พิษโควิด-19 คนแห่ฝากเงินสูงสุดในรอบ 12 ปี

กรุงเทพฯ 24 ส.ค. – สถาบันคุ้มครองเงินฝากเผยสถิติคนแห่ฝากเงิน 6 เดือน รวม 80 ล้านราย วงเงิน 14.67 ล้านล้านบาท พุ่งขึ้นถึงร้อยละ 8 สูงสุดในรอบ 12 ปี เพื่อสำรองไว้ใช้จ่ายในอนาคต เพราะไม่มั่นใจในภาวะเศรษฐกิจจากพิษโควิด-19 และโยกมาฝากเงิน เพื่อความปลอดภัย มั่นคงสูง


นายทรงพล ชีวะปัญญาโรจน์ ผู้อำนวยการ สถาบันคุ้มครองเงินฝาก (สคฝ.) หรือ DPA กล่าวว่า จากการแพร่ระบาดของโควิด-19 ส่งผลกระทบต่อระบบเศรษฐกิจ ทำให้คนระมัดระวังการใช้จ่ายมากขึ้น และเก็บสภาพคล่อง ออมเงินเพื่อสำรองการใช้จ่ายในอนาคต เพราะกังวลในภาวะเศรษฐกิจที่ปรับตัวลง ประกอบกับความผันผวนในตลาดการเงิน ตลาดทุน ทำให้ผลตอบแทนลดลง นักลงทุนจึงโยกย้ายเงินลงทุนมาเข้าเงินฝากมากขึ้น เพื่อความปลอดภัย ส่งผลให้ครึ่งปี 2563 ระหว่างเดือนมกราคมถึงมิถุนายน พบว่า ประเทศไทยมีจำนวนผู้ฝากในระบบสถาบันการเงินภายใต้ความคุ้มครองของ สคฝ. รวม 80.82 ล้านราย โดยเพิ่มขึ้นร้อยละ 1.38 หรือประมาณ 1.1 ล้านราย และจำนวนเงินฝากที่ได้รับความคุ้มครอง มีจำนวนทั้งสิ้น 14.67 ล้านล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 8.12 เมื่อเทียบกับข้อมูล ณ สิ้นปี 2562  และสูงสุดในรอบ 12 ปี ตั้งแต่มีการจัดตั้งสถาบันคุ้มครองเงินฝากเมื่อปี 2551 โดยกว่าร้อยละ 98 เป็นผู้ฝากรายย่อยมีเงินฝากไม่เกิน 1 ล้านบาท

จากข้อมูลสถิติการฝากเงินในสถาบันการเงินภายใต้กฎหมายว่าด้วยการคุ้มครองเงินฝาก จากข้อมูลพบว่า ปัจจุบันปริมาณเงินฝากมีสัดส่วนเพิ่มขึ้นในกลุ่มผู้ฝากเกือบทุกกลุ่ม โดยปริมาณเงินฝากเพิ่มขึ้นสูงสุดในกลุ่มผู้ฝากบุคคลธรรมดา และผู้ฝากภาคธุรกิจ องค์กรภาครัฐ และกองทุนต่าง ๆ อีกทั้งมีการขยายตัวทุกระดับวงเงินฝาก โดยเกือบครึ่งเป็นการเพิ่มขึ้นของเงินฝากในระดับเงินฝากวงเงินสูงกว่า 25 ล้านบาท หากดูข้อมูลย้อนหลัง 3 ปี ระหว่างปี 2560 – 2562 จำนวนเงินฝากที่ได้รับความคุ้มครองเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง ปี 2560 จำนวน 12.54 ล้านล้านบาท  ปี 2561 จำนวน 13.02 ล้านล้านบาท และปี 2562 จำนวน 13.56 ล้านล้านบาท 


นายทรงพล กล่าวว่า ยังต้องติดตามสถานการณ์เงินฝากไตรมาส 3 และ 4 ปีนี้ว่าจะมีการปรับเปลี่ยนอย่างไร ซึ่งตามปกติอัตราการเติบโตของเงินฝากเฉลี่ยเติบโตประมาณร้อยละ 4-6 แต่ในครึ่งปีแรกโตถึงร้อยละ 8 แต่ว่าเชื่อว่าจะไม่เปลี่ยนแปลงมากนัก เพราะประชาชนยังระวังการใช้จ่าย แต่อาจมีบางส่วนที่มีการลดเงินฝากเพื่อไปลงทุนในทองคำมากขึ้น เพราะราคาทองคำปีนี้ให้ผลตอบแทนสูง ขณะที่ผู้ประกอบการบางรายนำเงินสดออกมาใช้จ่ายดำเนินธุรกิจหลังคลายล็อกดาวน์แล้ว

นายทรงพล ย้ำว่ามาตรการการคุ้มครองเงินฝากที่เป็นบัญชีเงินฝากสกุลเงินบาทภายในประเทศ มีความมั่นคงสูง ครอบคลุมบัญชีของผู้ฝากที่เป็นบุคคลธรรมดาและนิติบุคคลในสถาบันการเงินภายใต้การคุ้มครองทั้ง 35 แห่ง หากสถาบันการเงินภายใต้การคุ้มครองถูกปิดกิจการ สคฝ.จะคืนเงินฝากภายใน 30 วัน โดยปัจจุบันวงเงินคุ้มครองเงินฝากอยู่ที่ 5 ล้านบาท โดย สคฝ.มีเงินกองทุนสูงถึง 129,000 ล้านบาท  ส่วนใหญ่สำรองในสินทรัพย์ที่มีสภาพคล่องคือพันธบัตรรัฐบาล และพัรธบัตรธนาคารแห่งประเทศไทย

จากข้อมูลผลตอบแทนตามประเภทสินทรัพย์เฉลี่ยย้อนหลัง 10 ปี ระหว่าง 2553 – 2562 พบว่า ผลตอบแทนการฝากเงินประเภทออมทรัพย์อยู่ที่ร้อยละ 0.72 ประเภทฝากประจำ 1 ปีอยู่ที่ร้อยละ 1.88 ประเภทพันธบัตร 3 ปีอยู่ที่ร้อยละ 2.41 ทองคำอยู่ที่ร้อยละ 2.31 JUMBO25 (หุ้น) อยู่ที่ร้อยละ 10.01 ทั้งนี้ แม้ว่าการฝากเงินยังเป็นช่องทางที่มั่นคงและมีความปลอดภัยสูง แต่ผู้ฝากยังสามารถพิจารณาการจัดสรรสินทรัพย์ (Asset Allocation) ตามความเหมาะสมและความต้องการของตนเอง โดยต้องพิจารณาและศึกษาการจัดสรรสินทรัพย์อย่างละเอียด เพื่อความปลอดภัยในการบริหารการเงินอย่างยั่งยืน ขณะนี้ สคฝ. อยู่ระหว่างการศึกษาผลิตภัณฑ์ทางการเงินต่าง ๆ เพื่อพิจารณาขยายการคุ้มครองในอนาคต.-สำนักข่าวไทย


ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

ผบ.พล.7 ของเขมร โดนกระสุนปืนใหญ่ยิงดับ บนช่องตาเฒ่า-ภูมะเขือ

26 ก.ค. – พลตรีดวง ซอมเนียง ผบ.พล.7 ถูกกระสุนปืนใหญ่ยิงเสียชีวิต ที่ช่องตาเฒ่า-ภูมะเขือ จากการปะทะแย่งชิงพื้นที่ระหว่างทหารไทย-กัมพูชา ตลอดวันนี้ ผู้สื่อข่าวรายงานว่า การปะทะระหว่างทหารไทย กับทหารกัมพูชา บริเวณภูมะเขือ และช่องตาเฒ่า ตั้งแต่เช้ามืดวันนี้ ทหารไทยสามารถปกป้องพื้นที่ภูมะเขือ และกดดันทหารกัมพูชาออกจากพื้นที่ได้สำเร็จ ในขณะที่ทหารกัมพูชา พยายามกลับเข้ามาโจมตีกลับ เพื่อยึดภูมะเขือ ส่งผลให้มีทหารกัมพูชาเสียชีวิตหลายนาย หนึ่งในนั้นคือ พลตรีดวง ซอมเนียง ผบ.พล.7 ถูกกระสุนปืนใหญ่ยิงเสียชีวิต ที่ช่องตาเฒ่า-ภูมะเขือ. – สำนักข่าวไทย

ทอ.ส่ง F-16 และ กริพเพน โจมตีสกัดอาวุธวิถีโค้งกัมพูชา

26 ก.ค.- กองทัพอากาศส่ง F-16 และ กริพเพน โจมตียุทธบริเวณ “ภูมะเขือ” สกัดอาวุธวิถีโค้งกัมพูชา อีกจุดปราสาทตาเมือนธม ผลปฏิบัติลุล่วงกลับฐานปฏิบัติด้วยความปลอดภัย เมื่อวันที่ 26 ก.ค.68 กองทัพอากาศ ส่งเครื่องบินขับไล่ F-16 จำนวน 2 ลำ และเครื่องบินกริพเพน จำนวน 2 ลำ ออกปฏิบัติการโจมตี พื้นที่ยุทธบริเวณเป้าหมายทหาร ของทางทหารกัมพูชาบริเวณภูมะเขือ หลังทหารกัมพูชาเตรียมใช้อาวุธวิธีโค้งยิงใส่ฝ่ายไทยหวังยึดภูมะเขือ ส่วนอีกจุดบริเวณปราสาทตาเหมือนธม โดยเป็นจุดที่ทางทหารกัมพูชาได้ตั้งปืนใหญ่และกำลังพลยิงข้ามมายังฝั่งประเทศไทยโดยไร้ทิศทาง ทั้งนี้ผลการปฏิบัติการ ทำลายเป้าหมายได้ทั้งสองจุด ลุล่วงไปด้วยดี และได้บินกลับฐานปฏิบัติด้วยความปลอดภัย ผู้สื่อข่าวรายงานว่า การขึ้นบินกริพเพนของกองทัพ ในภารกิจสู้รบตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชา ครั้งนี้ ถือเป็น ‘ประวัติศาสตร์’ ของเครื่องบินขับไล่กริพเพนที่มีประจำการในหลายประเทศ ที่ใช้ในภารกิจสู้รบ-ใช้อาวุธจริงครั้งแรก ที่ผ่านมา กริพเพน ถูกใช้เพียงภารกิจบินรักษาอาณาเขต เช่น บริเวณทะเลบอลติกในทวีปยุโรป ในฐานะสมาชิก ‘นาโต้’ ผ่านเหตุการณ์สู้รบ ‘ยูเครน-รัสเซีย’ และภารกิจเฝ้าตรวจ-คุ้มกันน่านฟ้า ประเทศลิเบีย ที่กองทัพอากาศสวีเดนเข้าร่วมภารกิจ -สำนักข่าวไทย

กริพเพน

ทอ. ส่ง F16 – กริพเพน ปฏิบัติการรอบ 2 ทิ้งบอมบ์พื้นที่ทางทหารเขมร

26 ก.ค. – ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เครื่องบินขับไล่ F-16 จำนวน 2 ลำ และกริพเพน 2 ลำ ออกปฏิบัติการรอบสอง โจมตียุทธบริเวณทำลายพื้นที่ทหารกัมพูชา บริเวณปราสาทตาควาย อ.พนมดง จ.สุรินทร์ ภารกิจลุล่วง และกับฐานปฏิบัติโดยปลอดภัย สำหรับพื้นที่บริเวนนี้ ทหารไทยกับทหารกัมพูชา ปะทะกันดุเดือด โดยทหารไทยพยายามทำลายพื้นที่กัมพูชาวางกำลังไว้หลายระลอก ในขณะที่กัมพูชาโต้กลับและระดมกำลังทหารมาเพิ่มเติม ส่งผลให้พื้นที่บริเวนนี้มีการปะทะดุเดือดตั้งแต่วันที่ 24 ก.ค.ถึงวันนี้. – สำนักข่าวไทย

เปิดภาพคลังอาวุธทหารเชมร “สมรภูมิภูมะเขือ”

26 ก.ค.- เปิดภาพคลังอาวุธทหารเชมร “สมรภูมิภูมะเขือ” ทหารไทยยึดอาวุธปืน-โดรน 11 รายการ พร้อมมือถือ 7 เครื่อง ใช้ถ่ายคลิปยั่วยุทหารไทย เมื่อวันที่ 26 ก.ค.68 รายงานข่าวจากกองทัพภาคที่ 2 ระบุว่า สำหรับปฏิบัติการ ของเจ้าที่ทหารกองทัพภาคที่ 2 บนภูมะเขือที่สามารถยึดกลับคืนมาได้ ทำให้ทหารกัมพูชาเสียชีวิต 10 นาย พร้อมทั้งตรวจพบและสามารถยึดอาวุธ ยุทโธปกรณ์ จำนวน 11 รายการ ประกอบด้วย นอกจากนี้ยังพบโทรศัพท์มือถือ 7 เครื่อง ที่ทางทหารกัมพูชาชอบถ่ายในเวลาทำคลิปเมื่อเจอกับทหารไทยบริเวณแนวชายแดน -สำนักข่าวไทย

ข่าวแนะนำ

เปิดภาพโรงพยาบาลไทยเสียหายหนัก หลังถูกกัมพูชาโจมตีด้วยอาวุธหนัก

ทำเนียบ 30 ก.ค.-โฆษกรัฐบาล เปิดภาพโรงพยาบาลไทยเสียหายหนัก หลังถูกกัมพูชาโจมตีด้วยอาวุธหนัก พร้อมประณามกัมพูชาละเมิดมนุษยธรรมร้ายแรง นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี และคณะกรรมการศูนย์เฉพาะกิจบริหารสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา (ศบ.ทก.) ประณามการกระทำของรัฐบาลและกองทัพกัมพูชาอย่างรุนแรง กรณีการใช้อาวุธโจมตีเป้าหมายที่เป็นสถานพยาบาลของไทยในหลายพื้นที่ ซึ่งเป็นการกระทำที่ขัดต่อหลักมนุษยธรรมขั้นพื้นฐานและเป็นการละเมิดกฎหมายระหว่างประเทศอย่างชัดเจน พร้อมกันนี้นายจิรายุ ยังเปิดภาพโรงพยาบาลบางส่วนที่ได้รับความเสียหาย ได้แก่ โรงพยาบาลพนมดงรักเฉลิมพระเกียรติ 80 พรรษา, โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบล (รพ.สต.) คำโปรย, โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบล (รพ.สต.) โคก, โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบล (รพ.สต.) ซำเม็ง “ประเทศไทยขอเรียกร้องให้ประชาคมโลกจับตามองและประณามการกระทำดังกล่าว ซึ่งต่างจากประเทศไทยที่ยึดมั่นในหลักมนุษยธรรมอย่างเคร่งครัด โดยปฏิบัติการเฉพาะต่อเป้าหมายทางทหารเท่านั้น เพื่อไม่ให้เกิดความสูญเสียแก่พลเรือ” โฆษกรัฐบาล ระบุ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ยังระบุว่า ข้อมูลล่าสุดจากกระทรวงสาธารณสุข ณ วันที่ 30 กรกฎาคม 2568 เวลา 10.00 น. พบว่า จากการโจมตีโดยไม่เลือกเป้าหมายของกัมพูชา ได้ส่งผลให้มีพลเรือนเสียชีวิตแล้ว 15 ราย ในพื้นที่จ.อุบลราชธานี และศรีสะเกษ บาดเจ็บสาหัส 12 […]

ศาล รธน.ขยายเวลา นายกฯ ยื่นคำชี้แจงแก้ข้อกล่าวหารอบ 2

ศาล รธน. 30 ก.ค.-ศาลรัฐธรรมนูญเสียงข้างมากขยายเวลา นายกฯ ยื่นคำชี้แจงแก้ข้อกล่าวหารอบ 2 คลิปสนทนา “ฮุนเซน” ถึง 4 ส.ค.นี้ ชี้อนุญาตเป็นครั้งสุดท้าย ไม่ยื่นแจงถือว่าไม่ติดใจ ศาลรัฐธรรมนูญได้พิจารณาคำร้องขอขยายระยะเวลายื่นคำชี้แจงแก้ข้อกล่าวหา ครั้งที่ 2 ของนางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ผู้ถูกร้องในคดีที่ประธานวุฒิสภาส่งความเห็นของสมาชิกวุฒิสภา 36 คน ที่เข้าชื่อขอให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 170 วรรคสาม ประกอบมาตรา 82 ว่า ความเป็นรัฐมนตรีของนางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี สิ้นสุดลงเฉพาะตัวตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 170 วรรคหนึ่ง (4) ประกอบมาตรา 160 (4) และ (5) หรือไม่ จากกรณีปรากฏคลิปเสียงการสนทนาระหว่างนางสาวแพทองธาร ผู้ถูกร้อง กับสมเด็จ ฮุน เซน ประธานวุฒิสภาแห่งกัมพูชา เผยแพร่ทางสื่อมวลชนเมื่อวันที่ 18 มิ.ย. 68 และนางสาวแพทองธาร […]

โรงงานพลุระเบิด เสียชีวิต 9 ราย เจ็บสาหัสอีกจำนวนหนึ่ง

สุพรรณบุรี 30 ก.ค. – เหตุโรงงานพลุระเบิด ต.บ้านโพธิ์ อ.เมือง จ.สุพรรณบุรี พบผู้เสียชีวิต 9 ราย และบาดเจ็บสาหัสอีกจำนวนหนึ่ง ความคืบหน้าเหตุโรงงานพลุระเบิด ที่บ้านหลังหนึ่ง พื้นที่บ้านโพธิ์ทราย ต.บ้านโพธิ์ อ.เมือง จ.สุพรรณบุรี เบื้องต้นพบผู้เสียชีวิต 9 ราย และผู้บาดเจ็บสาหัสอีกจำนวนหนึ่ง บ้านเรือนเสียหาย 2 หลัง รถยนต์ 1 คัน เบื้องต้นไม่พบใบอนุญาตทำพลุ เจ้าหน้าที่ EOD และพิสูจน์หลักฐานเร่งดำเนินการตรวจสอบ ขณะที่ดินปืนยังปะทุไม่หยุด ลูกสาวของคนงานรายหนึ่งที่เข้าไปทำงานในบ้านหลังดังกล่าว เปิดเผยทั้งน้ำตาว่า แม่ของตนปกติทำงานที่ไร่แตงโม เพิ่งมารับจ้างทำพลุลูกนกได้ประมาณ 2 วัน ตอนนี้พยายามโทรติดต่อแม่ แต่ติดต่อไม่ได้ ภาวนาขอให้แม่ปลอดภัย สำหรับเหตุการณ์พลุระเบิดในพื้นที่ จ.สุพรรณบุรี เกิดขึ้นหลายครั้ง แต่เฉพาะที่ ต.บ้านโพธิ์ เกิดขึ้นมาแล้ว 2 ครั้ง ปี 2549 ปี 2558 รวมครั้งนี้เป็นครั้งที่ […]

“พล.อ.ณัฐพล” สั่ง ทบ.เชิญ ผช.ทูตทหารต่างชาติ ลงชายแดน

กลาโหม 30 ก.ค.- “พล.อ.ณัฐพล” สั่ง ทบ.เชิญผู้ช่วยทูตทหารต่างประเทศ ลงพื้นที่ดูความเสียหายประชาชนจากการปฏิบัติของกัมพูชา พร้อมยืนยันประท้วงแน่ ละเมิดข้อตกลงหยุดยิง ต้องบอกนานาชาติ ชี้เป็นธรรมชาติ “กัมพูชา” บิดเบือน แต่ไทยมีหลักฐานหมด ทั้งภาพถ่ายทางอากาศ-เทคโนโลยี เข้าสู่กระบวนการเจรจา ยอมรับทำงานภายใต้แรงกดดัน วอนสื่อทำความเข้าใจ ชี้แจง ปชช. (30 ก.ค.68) เวลา 08.15 น. พลเอก ณัฐพล นาคพาณิชย์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหม ให้สัมภาษณ์ก่อนเป็นประธานการประชุมสภากลาโหม ถึงกรณีฝ่ายไทยเตรียมให้กองทัพบกประสานผู้ช่วยทูตทหารนานาประเทศ ประจำประเทศไทยลงพื้นที่ชายแดนว่า จะพาไปดูความสูญเสียของพลเรือนที่ได้รับการปฏิบัติจากฝ่ายทหารกัมพูชา ซึ่งเพิ่งได้สั่งการไปที่กองทัพบกเมื่อคืนนี้ ขณะนี้ยังไม่ทราบว่า จะมีประเทศใดบ้างเข้าร่วม ทั้งนี้พยายามประสานงานกับประเทศมาเลเซียให้มาดูเรื่องของสถานการณ์ในพื้นที่ด้วย ส่วนกรณีเรื่องการละเมิดข้อตกลงของกัมพูชาที่มีการยิงตามแนวชายแดน เรื่องนี้ต้องมีการประท้วง และสื่อสารให้นานาชาติรับทราบ โดยได้ย้ำกับกองทัพบกให้สื่อสารทั้งภาษาไทย และภาษาอังกฤษ ซึ่งโฆษกทุกเหล่าทัพต้องช่วยกัน รวมทั้งของศูนย์เฉพาะกิจบริหารสถานการณ์ชายแดนไทยกัมพูชา หรือ ศบ.ทก. พร้อมย้ำว่า หลักของการหยุดยิงตามข้อตกลงคือ ทุกหน่วยต้องหยุด อยู่กับที่ และรอจนกว่า จะมีผลการประชุมคณะกรรมการชายแดนทั่วไปไทย-กัมพูชา หรือ จีบีซี ส่วนที่ฝ่ายกัมพูชาปฏิเสธการละเมิดข้อตกลงการหยุดยิงนั้น […]