ร้อง คกก.วัตถุอันตรายทบทวนการแบนพาราคอวต

กรุงเทพฯ  17 ส.ค. – นักวิชาการเกษตรเรียกร้องคณะกรรมการวัตถุอันตรายทบทวนมติยกเลิกใช้พาราควอต งัดหลักฐานทางวิทยาศาสตร์ใหม่ลบล้างผลวิจัยเดิมเกี่ยวกับความเป็นพิษ ค่าตกค้างที่เป็นสาเหตุของการแบน  ยืนยันเป็นผลวิจัยเท็จ วอนประธาน คกก.วัตถุอันตรายประชุมพิจารณาหลักฐานใหม่ด่วน ก่อนถึงเส้นตายที่เกษตรกรต้องส่งคืนสารเคมี 29 ส.ค. นี้


นางจรรยา มณีโชติ นายกสมาคมวิทยาการวัชพืชแห่งประเทศไทยและนางสาวดุจเดือน ศศะนาวิน อดีตรองปลัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เข้าพบนายประกอบ วิวิธจินดา อธิบดีกรมโรงงานอุตสาหกรรม เลขานุการ​คณะกรรมการวัตถุอันตราย (คกก.วอ.) เพื่อขอให้ส่งหนังสือเรียกร้องถึงนายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม ประธาน คกก.วอ.ให้ทบทวนมติของการยกเลิกการใช้พาราควอต โดยระบุว่าไม่สมควรใช้ข้อมูลอ้างอิงที่ยังมีข้อสงสัยและไม่ถูกต้องตามหลักวิทยาศาสตร์มาประกอบการพิจารณายกเลิกการใช้พาราควอต เพราะเกิดความขัดแย้งในสังคมและส่งผลกระทบต่อเกษตรกร รวมถึงเศรษฐกิจของประเทศ

ทั้งนี้ คกก.วอ.นำผลวิจัยของนางพวงรัตน์ ขจิตวิชยานุกูล ซึ่งอ้างว่าตรวจพบการตกค้างของพาราควอตในอ่างเก็บน้ำห้วยโซ่ ต.บุญทัน อ. สุวรรณคูหา จ.หนองบัวลำภู ค่าความเข้มข้นถึง 55 มิลลิกรัมต่อลิตร (ppm) และเชื่อมโยงว่าพาราควอตเป็นสาเหตุของโรคเนื้อเน่าของชาวบ้านในละแวกนั้น ทางสมาคมวิทยาการวัชพืชแห่งประเทศไทยได้เก็บตัวอย่างตะกอนดินและน้ำจากอ่างเก็บน้ำที่อ่างเก็บน้ำห้วยโซ่ บ้านคลองเจริญ และลำน้ำโมงส่งห้องปฏิบัติการของกรมวิชาการเกษตรปรากฏว่า ไม่พบการตกค้างของพาราควอตในตัวอย่างตะกอนดินและน้ำทั้ง 3 แห่ง


ส่วนผลจากภาควิชาจุลชีววิทยาและอิมมิวโนโลยี คณะเวชศาสตร์เขตร้อน มหาวิทยาลัยมหิดล ตรวจพบเชื้อแบคทีเรีย Aeromonas hydrophila สาเหตุโรคเนื้อเน่าทั้งในตะกอนดินและน้ำที่อ่างเก็บน้ำห้วยโซ่ นอกจากนี้ ยังพบเชื้อ Leptospira spp. สาเหตุของโรคฉี่หนูในตะกอนดินจากอ่างเก็บน้ำห้วยโซ่ และลำน้ำโมง นอกจากนี้ สมาคมฯ ได้ศึกษาความเป็นพิษของพาราควอตความเข้มข้นต่าง ๆ ที่มีต่อวัชพืชน้ำ ได้แก่ ผักตบชวา แหน และสาหร่ายพุงชะโด ซึ่งพบว่า วัชพืชน้ำทั้ง 3 ชนิดเริ่มแสดงอาการเป็นพิษที่ระดับความเข้มข้นตั้งแต่ 4 – 100 (ppm) ใน 1 วันและตายหมดใน 3 วัน ดังนั้นหากในอ่างเก็บน้ำมีพาราควอตตกค้างตามความเข้มข้นที่ว่าจริง ทั้งพืชและสัตว์น้ำต้องตายหมด

สำหรับงานวิจัยอีกฉบับของนางพวงรัตน์ ซึ่งเป็นจุดเริ่มต้นทำให้มีการพิจารณายกเลิกพาราควอต คือ เรื่อง “การวิจัยเชิงบูรณาการเพื่อเสริมสร้างศักยภาพหน่วยงานท้องถิ่นในการจัดการและป้องกัน การปนเปื้อนของสารพิษบนพื้นที่ต้นน้ำน่าน” ที่ระบุว่า พบสารเคมีปนเปื้อนในประปาหมู่บ้านและโรงงานผลิตน้ำดื่มทั่วจังหวัดน่านเกินค่ามาตรฐานน้ำดื่มสากลทำให้สังคมตื่นตระหนก ต่อมาผู้ว่าราชการจังหวัดประกาศว่า ผลการตรวจซ้ำ 12 ตัวอย่างจากห้องปฏิบัติการ 2 แห่ง ไม่พบการตกค้างของสารเคมีเกินค่ามาตรฐานน้ำดื่มสากล

นอกจากนี้ ยังงานวิจัยของนางพรพิมล กองทิพย์ เรื่อง “ความเป็นพิษของ พาราควอตต่อการเจริญเติบโตของทารก” ว่า ตรวจพบสารพาราควอตในซีรั่มทารกแรกเกิดและมารดา โดยอ้างถึงเอกสารงานวิจัยร่วมกับโรงพยาบาล 3 แห่ง คือ โรงพยาบาลพหลพลพยุหเสนา จ.กาญจนบุรี โรงพยาบาลสวรรค์ประชารักษ์ จ. นครสวรรค์ และโรงพยาบาลอำนาจเจริญ จ.อำนาจเจริญ ซึ่งทางเครือข่ายอาสาคนรักแม่กลองสอบถามแล้ว ได้รับคำตอบด้วยหนังสืออย่างเป็นทางการจากโรงพยาบาลพหลพลพยุหเสนาว่า ไม่มีส่วนรู้เห็นเกี่ยวกับการศึกษาในครั้งนี้ และโรงพยาบาลสวรรค์ประชารักษ์ตอบว่า ไม่พบข้อมูลการดำเนินการในเรื่องดังกล่าวแต่อย่างใด ส่วนโรงพยาบาลอำนาจเจริญตอบว่า เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นมาแล้วกว่า 7 ปี ซึ่งผู้บริหารและบุคลากรมีการ เปลี่ยนแปลง ข้อมูลของโรงพยาบาลจึงไม่อยู่ในสภาพที่เป็นปัจจุบันและไม่สามารถจัดทำขึ้นมาใหม่ให้ทราบได้ จากข้อมูลข้างต้นจึงสรุปได้ว่า งานวิจัยของที่นำมาอ้างอิงไม่น่าเชื่อถือและไม่สมควรถูกนำมาใช้พิจารณาในการแบนพาราควอต


นางจรรยา กล่าวว่า ที่ประชุม คกก.วอ. ใช้รายงานการประชุมคณะทำงานเพื่อพิจารณาความคิดเห็นของส่วนรัฐ ผู้นำเข้า เกษตรกร และผู้บริโภค ต่อการยกเลิกคลอร์ไพรีฟอส พาราควอต และไกลโฟเซต ประกอบวาระพิจารณา แต่แท้จริงเอกสารที่ใช้เป็นรายงานคณะกรรมการวิสามัญพิจารณาแนวทางการควบคุม การใช้สารเคมีในภาคเกษตรกรรม สภาผู้แทนราษฎร : ข้อเท็จจริงทางวิทยาศาสตร์และหลักฐานเชิงประจักษ์ของ สารเคมีกำจัดศัตรูพืช 3 ชนิดมีผลกระทบต่อสุขภาพและสิ่งแวดล้อม: พาราควอต ไกลโฟเซต และคลอร์ไพรีฟอส ไม่ใช่รายงานการประชุมฯ ตามหนังสือนำส่ง อีกครั้งเนื้อหาในเอกสารดังกล่าว อ้างอิงถึงงานวิจัยทั้งในและต่างประเทศ ถึงผลกระทบที่เกิดขึ้นจากพาราควอต แต่สมาคมฯ สำนักวิจัยและพัฒนาการอารักขาพืช กรมวิชาการเกษตร และคณะนักวิจัยจากมหาวิทยาลัยมหิดลได้ตรวจสอบข้อมูลจากเอกสารวิจัยต้นฉบับเหล่านั้นพบว่า มีการสรุปเนื้อหาไม่ตรงกับผลงานวิจัยต้นฉบับ ซึ่งแสดงให้เห็นว่า ขั้นตอนการยกเลิกพาราควอตน่าเคลือบแคลง

ทั้งนี้ ปัจจุบันยังไม่มีสารทดแทนที่มีคุณสมบัติ ประสิทธิภาพ และราคาเทียบเท่าพาราควอตให้เกษตรกรใช้เป็นทางเลือก แต่มีผลวิจัยของกรมวิชาการเกษตรเรื่อง “โครงการศึกษาวิธีการจัดการวัชพืชแบบบูรณาการเพื่อลดปริมาณการใช้สารไกลโฟเซต และพาราควอตในพืชเศรษฐกิจ” ตามมาตรการและแผนบริหารจัดการจำกัดการใช้วัตถุอันตราย พาราควอต ไกลโฟเซต และคลอร์ไพรีฟอส ที่เสนอต่อ คกก.วอ. เมื่อ 30 สิงหาคม 2561 ซึ่งกำหนดเวลาดำเนินการ 2 ปี ขณะนี้เริ่มต้นดำเนินการปีที่ 2 คาดว่าจะสิ้นสุดภายในปี 2564  ด้วยเหตุนี้ ทางสมาคมฯ เรียกร้องให้ทบทวนมติยกเลิกการใช้ โดยกลับไปอนุญาตให้ใช้พาราควอตภายใต้เงื่อนไขการจำกัดการใช้ (restricted use) ตามมติเดิมของคณะกรรมการวัตถุอันตรายเมื่อวันที่ 23 พฤษภาคม 2561 โดยขอให้นำเอกสารทั้งหมดของสมาคมฯ เข้าสู่วาระการประชุม คกก.วอ.ครั้งต่อไป

“หนังสือที่ยื่นวันนี้เป็นข้อมูลใหม่ทางวิทยาศาสตร์ที่เชื่อถือได้ ซึ่งเลขานุการ คกก.วอ.รับเรื่องเพื่อเสนอต่อประธาน คกก.วอ.แล้ว โดยทางสมาคมฯ จะไปยื่นหนังสือร้องเรียนให้ทบทวนการยกเลิกใช้พาราควอตต่อกระทรวงเกษตรและสหกรณ์และกระทรวงสาธารณสุข ก่อนวันที่ 29 สิงหาคม ซึ่งเกษตรกรต้องนำพาราควอตมาคืน เพื่อทำลายตามคำสั่งกรมวิชาการเกษตร” นางจรรยา กล่าว.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

ไทย-กัมพูชา ลงนามบันทึกการประชุม JBC ร่วมกัน

กัมพูชา 15 มิ.ย.- ไทย-กัมพูชา ลงนามบันทึกการประชุม JBC ร่วมกัน ซึ่งการหารือเป็นไปอย่างราบรื่นและฉันมิตร เป็นอีกก้าวสำคัญที่แสดงความคืบหน้าในการจัดทำหลักเขตแดนระหว่างไทย-กัมพูชา ประชุมครั้งต่อไปเดือน ก.ย.นี้ ฝ่ายไทยเป็นเจ้าภาพ เมื่อวันที่ 15 มิถุนายน 2568 เอกอัครราชทูตประศาสน์ ประศาสน์วินิจฉัย ประธานคณะกรรมาธิการเขตแดนร่วมไทย-กัมพูชา ฝ่ายไทย และนายฬำ เจีย รัฐมนตรีรับผิดชอบกิจการชายแดนและหัวหน้าสำนักงานเลขาธิการกิจการชายแดนแห่งชาติกัมพูชา ประธานร่วมฝ่ายกัมพูชา เป็นประธานร่วมในพิธีปิดการประชุมคณะกรรมาธิการเขตแดนร่วมไทย-กัมพูชา ครั้งที่ 6 (JBC) และลงนามบันทึกการประชุมร่วมกัน ที่กรุงพนมเปญ การหารือเป็นไปอย่างราบรื่นและฉันมิตร ทั้งสองฝ่ายกล่าวขอบคุณที่การประชุมสำเร็จลุล่วงด้วยดี โดยเน้นย้ำความสำคัญและประสิทธิภาพของ JBC ซึ่งเป็นกลไกทวิภาคีหลักในการเจรจาเขตแดนระหว่างสองประเทศ การประชุมครั้งนี้เป็นอีกก้าวสำคัญที่แสดงความคืบหน้าในการจัดทำหลักเขตแดนระหว่างไทยกับกัมพูชา ซึ่งมีความยาวทั้งหมดประมาณ 800 กิโลเมตร และมีส่วนช่วยลดความตึงเครียดบริเวณชายแดน ทั้งนี้ ทั้งสองฝ่ายยังมีภารกิจที่ต้องหารือและดำเนินการร่วมกันต่อไป โดยฝ่ายไทยจะเป็นเจ้าภาพจัดการประชุม JBC สมัยพิเศษครั้งต่อไปในเดือนกันยายนนี้ ปัจจุบัน ไทยกับกัมพูชามีกลไกความร่วมมือในประเด็นชายแดนร่วมกัน 3 ระดับหลัก ได้แก่ (1) JBC ซึ่งเป็นกลไกทวิภาคีที่สำคัญในการหารือกันทางเทคนิคและข้อกฎหมายระหว่างประเทศ (2) คณะกรรมการชายแดนทั่วไป […]

กัมพูชายืนยันไม่รับแผนที่ 1 : 50,000

15 มิ.ย. – กัมพูชาแถลงปฏิเสธแผนที่ 1 ต่อ 50,000 อย่างเด็ดขาด อ้างไทยเขียนขึ้นฝ่ายเดียว ยึดมั่นแผนที่ 1 ต่อ 200,000 ตาม MOU43 เท่านั้น พร้อมยินดีร่วมมือกับไทยด้วยกลไกทวิภาคี ยกเว้น 4 จุดที่นำขึ้นศาลโลก เว็บไซต์ข่าว Khmer Times รายงานภายหลังเสร็จการประชุมคณะกรรมการชายแดนร่วม หรือ JBC ที่กรุงพนมเปญ ว่า ฝ่ายกัมพูชาแสดงจุดยืนปฏิเสธอย่างหนักแน่นที่จะรับรองแผนที่ที่ฝ่ายไทยร่างขึ้นโดยฝ่ายเดียวและนำใช้อ้างอิงอันเป็นที่มาหลักของปัญหาข้อพิพาทชายแดนที่เรื้อรังมาตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบันและอนาคต ทั้งนี้ แผนที่ที่กัมพูชาอ้างว่าฝ่ายไทยร่างขึ้นโดยฝ่ายเดียวและนำไปสู่ปัญหาข้อพิพาทเขตแดนไม่สิ้นสุดนั้นคือแผนที่มาตราส่วน 1 ต่อ 50,000 ซึ่งมีความละเอียดแม่นยำมากกว่าแผนที่มาตราส่วน 1 ต่อ 200,000 ที่กัมพูชายึดถือ Khmer Times อ้างตามเอกสารข่าวเผยแพร่จากสำนักเลขาธิการกิจการชายแดนเกี่ยวกับการประชุม JBC ที่จัดขึ้นระหว่างฝ่ายกัมพูชาและฝ่ายไทย ฝ่ายกัมพูชานำโดยนายฬำ เจีย รัฐมนตรีประจำสำนักกิจการชายแดนและประธาน JBC ฝ่ายกัมพูชา และนายประศาสน์ ประศาสน์วินิจฉัย ที่ปรึกษากระทรวงการต่างประเทศของไทย และประธาน JBC ฝ่ายไทย […]

“ลูกหมี” ชนะคดีฟ้องอดีตดารา ศาลสั่งลูกหนี้ชดใช้หนี้พร้อมดอกเบี้ย

สำนักงานกฎหมายทนายคลายทุกข์ 13 มิ.ย. – “ลูกหมี รัศมี” ชนะคดีฟ้องอดีตดารา ศาลสั่งลูกหนี้ชดใช้ 2 ล้านบาท รวมดอกเบี้ยร้อยละ 15 ด้าน “ทนายเดชา” เผยหาก 30 วัน ไม่ใช้หนี้ เตรียมยื่นเรื่องยึดทรัพย์-ฟ้องล้มละลาย นางสาวรัศมี ทองสิริไพรศรี หรือลูกหมี นางแบบชื่อดัง พร้อมนายเดชา กิตติวิทยานันท์ หรือทนายเดชา และนางสาวอำนวยพร มณีวรรณ์ หรือทนายกุ้ง ตั้งโต๊ะแถลงข่าวกรณีลูกหนี้ ซึ่งเป็นอดีตดารานักแสดงชื่อดัง ได้ทำการกู้ยืมเงิน พร้อมจ่ายเช็คเด้ง จำนวน 2 ล้านบาท โดยไม่ยอมชำระคืนตามที่ได้ตกลงทำสัญญากันไว้ ทนายเดชา กล่าวว่า คดีนี้คุณลูกหมีฟ้องลูกหนี้ในความผิดเกี่ยวกับเรื่องสัญญากู้ยืมเงิน โดยเงินต้นจำนวน 2 ล้านบาท ดอกเบี้ยร้อยละ 15 ต่อปี ศาลพิพากษาว่า สัญญากู้เงินต้น 2 ล้านบาท เป็นสัญญาที่ชอบด้วยกฎหมาย ดอกเบี้ยร้อยละ 15 ต่อปี ไม่เกินกว่าที่กฎหมายกำหนด […]

อิสราเอลและอิหร่านโจมตีตอบโต้กันในระลอกใหม่

เทลอาวีฟ 15 มิ.ย. – อิสราเอลและอิหร่านได้เปิดฉากโจมตีตอบโต้กันอีกครั้งในช่วงเช้าวันอาทิตย์ที่ 15 มิถุนายน ซึ่งจุดชนวนความกังวลว่าจะเกิดความขัดแย้งในวงกว้างขึ้น หลังจากที่อิสราเอลได้ขยายการโจมตีอิหร่าน ด้วยการโจมตีแหล่งก๊าซธรรมชาติที่ใหญ่ที่สุดในโลก อิหร่านได้ยกเลิกการเจรจานิวเคลียร์ที่สหรัฐเคยกล่าวก่อนหน้านี้ว่าเป็นหนทางเดียวที่จะหยุดยั้งการทิ้งระเบิดของอิสราเอลได้ ขณะที่นายกรัฐมนตรีเบนจามิน เนทันยาฮู ของอิสราเอลกล่าวว่าการโจมตีที่เกิดขึ้นจนถึงขณะนี้ยังถือว่าไม่มีอะไรที่จะเทียบเคียงกับสิ่งที่อิหร่านจะได้เห็นในอีกไม่กี่วันข้างหน้า การโจมตีของอิหร่านล่าสุดเริ่มต้นขึ้นไม่นานหลังเวลา 23:00 น. ของวันเสาร์ตามเวลาท้องถิ่น หรือ ตรงกัล 03.00 น.ตามเวลาในประเทศไทย เมื่อเสียงสัญญาณเตือนภัยทางอากาศดังขึ้นในนครเยรูซาเลมและเมืองไฮฟา ทำให้ผู้คนราวหนึ่งล้านคนต้องรีบเข้าไปในสถานที่หลบภัย หน่วยบริการพยาบาลกล่าวว่ามีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 7 คนตลอดทั้งคืนที่ผ่านมา ซึ่งมีเด็กวัย 10 ขวบและหญิงสาววัยราว ๆ  20 ปีรวมอยู่ด้วย และมีผู้บาดเจ็บกว่า 140 คนจากการโจมตีที่เกิดขึ้นหลายครั้ง สื่ออิสราเอลรายงานว่ามีผู้สูญหายอย่างน้อย 35 คน หลังจากที่ขีปนาวุธพุ่งเป้าไปที่เมืองบัตยัม ซึ่งเป็นเมืองทางใต้ของกรุงเทลอาวีฟ โฆษกหน่วยบริการฉุกเฉินกล่าวว่าขีปนาวุธลูกหนึ่งพุ่งชนอาคาร 8 ชั้นในเมืองนั้น และในขณะที่ผู้คนจำนวนมากได้รับการช่วยเหลือ แต่ก็มีผู้เสียชีวิตด้วยเช่นกัน ขณะนี้่ยังไม่เป็นที่ชัดเจนว่ามีอาคารกี่หลังที่ถูกโจมตีเมื่อคืนนี้ จนถึงขณะนี้ยอดผู้เสียชีวิตในอิสราเอลล่าสุดอยู่ที่อย่างน้อย 9 ราย และบาดเจ็บกว่า 300 ราย นับตั้งแต่อิหร่านเปิดฉากโจมตีตอบโต้อิสราเอลเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา.-813.-สำนักข่าวไทย

ข่าวแนะนำ

สื่อเกาะติด! นายกฯ เข้าบ้านพิษณุโลก ถกผลประชุม JBC

บ้านพิษณุโลก 16 มิ.ย.- นายกฯ เข้าบ้านพิษณุโลก เรียกถกหน่วยงานความมั่นคง หารือผลประชุม JBC กำหนดแนวทางแก้ปัญหาข้อพิพาทพื้นที่ชายแดน ท่ามกลางสื่อมวลชนเกาะติดสถานการณ์ใกล้ชิด ความเคลื่อนไหวของ นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เช้าวันนี้ (16 มิ.ย.) ได้แจ้งเลื่อนภารกิจการให้ นางสาวสุชาตา ช่วงศรี Miss World 2025 และคณะ Miss World เข้าคาราวะ ณ ห้องสีม่วง ตึกไทยคู่ฟ้า ทำเนียบรัฐบาล ในเวลา 10.00 น. ไปเป็นวันพรุ่งนี้ (17 มิ.ย. 68) โดยนายกรัฐมนตรี ได้เรียกประชุมด่วนหน่วยงานด้านความมั่นคง ถึงกรณีผลการประชุมคณะกรรมาธิการเขตแดนร่วมไทย-กัมพูชา ครั้งที่ 6 หรือ The Sixth Meeting of The Cambodian-Thai Joint Commission on Demarcation for […]

‘รองแม่ทัพภาค 2’ โพสต์ 5 หมายเหตุ สะท้อนปมชายแดน

16 มิ.ย.- ‘รองแม่ทัพภาค 2’ โพสต์หมายเหตุ 5 ข้อ สะท้อนปัญหาชายแดนไทย-กัมพูชา หลังเจรจา JBC พร้อมตั้งคำถาม “คุยกันดีๆ แล้วทำไมต้องฟ้องศาลโลก?” พลตรี ณัฏฐ์ ศรีอินทร์ รองแม่ทัพภาคที่ 2 โพสต์หมายเหตุ 5 ประเด็น สะท้อนปัญหาชายแดนไทย-กัมพูชา

กต.แถลงผิดหวังกัมพูชาไม่ร่วมมือไทย ขาดความตั้งใจแก้ปัญหา

กรุงเทพฯ 16 มิ.ย. – กต.แถลงผิดหวังกัมพูชาไม่ร่วมมือไทย แก้ปัญหาลดความตึงเครียด ขาดความตั้งใจจริงในการใช้กลไกทวิภาคี บนพื้นฐานเพื่อนบ้านที่ดี พร้อมโต้ทุกประเด็นที่ถูกกล่าวหา เมื่อ 22.30 น. กระทรวงการต่างประเทศของไทย ออกแถลงการณ์ผลการประชุม JBC ทั้งที่เดิมนัดสื่อเเถลงวันนี้ (16 มิ.ย.) ระบุว่าการหารือมีความคืบหน้าสำคัญ 4 เรื่อง ซึ่งหลักๆ ทั้ง 4 เรื่องในคำเเถลงออกมาตรงกัน ซึ่งการรับรองผลการประชุม JTSC ครั้งที่ 4 สองฝ่ายเห็นตรงกันต่อตำแหน่งที่ตั้งของหลักเขตถึง 45 หลัก และเห็นชอบให้นำเทคโนโลยี LiDAR มาใช้ในการจัดทำภาพถ่ายทางอากาศเพื่อความรวดเร็วในการสำรวจและจัดทำหลักเขตแดน ซึ่งในการเห็นชอบให้เเก้ไขแผนแม่บทว่าด้วยการสำรวจและจัดทำหลักเขตแดนทางบกระหว่างไทยกับกัมพูชา จัดทำขึ้นเมื่อปี 2546 (TOR 2003) ก็นำเทคโนโลยี LiDAR มาใช้ในการจัดทำแผนที่ภาพถ่ายทางอากาศเช่นกัน ส่วนในข้อ 4 เห็นชอบให้มีการจัดทำข้อกำหนดทางเทคนิคการเดินสำรวจในพื้นที่ตอนที่ 6 ไทยลงรายละเอียดว่า เป็นพื้นที่จากเขาสัตตะโสม จนถึงหลักเขตแดนที่ 1 ช่องสะงำ จังหวัดศรีสะเกษ โดยมอบหมาย JTSC […]

อุตุฯ เผยไทยตอนบนฝนตกหนักบางแห่ง-กทม.ฟ้าคะนอง 40%

กรุงเทพฯ 16 มิ.ย. – กรมอุตุฯ เผยไทยตอนบนมีฝนตกหนักบางแห่ง ส่วนภาคใต้มีฝนฟ้าคะนองบางพื้นที่ ขอให้ประชาชนบริเวณประเทศไทยตอนบนระวังอันตรายจากฝนตกหนัก กรุงเทพฯ-ปริมณฑล มีฝนฟ้าคะนอง 40% กรมอุตุนิยมวิทยาพยากรณ์อากาศ 24 ชั่วโมงข้างหน้า ประเทศไทยตอนบนมีฝนตกหนักบางแห่ง ส่วนภาคใต้ยังคงมีฝนฟ้าคะนองบางพื้นที่ ขอให้ประชาชนบริเวณประเทศไทยตอนบนระวังอันตรายจากฝนตกหนักและฝนที่ตกสะสม ส่วนเกษตรกรควรเตรียมการป้องกันและระวังความเสียหายที่จะเกิดต่อผลผลิตทางการเกษตรไว้ด้วย ทั้งนี้ เนื่องจากมรสุมตะวันตกเฉียงใต้กำลังปานกลางพัดปกคลุมทะเลอันดามัน ประเทศไทย และอ่าวไทย ประกอบกับมีหย่อมความกดอากาศต่ำปกคลุมบริเวณประเทศเวียดนามตอนบน สำหรับคลื่นลมบริเวณทะเลอันดามันและอ่าวไทยมีกำลังปานกลาง โดยทะเลอันดามันตอนบนและอ่าวไทยตอนบนมีคลื่นสูง 1-2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร ขอให้ชาวเรือบริเวณทะเลอันดามันและอ่าวไทย เดินเรือด้วยความระมัดระวัง และหลีกเลี่ยงการเดินเรือในบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนอง กรุงเทพฯ และปริมณฑล มีฝนฟ้าคะนอง ร้อยละ 40 ของพื้นที่ อุณหภูมิต่ำสุด 26-28 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 34-36 องศาเซลเซียส .-สำนักข่าวไทย