้ระบบอัตโนมัติ เช่น แชทบอทสื่อสารกับลูกค้า กระบวนการอัตโนมัติด้วยหุ่นยนต์ (RPA) และโซลูชันการสร้างบัญชีแบบ end-to-end นอกจากนี้ยังมุ่งเน้นไปที่การออกแบบโครงสร้างองค์กรและขั้นตอนการทำงาน รวมถึงการหันมาจัดลำดับความสำคัญของการสร้างสรรค์สิ่งใหม่ที่ทันสมัย
การ์ทเนอร์เชื่อว่า ภาวะดังกล่าวนี้จะกินเวลาช่วงสั้น ๆ เท่านั้น เนื่องจากธนาคารต่างเริ่มปรับตัวตอบสนองต่อผลของการหยุดชะงักจากโควิด-19 การใช้จ่ายด้านบริการไอทีจะเริ่มกลับมาดีดตัวสูงขึ้น เพราะธนาคารต่าง ๆ กำลังเร่งผลักดันและปรับปรุงเทคโนโลยีการให้บริการให้ทันสมัยขึ้นในปีหน้า ด้วยความสามารถของการสร้างมูลค่าให้กับบริการและที่มาของรายได้แหล่งใหม่จะเป็นปัจจัยสำคัญเพื่อสร้างความสำเร็จระยะยาว-สำนักข่าวไทย.