ไต้หวันพบติดโควิดในชุมชนอีก 7 ราย

ไทเป 11 พ.ค.- ศูนย์ควบคุมการระบาดกลางไต้หวันแจ้งวันนี้ว่า พบผู้ติดโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือโควิด-19 ในชุมชนอีก 7 ราย โดยทราบต้นตอการติดเชื้อเพียงรายเดียว ผู้ติดเชื้อ 5 ราย อยู่ในร้านเกมแห่งหนึ่งในเทศมณฑลอี๋หลาน ทางตะวันออกเฉียงเหนือของไต้หวัน ผู้ติดเชื้อรายที่ 6 อยู่ในเมืองนิวไทเป ชานกรุงไทเป ทั้งหมดไม่มีประวัติเดินทางไปต่างประเทศ เจ้าหน้าที่สาธารณสุขกำลังตรวจสอบที่มาของการติดเชื้อ ส่วนผู้ติดเชื้อรายที่ 7 อยู่ระหว่างการกักโรค มีประวัติสัมผัสผู้ติดเชื้อเป็นกลุ่มก้อนที่พบในช่วงหลายสัปดาห์มานี้ หลังจากนักบินสายการบินแอร์ไชนากลุ่มหนึ่งมีผลตรวจหาเชื้อเป็นบวก จนถึงขณะนี้ไต้หวันพบผู้ติดเชื้อในชุมชนแล้วกว่า 30 คน ทางการจะห้ามการรวมกลุ่มเกิน 100 คน ในสถานที่ปิด และเกิน 500 คนในสถานที่กลางแจ้ง ที่ผ่านมาไต้หวันควบคุมการระบาดได้ดีด้วยการเข้มงวดพรมแดน และบังคับคนเข้าไต้หวันต้องกักโรค 14 วัน ยอดผู้ติดเชื้อสะสมอยู่ที่ 1,210 คน ส่วนใหญ่มาจากต่างประเทศ ยอดเสียชีวิตที่ 12 คน.-สำนักข่าวไทย

WHO ประกาศให้โควิดสายพันธุ์อินเดีย “น่ากังวล”

เจนีวา/เบงกาลูรู 11 พ.ค. – องค์การอนามัยโลก (WHO) ประกาศให้เชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือโควิด-19 สายพันธุ์ที่พบการระบาดครั้งแรกในอินเดีย เป็นสายพันธุ์ที่น่ากังวลระดับโลก ขณะที่สถานการณ์ระบาดของโรคโควิด-19 ในอินเดียมีแนวโน้มลดลงเพียงเล็กน้อย หัวหน้าฝ่ายเทคนิคด้านโรคโควิด-19 ขององค์การอนามัยโลกได้ประกาศให้เชื้อไวรัสโคโรนาที่พบการระบาดครั้งแรกในอินเดียเมื่อปีก่อนเป็นสายพันธุ์ที่น่ากังวลระดับโลก และระบุว่า ผลการศึกษาเบื้องต้นส่วนหนึ่งชี้ว่าเชื้อไวรัสดังกล่าวแพร่ระบาดได้ง่ายขึ้น ขณะที่ประเทศทั่วโลกได้ส่งถังออกซิเจนและอุปกรณ์ทางการแพทย์อื่น ๆ เพื่อช่วยเหลืออินเดียที่กำลังเผชิญกับการระบาดครั้งรุนแรง อย่างไรก็ดี โรงพยาบาลหลายแห่งทั่วประเทศยังคงประสบปัญหาขาดแคลนเครื่องมือแพทย์ในการช่วยชีวิตผู้ป่วยติดเชื้อ ในขณะเดียวกัน กระทรวงสาธารณสุขของอินเดียรายงานว่า พบผู้ป่วยติดเชื้อรายใหม่ 329,942 คน และมีผู้เสียชีวิตเพิ่มขึ้น 3,876 คน ทำให้มียอดผู้ป่วยติดเชื้อสะสมกว่า 22.99 ล้านคน และผู้เสียชีวิตทั้งหมดกว่า 249,900 คน ขณะนี้ อินเดียยังคงมีอัตราผู้เสียชีวิตรายวันสูงสุดในโลก คิดเป็น 1 ใน 3 ของผู้เสียชีวิตทั่วโลกในแต่ละวัน และมีอัตราผู้ป่วยติดเชื้อรายใหม่ในรอบสัปดาห์ที่ผ่านมาโดยเฉลี่ยสูงสุดที่วันละ 390,995 คน. -สำนักข่าวไทย

ติดเชื้อยังสูง 1,919 ราย เสียชีวิตพุ่ง 31 คน

ศบค. เผยพบผู้ติดเชื้อรายใหม่ 1,919 ราย ตาย 31 กทม.พบผู้เสียชีวิตมากสุด 86% มีโรคประจำตัว ขณะที่ 17 จังหวัดที่ไม่มีรายงานการพบผู้ป่วยรายใหม่

ดีเอสไอ จับตาเฟคนิวส์วัคซีนโควิด

สำนักข่าวไทย 11 พ.ค.- ดีเอสไอ จับตาเฟคนิวส์วัคซีนโควิด สั่งรวบรวมข้อมูลส่งดีอีเอส และ ปอท. ภายหลังที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ(ดีเอสไอ) ตั้งศูนย์สืบสวนต่อต้านข่าวสารอันเป็นเท็จในสถานการณ์การแพร่ระบาดไวรัสโคโรนา (COVID-19 ) หรือเฟคนิวส์ พ.ต.ท.กรวัชร์ ปานประภากร อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ เปิดเผยว่า ขณะนี้มีเฟคนิวส์ที่เกี่ยวกับวัคซีนโควิดจำนวนมาก จึงได้สั่งการให้ พ.ต.ท.สุภัทธ์ ธรรมธนารักษ์ รองอธิบดีดีเอสไอ ในฐานะหัวหน้าศูนย์ดังกล่าวเร่งรวบรวมข้อมูลข่าวปลอมที่เคลื่อนไหวอยู่ และเพื่อระงับความเสียหายอย่างเร็ว โดยให้ส่งข้อมูลให้กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอีเอส) เพื่อเร่งชี้แจงประชาชนให้รู้ว่าข่าวไหนข่าวปลอม และข้อมูลที่แท้จริงเป็นอย่างไร ทั้งนี้ กรณีเฟคนิวส์ ปกติไม่ได้เป็นคดีพิเศษ แต่การทำงานของศูนย์นี้ จะตรวจสอบทั้งภาพรวมว่า มีขบวนการกลุ่มใดอยู่เบื้องหลังบ้าง ซึ่งหากพบขบวนการชัดเจนใช้ข้อมูลเท็จจนมำให้สังคมเข้าใจผิดและกระทบกับ ความมั่นคง ก็จะขยายผลให้เป็นคดีพิเศษได้ อธิบดีดีเอสไอ กล่าวอีกว่า หากพนักงานสอบสวนมีพยานหลักฐานเพิ่มเติมกับเฟคนิวส์ใดก็จะส่งข้อมูลความเชื่อมโยงของกลุ่มที่บิดเบือนข้อมูลความเป็นจริงในเรื่อง โควิด-19 ให้กับ กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (บก.ปอท.) ดำเนินการตามกรอบกฏหมายด้วยทันที.-สำนักข่าวไทย

มาเลเซียประกาศล็อกดาวน์ทั่วประเทศสกัดโควิด

กัวลาลัมเปอร์ 11 พ.ค. – มาเลเซียประกาศใช้มาตรการล็อกดาวน์ทั่วประเทศครั้งใหม่ ในขณะที่กำลังเผชิญกับยอดผู้ป่วยโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือโควิด-19 ที่พุ่งสูงขึ้น และการระบาดรุนแรงของเชื้อโควิดกลายพันธุ์ที่แพร่เชื้อได้อย่างรวดเร็ว นายกรัฐมนตรีมูห์ยิดดิน ยัสซิน ของมาเลเซียระบุในแถลงการณ์ว่า รัฐบาลจะห้ามการเดินทางระหว่างรัฐและเขตทั้งหมดตั้งแต่วันจันทร์ ห้ามการรวมตัวของประชาชน สั่งปิดการเรียนในสถาบันการศึกษาต่าง ๆ แต่จะยกเว้นให้ภาคธุรกิจดำเนินกิจการต่อไปได้ โดยไม่ได้ระบุถึงเหตุผลที่ทำเช่นนั้น เขายังระบุเพิ่มเติมว่า มาเลเซียกำลังเผชิญกับการระบาดระลอกที่สามที่อาจทำให้เกิดวิกฤตระดับชาติ มาตรการล็อกดาวน์ครั้งนี้จะมีผลบังคับใช้ไปจนถึงวันที่ 7 มิถุนายน การใช้มาตรการดังกล่าวมีความจำเป็น เนื่องจากมาเลเซียมีอัตราผู้ป่วยติดเชื้อโควิดที่ปรับปรุงสายพันธุ์ใหม่เพิ่มสูงขึ้น และทำให้ระบบสาธารณสุขเผชิญกับภาวะตึงตัวมากขึ้นเรื่อย ๆ ก่อนหน้านี้ มาเลเซียพบยอดผู้ป่วยติดเชื้อพุ่งสูงขึ้นในช่วงไม่กี่สัปดาห์ที่ผ่านมา โดยที่เมื่อวานนี้พบผู้ป่วยติดเชื้อสูงถึง 3,807 คน ขณะนี้ มาเลเซียมียอดผู้ป่วยติดเชื้อสะสมกว่า 444,400 คน และผู้เสียชีวิตราว 1,700 คน ทั้งนี้ มาเลเซียยังคงอยู่ภายใต้ประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินที่นายมูห์ยิดดินประกาศใช้ตั้งแต่เดือนมกราคมที่ผ่านมา เพื่อควบคุมการระบาดของโรคโควิด-19. -สำนักข่าวไทย

3 หมอใหญ่ แนะร่วมฉีดวัคซีนหยุดโควิด

คณบดี 3 สถาบันแพทย์ ศิริราช-จุฬาฯ-รามาฯ วอนประชาชนเข้าใจสถานการณ์โควิด แจงรายงานรับภาระงานแพทย์ล้นมือ แนวโน้มอัตราการเสียชีวิตเพิ่มขึ้น 1 ใน4 ของผู้ป่วยหนักหรือประมาณ 80-100 คน พร้อมรับอัตราการติดเชื้อรุนแรง 15 เท่า ย้ำการฉีดวัคซีนเป็นอาวุธหยุดโรค

ญี่ปุ่นพบผู้เสียชีวิตจากโควิดเพิ่มขึ้นระหว่างรอเตียง

ผู้ป่วยโรคโควิด-19 ในจังหวัดโอซากาของญี่ปุ่นเสียชีวิต 18 รายในระหว่างกำลังรอเตียงผู้ป่วยในโรงพยาบาล ขณะที่รัฐบาลท้องถิ่นเรียกร้องให้รัฐบาลญี่ปุ่นใช้มาตรการเข้มงวดขึ้น เพื่อควบคุมการระบาดระลอกที่สี่ ก่อนเปิดฉากการแข่งขันโตเกียวโอลิมปิกในเดือนกรกฎาคมนี้

ฟิลิปปินส์พบผู้ติดโควิดสายพันธุ์อินเดีย 2 รายแรก

มะนิลา 11 พ.ค.- กระทรวงสาธารณสุขฟิลิปปินส์แจ้งว่า พบผู้ติดเชื้อโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือโควิด-19 สายพันธุ์ที่พบในอินเดีย 2 รายแรกของประเทศ เป็นชาวฟิลิปปินส์ที่เดินทางกลับมาจากต่างประเทศ ผู้อำนวยการสำนักงานโรคระบาด กระทรวงสาธารณสุขฟิลิปปินส์แถลงวันนี้ว่า พบไวรัสสายพันธุ์ B.1.617 ที่องค์การอนามัยโลกเตือนว่า เป็นความกังวลของโลก เนื่องจากมีผลการศึกษาเบื้องต้นชี้ว่า สามารถแพร่ได้อย่างรวดเร็ว โดยพบในลูกเรือเดินทะเลชาวฟิลิปปินส์ที่กลับมาจากสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์และโอมานเมื่อเดือนเมษายน ทั้งคู่ถูกกักโรคและรับการรักษาจนอาการดีขึ้นแล้ว ทางการจำเป็นต้องเฝ้าระวังอย่างต่อเนื่องว่ามีไวรัสสายพันธุ์อื่น ๆ ในประเทศอีกหรือไม่ และเฝ้าระวังว่า สายพันธุ์ที่พบแล้วมีการแพร่ระบาดหรือไม่ ฟิลิปปินส์เคยพบผู้ติดเชื้อสายพันธุ์ที่พบในอังกฤษและสายพันธุ์ที่พบในแอฟริกาใต้มาแล้ว รวมทั้งสายพันธุ์ในฟิลิปปินส์เอง ฟิลิปปินส์มีผู้ติดเชื้อโรคโควิด-19 สะสมกว่า 1.1 ล้านคน เสียชีวิตกว่า 18,500 คน มากเป็นอันดับสองของเอเชียตะวันออกเฉียงใต้รองจากอินโดนีเซีย ขณะที่อินโดนีเซีย มาเลเซีย และไทยพบผู้ติดเชื้อสายพันธุ์อินเดียรายแรกในเดือนนี้.-สำนักข่าวไทย

ศธ.พบผู้ติดเชื้อโควิดเพิ่มอีก 3 ราย

ศธ.11 พ.ค.-กระทรวงศึกษาฯ เผยข้อมูลผู้ติดเชื้อโควิด-19 ณ ขณะนี้รวม 30 ราย โดยวันนี้พบเพิ่มอีก 3 ราย ทวิตเตอร์ ศธ.360 องศา เผยแพร่ข้อมูล 11 พฤษภาคม 2564 (เวลา 10.30 น.) พบผู้ติดเชื้อโควิด-19 ที่ปฏิบัติงานในกระทรวงศึกษาธิการ(ศธ.) เพิ่ม 3 ราย คือลูกจ้างชั่วคราว สำนักบริหารทรัพย์สิน สกสค. (เพศชาย) ,ลูกจ้างชั่วคราว สำนัก ช.พ.ค.-ช.พ.ส.(เพศชาย) และแม่บ้าน ชั้น 9 อาคารรัชมังคลาภิเษก 2 สถาบันวิทยาลัยชุมชน (เพศหญิง) สรุปสถานการณ์ขณะนี้จำนวนผู้ติดเชื้อโควิด-19 ที่ทำงานใน ศธ. รวมทั้งสิ้น 30 ราย แยกเป็นเพศหญิง 21 ราย เพศชาย 9 ราย (เสียชีวิต 1 ราย ออกจากโรงพยาบาลแล้ว […]

แพทย์อินเดียเตือนใช้มูลวัวรักษาโควิดเสี่ยงติดโรคเพิ่ม

อาห์เมดาบัด 11 พ.ค. – แพทย์อินเดียออกโรงเตือนผู้ที่เชื่อว่ามูลวัวรักษาโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือโควิด-19 ได้ โดยระบุว่ายังไม่มีหลักฐานทางวิทยาศาสตร์ที่ยืนยันถึงประสิทธิภาพดังกล่าว และเสี่ยงต่อการแพร่กระจายโรคอื่น ผู้นับถือศาสนาฮินดูในรัฐคุชราต ทางตะวันตกของอินเดีย ต่างพากันเดินทางไปยังคอกวัวสัปดาห์ละครั้ง เพื่อนำมูลและปัสสาวะของวัวมาทาตัว โดยเชื่อว่ามูลวัวจะช่วยกระตุ้นภูมิคุ้มกันหรือรักษาอาการป่วยจากโรคโควิด เนื่องจากศาสนาฮินดูถือว่าวัวเป็นสัญลักษณ์อันศักดิ์สิทธิ์ของชีวิตและโลก โดยจะรอให้มูลและปัสสาวะของวัวที่ทาบนร่างกายแห้ง จึงจะเข้าไปกอดหรือแสดงความเคารพต่อวัวในคอก รวมถึงฝึกโยคะเพื่อเพิ่มระดับพลังงานในร่างกาย หลังจากนั้น พวกเขาจะชำระล้างร่างกายด้วยนมวัว ทั้งนี้ ชาวฮินดูใช้มูลวัวมาทำความสะอาดบ้านเรือนและประกอบพิธีสวดมนต์มาเป็นเวลาหลายร้อยปี โดยเชื่อว่ามูลวัวมีคุณสมบัติในการรักษาโรคและฆ่าเชื้อโรคได้ อย่างไรก็ดี แพทย์และนักวิทยาศาสตร์ในอินเดียและหลายประเทศทั่วโลกได้ย้ำเตือนถึงทางเลือกในการรักษาโรคโควิด-19 ดังกล่าวว่า อาจก่อให้เกิดความเข้าใจผิดด้านความปลอดภัยและทำให้เกิดปัญหาสุขภาพที่ซับซ้อนยิ่งขึ้น ประธานสมาคมแพทย์อินเดียระบุว่า ยังไม่มีหลักฐานทางวิทยาศาสตร์อย่างเป็นรูปธรรมที่ยืนยันว่ามูลหรือปัสสาวะของวัวช่วยกระตุ้นภูมิคุ้มกันโรคโควิด-19 แต่เป็นเพียงความเชื่อส่วนบุคคลเท่านั้น นอกจากนี้ การทาและบริโภคมูลหรือปัสสาวะของวัวยังทำให้เกิดความเสี่ยงด้านสุขภาพ และทำให้เกิดการแพร่กระจายโรคอื่น ๆ จากสัตว์มาสู่คนอีกด้วย. -สำนักข่าวไทย

1 369 370 371 372 373 1,427
...