“ศักดิ์สยาม” ชี้แจง 4 ข้อสงสัย ยันไม่เคยแทรกแซงหน่วยงานภายใน 

กรุงเทพฯ 20 ก.ค.-รมว.คมนาคม ชี้แจงทุกข้อกล่าวหาของฝ่ายค้านในประเด็นที่ดินเขากระโดง, การขายหุ้น หจก.บุรีเจริญ คอนสตรัคชั่น เป็นนิติกรรมอำพราง, การจัดงบประมาณของกระทรวงคมนาคมไป จ.บุรีรัมย์มากผิดปกติ รวมถึงการจัดทำโครงการ MR-MAP เป็นการลงทุนซ้ำซ้อนว่า ข้อกล่าวหาทั้งหมดไม่เป็นความจริง

นายศักดิ์สยาม กล่าวว่า ประเด็นเขากระโดงทั้งหมดนั้น ได้มีการหยิบยกมาอภิปรายหลายครั้งแล้ว ซึ่งปัญหาที่ดินเขากระโดงเป็นปัญหาที่เกิดขึ้นมานาน มีข้อพิพาทระหว่างหน่วยงานของรัฐกับประชาชนตั้งแต่ปี 2502 ซึ่งเรื่องนี้ยังอยู่ระหว่างการตรวจสอบสิทธิ์หน่วยงานของรัฐระหว่างกรมที่ดิน และรฟท. ทั้งนี้ ขอยืนยันว่า ตนไม่เคยแทรกแซงการดำเนินการใด ๆ แต่ได้มอบหมายให้ การรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) ยึดหลักการตามระเบียบกฎหมายและหลักธรรมาภิบาลมาโดยตลอด ตามที่กล่าวหาว่า บ้านพักของ รมว.คมนาคม บริเวณเขากระโดง เป็นที่ดินของ รฟท. ซึ่งตนและเครือญาติทราบมาตั้งแต่ตอนนั้น เคยชี้แจงไปแล้วว่า ตนเป็นเพียงผู้อยู่อาศัยในที่ดิน ซึ่งเป็นที่ดินโฉนดเลขที่ 3466 ที่ออกตั้งแต่ 26 ต.ค. 2515 ซึ่งในขณะนั้นตนอายุเพียง 10 ปี เพราะฉะนั้นขอยืนยันว่า เอกสารสิทธิ์ฉบับดังกล่าว เป็นเอกสารสิทธิ์ที่ออกตามขั้นตอนและกระบวนการของกฎหมาย โดยกรมที่ดิน


สำหรับประเด็นที่กล่าวหาว่าตนแทรกแซงการทำงานของ รฟท. ขอยืนยันว่า ตั้งแต่เข้ามารับหน้าที่ รมว.คมนาคม เมื่อเดือนกรกฎาคม 2562 ได้บริหารจัดการ และพัฒนาการดำเนินการในที่ดินของ รฟท. โดยมีการแต่งตั้งคณะทำงานเพื่อกำหนดยุทธศาสตร์การบริหารพื้นที่ให้สอดคล้องกับแผนพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน พร้อมมีนโยบายให้ รฟท. ติดตามความก้าวหน้าการดำเนินการของกรมที่ดินในการพิจารณาเพิกถอนเอกสารสิทธิ์ให้ดำเนินการตามกฎหมายและหลักธรรมาภิบาลอย่างเคร่งครัด ให้ปฏิบัติด้วยความเท่าเทียม เสมอภาค โปร่งใส และให้รายงานความคืบหน้าเป็นประจำทุกเดือน

ปัจจุบัน รฟท. ใช้สิทธิ์ทางศาลปกครอง โดย รฟท. เห็นว่าต้องดำเนินการให้ถึงที่สุด โดยใช้สิทธิ์ทางศาลปกครอง เพื่อพิสูจน์ข้อเท็จจริงเกี่ยวกับการออกเอกสารสิทธิ์ของกรมที่ดิน โดยการฟ้องกรมที่ดินในฐานะนายทะเบียน ต่อศาลปกครองกลาง เพื่อให้ศาลมีคำสั่งเพิกถอนที่ดินทั้งแปลง ตามประมวลกฎหมายที่ดิน มาตรา 61 ซึ่งจะเป็นการสะดวกรวดเร็ว และรัดกุม มิให้ที่ดินส่วนใดส่วนหนึ่งตกหล่น และระยะเวลาในการพิจารณาคดีจนถึงที่สุด มีเพียง 2 ศาลเท่านั้น


ขณะนี้ศาลปกครองได้มีคำวินิจฉัยรับคำร้องไว้พิจารณาแล้ว ดังนั้น เรื่องนี้ได้เข้าสู่กระบวนการพิจารณาของศาล ซึ่งเป็นกระบวนการยุติธรรมแล้ว หลังจากนี้ต้องรอคำวินิจฉัยของศาล ว่าจะเป็นอย่างไรต่อไป และปฏิบัติไปตามนั้น ซึ่งเรื่องนี้มีข้อพึงระวังในประเด็นการกล่าวหา กรณีเมื่อคดีอยู่ระหว่างการพิจารณาของศาล หากมีการวิจารณ์ให้เกิดความเสียหายต่าง ๆ อาจเป็นการก้าวล่วงการพิจารณาของศาล และอาจจะสุ่มเสี่ยงต่อการละเมิดอำนาจศาล ซึ่งทุกคนต้องให้ความเคารพต่อกระบวนการยุติธรรม

ส่วนกรณีที่ดินที่นายชัย ชิดชอบ (บิดา) เคยเช่าที่ดินของ รฟท. มีเนื้อที่ประมาณ 6 ไร่ 1 งาน 48 ตารางวา ได้ทำสัญญาเมื่อปี 2516 ซึ่งเป็นคนละแปลงกับโฉนดที่ดินเลขที่ 3466

สำหรับประเด็นข้อกล่าวหา พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง เลขาธิการพรรคประชาชาติ ตามที่กล่าวหาว่า เมื่อศาลฎีกาได้มีคำพิพากษาว่า กรรมสิทธิ์ในที่ดินบริเวณเขากระโดงเป็นของการรถไฟฯ ซึ่งการรถไฟฯ ในฐานะเจ้าของที่ดินสามารถนำผลของคำพิพากษาใช้ยันบุคคลภายนอกได้


รมว.ศักดิ์สยาม กล่าวชี้แจงว่า ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 145 คำพิพากษาหรือคำสั่งนั้นย่อมไม่ผูกพันบุคคลภายนอกเว้นแต่ในข้อต่อไปนี้ (2) คำพิพากษาที่วินิจฉัยถึงกรรมสิทธิ์แห่งทรัพย์สินใด ๆ เป็นคุณแก่คู่ความฝ่ายใด ฝ่ายหนึ่งอาจใช้ยันแก่บุคคลภายนอกได้ เว้นแต่บุคคลภายนอกนั้นจะพิสูจน์ใด้ว่าตนมีสิทธิ์ดีกว่า ทั้งนี้ เมื่อข้อเท็จจริงปรากฏว่าที่ดินแปลงอื่น ๆ ที่ยังไม่มีคำพิพากษาใด ๆ อีกทั้งประชาชนในพื้นที่บริเวณเขากระโดงเป็นผู้ถือเอกสารสิทธิ์ที่ทางราชการออกให้ กฎหมายให้สันนิษฐานไว้ก่อนว่า ผู้มีชื่อในโฉนดที่ดินเป็นผู้มีสิทธิ์ครอบครอง ในขณะนี้ ผู้ถือเอกสารสิทธิ์ที่ยินยอมโต้แย้งได้ว่าเป็นผู้มีสิทธิ์ดีกว่าการรถไฟฯ ด้วยเหตุดังกล่าว การรถไฟฯ จึงได้ใช้สิทธิ์ในการฟ้องคดีต่อศาลปกครองกลางเพื่อพิสูจน์สิทธิดังกล่าว ซึ่งเป็นการดำเนินการตามกระบวนขั้นตอนของกฎหมาย

ส่วนกรณีเรื่องที่ดินที่เขากระโดง ที่มีการกล่าวหาว่าตนสั่งการถ่วงเวลาไม่ให้มีการดำเนินการในการบังคับใช้ในกรณีที่มีคำพิพากษาศาลฎีกา ได้อ่านคำพิพากษาเมื่อวันที่ 13 มี.ค. 62 ให้มีการดำเนินการกับที่ดินของนาย A การดำเนินการดังกล่าว การรถไฟฯ ได้มีการดำเนินการตามกระบวนการ คือต้องมีการสืบทรัพย์สิน และตั้งเจ้าพนักงานบังคับคดี ขณะนี้อยู่ระหว่างการดำเนินการของกรมบังคับคดี ซึ่งการรถไฟฯ ต้องรอ ทั้งหมดเป็นไปตามขั้นตอนตามกฎหมายทุกประการ ไม่มีการละเว้นหรือเลือกปฏิบัติกับใคร

สำหรับประเด็นการขายหุ้น หจก.บุรีเจริญฯ เป็นนิติกรรมอำพรางนั้น ได้มีการซื้อขายกันจริงกับเพื่อนของที่ชื่อ นายศุภวัฒน์ เกษมสุทธิ์ ตั้งแต่วันที่ 16 ม.ค. 61 โดยมีเอกสารการชำระเงิน จากธนาคารธนชาต มีการรับโอนเงินทั้งหมด 3 ครั้ง รวม 119,500,000 บาท และหนังสือรับรองบริษัทก็ได้รับการแก้ไขแล้ว เมื่อวันที่ 28 มี.ค. 61

ดังนั้น ตั้งแต่วันที่ 28 มี.ค. 61 ตนจึงไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการประกอบธุรกิจของ หจก.บุรีเจริญ เป็นต้นไป ส่วนเงินที่ได้รับมาจากการขายหุ้นนั้น ได้นำไปชำระหนี้สินส่วนตัวและหนี้สินทางธุรกิจ

ขณะที่ประเด็นที่มีข้อซักถามว่า ทำไมการจดการซื้อขายหุ้นครั้งนี้ จึงไม่ยื่นหลักฐานไปที่กรมพัฒนาธุรกิจการค้า นายศักดิ์สยาม กล่าวว่า ตามหลักเกณฑ์ของกรมพัฒนาธุรกิจการค้า กรณีที่ต้องยื่นมีเรื่องเดียว คือ กรณีที่มีการเพิ่มเงินลงทุนหรือจดใหม่ แต่กรณีที่มีการซื้อขายไม่ต้องยื่น

นอกจากนี้ กรณีที่มีการตั้งข้อสงสัยว่า ทำไมเรื่องนี้ไม่มีการรายงานทรัพย์สินต่อคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) เพราะเป็นผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ขอระบุว่า กิจกรรมทั้งหมดที่เกิดขึ้นนั้น เกิดขึ้นในช่วงที่ตนยังไม่ได้เข้าสู่ตำแหน่ง ส.ส. เมื่อวันที่ 5 พ.ค. 62 ซึ่งตามกฎหมายต้องแจ้งบัญชีทรัพย์สิน ณ ขณะนั้นภายใน 30 วัน ซึ่งตนได้แจ้งไปเรียบร้อยแล้ว

นายศักดิ์สยาม กล่าวว่า เรื่องต่อมาที่มีการตั้งข้อกล่าวหาว่า มีการฮั้วประมูลงานของกระทรวงคมนาคม ขอยืนยันว่า เป็นไปไม่ได้ และไม่จริง เนื่องจากงานของกระทรวงคมนาคม ต้องดำเนินการด้วยการคำนึงถึง 4 ข้อหลัก ที่ข้าราชการต้องยึดถือปฏิบัติ คือ 1) ต้องเป็นไปตามระเบียบและกฎหมาย 2) ต้องถูกต้องตามมติคณะรัฐมนตรี (ครม.) 3) ต้องเป็นไปตามหลักธรรมาภิบาล และ 4) ต้องรับฟังความเห็นของพี่น้องประชาชน

ทั้งนี้ การประมูลไม่ได้ทำโดยกระทรวงคมนาคม แต่เป็นการดำเนินการประมูลโดยใช้วิธีอิเล็กทรอนิกส์ที่เรียกว่า e-Bidding ซึ่งดำเนินการโดยกรมบัญชีกลาง ตาม พ.ร.บ.การจัดซื้อจัดจ้างและการบริหารพัสดุภาครัฐ 2560 นอกจากนี้การดำเนินการยังมีกฎหมายอื่นที่ต้องปฎิบัติตาม เช่น พ.ร.บ.ว่าด้วยความผิดเกี่ยวกับการเสนอราคาต่อหน่วยงานของรัฐ พ.ศ. 2552 หากมีการฮั้วประมูล ผู้เสนอราคาจะมีความผิดต้องรับโทษตามกฎหมาย

ส่วนข้อกล่าวหาว่า กระทรวงคมนาคม มีการจัดงบประมาณของกรมทางหลวงชนบท และกรมทางหลวงไปที่จังหวัดบุรีรัมย์มากผิดปกติ ขอชี้แจงว่า ในการดำเนินการจัดทำงบประมาณ จะต้องพิจารณาการขอตั้งและงบประมาณที่ได้รับปี 57-66 ของกรมทางหลวง และกรมทางหลวงชนบท ซึ่งเมื่อดูข้อมูลย้อนหลัง 10 ปี พบว่า จังหวัดอื่น ๆ ได้รับงบประมาณมากกว่าจังหวัดบุรีรัมย์ ทั้งนี้ ในช่วงปีหลัง ๆ ได้รับการจัดสรรงบประมาณเพิ่ม เพราะในอดีตได้รับการจัดสรรงบน้อย จึงเกิดความเหลื่อมล้ำในการพัฒนา ขณะเดียวกันการจัดสรรงบประมาณไม่ได้กระจุกตัวอยู่ที่จุดใดจุดหนึ่งในจังหวัดบุรีรัมย์ กระทรวงคมนาคมได้พิจารณาจัดสรรงบประมาณให้กระจายทั่วทุกจังหวัดบุรีรัมย์ ในปี 64-26

สำหรับประเด็นที่ว่ามีการประกวดราคา คู่เทียบ หรือฮั้วประมูลหรือไม่นั้น งานจัดซื้อจัดจ้างของกรมทางหลวงและกรมทางหลวงชนบท ดำเนินการตาม พ.ร.บ.การจัดซื้อจัดจ้าง และการบริหารพัสดุภาครัฐ ปี 2560 ซึ่งได้มีระเบียบ วิธีการจัดซื้อจัดจ้าง กำหนดไว้ ทั้งหมด 3 วิธี ได้แก่ การประกาศเชิญชวนทั่วไป วิธีคัดเลือก และวิธีเฉพาะเจาะจง

ทั้งนี้ โดยทั่วไปกรมทางหลวงและกรมทางหลวงชนบท จะใช้วิธีการประกาศเชิญชวนทั่วไป ด้วยการประกวดราคา e-Bidding โดยการประกวดราคาด้วยวิธี e-Bidding ผู้ประกอบการจะต้องซื้อเอกสารประกวดราคาและยื่นเสนอราคาผ่านระบบ e-GP ของกรมบัญชีกลาง กระทรวงการคลัง โดยไม่ได้พบปะกัน ซึ่งหน่วยงานของรัฐจะไม่ทราบรายชื่อผู้เสนอราคาและราคาที่ยื่นเสนอ จนกว่าระบบ e-GP จะแจ้งผลให้ทราบ จึงทำให้การจัดซื้อจัดจ้างมีความโปร่งใส และเกิดการแข่งขันอย่างเป็นธรรม เนื่องจากผู้ประกอบการและหน่วยงานของรัฐไม่มีโอกาสได้เจอกันก่อนวันทำสัญญา

สุดท้าย ข้อกล่าวหาโครงการ MR-MAP มีความซ้ำซ้อนโครงการรถไฟทางคู่ ความเร็วสูง และมอเตอร์เวย์ ทำให้เกิดการแย่งปริมาณผู้โดยสารกันเอง เกิดการขาดทุน ทำให้รัฐต้องแบกรับภาระ เกิดหนี้สูงถึง 5.7 ล้านล้านบาท ผลประโยชน์ไม่ตกถึงประชาชนในระดับพื้นที่ นายศักดิ์สยาม กล่าวชี้แจงว่า รัฐบาลมีกรอบแนวคิดในการวางแผนแม่บท MR-MAP คือ 1. แก้ปัญหาของประเทศในระบบคมนาคมขนส่งที่มีมาในอดีตการปะปนกันของรถบรรทุกขนาดใหญ่และรถส่วนบุคคลที่สัญจรในเมือง 2. สร้างโอกาสสร้างโครงสร้างพื้นฐานอย่างเป็นระบบเชื่อมภูมิภาคเพื่อให้ประเทศไทยเป็นศูนย์กลางคมนาคมขนส่งของภูมิภาคได้อย่างแท้จริง และ 3. วางรากฐานโครงสร้างพื้นฐานที่ถูกต้องแก่ประเทศไทยอย่างเป็นระบบ วางแผนพร้อมกัน แต่ไม่จำเป็นต้องก่อสร้างพร้อมกัน

นอกจากนี้ ในเรื่องรูปแบบการลงทุน จะเน้นให้ลดการลงทุนของภาครัฐ ภาครัฐจะลงทุนบางส่วนร่วมกับเอกชน และจำเป็นต้องพิจารณาให้นักลงทุนต่างชาติสามารถเข้าร่วมลงทุนได้ด้วย.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

“ภูมิธรรม” แบ่งงาน 2 รมช.มหาดไทย เจ้าตัวคุม “โยธาฯ-ปค.”

กระทรวงมหาดไทย 14 ก.ค. –“ภูมิธรรม” แบ่งงาน 2 รมช.มหาดไทยแล้ว เจ้าตัวคุม “โยธาฯ – ปค.” ฟาก “เดชอิศม์” คุม “ที่ดิน – สถ.” สางปัญหาที่ดิน นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกฯ และรมว.มหาดไทย รักษาราชการนายกฯ กล่าวว่า ขณะนี้ตนได้แบ่งงานกับทั้ง 2 รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทยเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ซึ่งการทำงานของทั้ง 3 คนเราทำงานเป็นทีมเดียวกัน ส่วนหลักเกณฑ์การแบ่งก็กระจายให้ทั่วถึงเพื่อช่วยกันดูแล โดยตนกำกับดูแลกรมโยธาธิการและผังเมือง กรมการปกครอง สำนักปลัดกระทรวงมหาดไทย สำนักงานรัฐมนตรี กระทรวงมหาดไทย การประสานงานส่วนราชการในสังกัด กระทรวงมหาดไทยตาม พ.ร.บ.การบริหารราชการจังหวัดชายแดนภาคใต้ พ.ศ.2553 การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค การประปาส่วนภูมิภาค และดูหน่วยงานส่วนที่เหลือทั้งหมด โดยทั้งหมดสงวนไว้ในส่วนที่เกี่ยวข้องกับงบประมาณ และบุคคลซึ่งตนเป็นผู้ดูแล นายภูมิธรรม กล่าวต่อว่า ได้มอบหมายให้ น.ส.ธีรรัตน์ สำเร็จวาณิชย์ รมช.มหาดไทย กำกับดูแล กรมการพัฒนาชุมชน เพราะเป็นเรื่องเกี่ยวกับสตรีและการดำเนินการเรื่องผ้าไทย รวมถึงกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย […]

รถพ่วงเบรกแตกลงเขา ชนแหลก 10 คัน เจ็บ 3

นครราชสีมา 13 ก.ค. – รถพ่วงเบรกแตกลงเขามอกลางดง ชนแหลกรวมสิบคัน บาดเจ็บ 3 คน ทำถนนมิตรภาพรถติดยาวหลายกิโลเมตร คนขับรถพ่วงบาดเจ็บ แต่ยังให้การได้ รถพ่วงบรรทุกตู้คอนเทนเนอร์ ชนแหลกนับ 10 คัน บนถนนมิตรภาพ ขาเข้ากรุงเทพมหานคร ช่วงลงเขามอกลางดง กิโลเมตรที่ 37-38 อ.ปากช่อง จ.นครราชสีมา ตำรวจ สภ.กลางดง พร้อมเจ้าหน้าที่กู้ภัยหลายหน่วยระดม เข้าตรวจสอบที่เกิดเหตุ และช่วยเหลือผู้บาดเจ็บ ที่เกิดเหตุพบรถบรรทุกตู้คอนเทนเนอร์คันต้นเหตุ ยี่ห้อฮีโน่ สีขาว ทะเบียน กรุงเทพมหานคร ด้านหน้าหัวลากพังยับ นายวิทยา อายุ 34 ปี คนขับ ได้รับบาดเจ็บที่ขาซ้าย ยังนั่งอยู่บริเวณที่นั่งข้างคนขับ โดยเล่าว่า บรรทุกของมาเต็มตู้คอนเทนเนอร์ ช่วงลงเขาเกิดเบรกไม่อยู่ เนื่องจากลมหมด จึงทำให้พุ่งชนท้ายรถพ่วงบรรทุกไม้อีกคันที่อยู่ด้านหน้า จนกระเด็นไปคนละทิศละทาง ไม้กระจายเกลื่อนถนน ด้วยความแรงยังวิ่งไปเฉี่ยวชนกับรถที่วิ่งอยู่ด้านหน้าเสียหายอีก 8 คัน เป็นรถกระบะ 5 คัน, รถเก๋ง […]

มส.มีมติสั่งปลด-ถอดสมณศักดิ์ พระอาบัติปาราชิก เรียกพระ 5 รูปแจงด่วน

กรุงเทพฯ 13 ก.ค.-มหาเถรสมาคม ประชุมนัดพิเศษ มีมติสั่งปลด-ถอดสมณศักดิ์ พระอาบัติปาราชิก เผยสึกแล้ว 6 คน ยังติดต่อไม่ได้ 2 คน เตรียมแก้กฎมหาเถรสมาคม อ้างสุดล้าหลังกว่า 50 ปี ขณะที่พระเทพพัชราภรณ์ เจ้าอาวาสวัดชูจิตฯ ชิงลาออกแล้ว นายอินทพร จั่นเอี่ยม ผอ.สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ (พศ.) แถลงข่าวภายหลังการประชุมมหาเถรสมาคมนัดพิเศษ ครั้งที่ 1/2568 ว่า สมเด็จพระสังฆราชห่วงใยต่อกระแสข่าวที่เกิดขึ้น จึงมีพระบัญชาให้มหาเถรสมาคม นิมนต์กรรมการฯประชุมเร่งด่วน ซึ่งทางกรรมการฯ มีข้อห่วงใย และมีการอภิปรายกันอย่างกว้างขวาง โดยมีมติ ดังนี้ -พระที่ถูกกล่าวหา ต้องอาบัติปราชิก ถือว่าสิ้นสุดความเป็นพระภิกษุทางวินัย และต้องสึกโดยทันที ส่วนพระที่ยังไม่ถึงขั้นปราชิก ก็ให้ปลดออกจากตำแหน่งเจ้าคณะพระสังฆาธิการทุกรูป และจะมีมติขอพระราชทานพระบรมราชานุญาตถอดสมณศักดิ์-ในระยะเร่งด่วน ให้เจ้าคณะผู้ปกครองสงฆ์ทุกระดับ ตรวจสอบดูแลและกำกับพฤติกรรมองพระในปกครองอย่างใกล้ชิด หากพบพฤติกรรมละเมิดพระธรรมวินัยให้ดำเนินการสอบสวน และรายงานมหาเถรสมาคมโดยเร็ว-กรณีพระภิกษุถูกกล่าวหาผิดพระธรรมวินัย ประเภทครุกาบัติ ให้ออกคำสั่พักการปฏิบัติหน้าที่ และให้เจ้าหน้าที่ดำเนินการตามกฏหมาย พร้อมขอให้ระมัดระวังการให้ข้อมูลต่อสื่อมวลชนและสาธารณชน เนื่องจากยังเป็นเพียงผู้ถูกกล่าวหา-และทบทวนปรับปรุงกฎระเบียบคณะสงฆ์ว่าด้วยการประทำผิดพระธรรมวินัย ประเภทครุกาบัติ โดยมหาเถรสมาคม เห็นควรขอประทานพระวินิจฉัยสมเด็จพระสังฆราช มีพระบัญชาโปรดให้แต่งตั้งคณะกรรมการพิเศษเพื่อคุ้มครองพระพุทธศาสนาคณะหนึ่ง […]

ส่งตัวดำเนินคดี นักท่องเที่ยวไทยทำร้ายทหารกัมพูชา

สุรินทร์ 13 ก.ค.-ทบ. เผยนักท่องเที่ยวไทยต่อยทหารกัมพูชา ที่ปราสาทตาเมือนธม เป็นอดีตทหารพราน ส่งตัวให้ตำรวจดำเนินคดีตามกฎหมาย เมื่อวันที่ 13 ก.ค.68 พล.ต.วินธัย สุวารี โฆษกกองทัพบกกล่าวถึงกรณีที่งนักท่องเที่ยวชาวไทย ทำร้ายร่างกายเจ้าหน้าที่ทหารกัมพูชาชุดประสานงาน ที่บริเวณปราสาทตาเมือนธม จังหวัดสุรินทร์ ว่า กองทัพบกได้รับรายงานจากกองกำลังสุรนารี ว่า เมื่อเวลาประมาณ 10.20 น. ได้เกิดเหตุการณ์นักท่องเที่ยวชาวไทยทำร้ายร่างกายเจ้าหน้าที่ทหารกัมพูชาชุดประสานงาน ณ บริเวณปราสาทตาเมือนธม โดยผู้ก่อเหตุได้ชกเจ้าหน้าที่กัมพูชา ทั้งทางด้านหลังและด้านหน้า ก่อนจะหลบหนีออกจากพื้นที่ ซึ่งเจ้าหน้าที่ฝ่ายไทยสามารถติดตามและควบคุมตัวได้ในเวลาต่อมา จากการตรวจสอบเบื้องต้น ทราบว่าผู้ก่อเหตุคือ นายสมหมาย ศรีศุกรานันทน์ อดีตอาสาสมัครทหารพราน ปัจจุบันดำรงตำแหน่งประธานชมรมทหารพรานจิตอาสาค่ายปักธงชัย และประธานเครือข่ายทหารผ่านศึกจังหวัดสมุทรสาคร ทั้งนี้ เนื่องจากบริเวณพื้นที่เกิดเหตุเป็นสถานที่ท่องเที่ยว ทางเจ้าหน้าที่ทหารฝ่ายไทย ได้ทำความเข้าใจกับผู้เสียหายไปแล้วในเบื้องต้น เพื่อพยายามไม่ให้กระทบความสัมพันธ์ในระดับเจ้าหน้าที่ทั้งสองฝ่าย สำหรับผู้ก่อเหตุ ได้ให้ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจ ดำเนินการไปตามขั้นตอนของกฎหมายต่อไป.-313.-สำนักข่าวไทย

ข่าวแนะนำ

“พิเชษฐ์” ชิงปิดประชุมสภาฯ หลังถกวุ่นเสนอนับองค์ประชุม

รัฐสภา 17 ก.ค.- “พิเชษฐ์” ทำแฮตทริก ชิงปิดประชุมสภาฯ หลัง “สส.ปชน.” เสนอนับองค์ประชุม ขณะที่ สส.เพื่อไทย ขอให้นับแบบขานชื่อ ผู้สื่อข่าวรายงานว่า การประชุมสภาผู้แทนราษฎร ที่มีนายพิเชษฐ์ เชื้อเมืองพาน รองประธานสภาผู้แทนราษฎร คนที่ 1 เป็นประธานการประชุม ขณะรับทราบรายงานของผู้สอบบัญชีและรายงานการเงินสำหรับปีสิ้นสุดวันที่ 30 ก.ย. 66 และรายงานการประเมินผลการใช้จ่ายเงินและทรัพย์สินประจำปีงบประมาณ 2566 ของสำนักงานคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ โดยมีผู้อภิปรายไปเพียงคนเดียวคือนายเอกราช อุดมอำนวย สส.กทม. พรรคประชาชน ทำให้นายเฉลิมพงศ์ แสงดี สส.ภูเก็ต พรรคประชาชน ลุกขึ้นอภิปรายว่า เห็นสมาชิกในห้องประชุมบางตาอยากจะเช็คความตั้งใจการทำงานของสส.ฝ่ายรัฐบาล จึงขอนับองค์ประชุม และมีผู้รับรองถูกต้องจากนั้นนายพิเชษฐ์ กดออดเรียกสมาชิกพร้อมกล่าวว่า “ไม่อยากอภิปรายแล้วหรือ” พร้อมทั้งขอให้วิปรัฐบาลแจ้งสส.ที่อยู่ในห้องประชุมอื่นเพื่อรีบเข้าห้องประชุมใหญ่ ขณะที่นายครูมานิตย์ สังข์พุ่ม สส.สุรินทร์ พรรคเพื่อไทย อภิปรายว่า การขอนับองค์ประชุมและมีผู้รับรอง ถือเป็นสิ่งสวยงาม แต่หากมีคนเสนอให้นับองค์ประชุมด้วยการขานชื่อ คงใช้เวลาถึงค่ำ ดังนั้น ขอร้องเพื่อนสมาชิก เดือนนี้ขออย่านับองค์ประชุมเลย แล้วไปนับองค์ประชุมเดือนหน้า […]

เจ้าหน้าที่เข้าพบพระพรหมบัณฑิต ขอตรวจสอบเส้นเงิน

กทม. 17 ก.ค. – เจ้าหน้าที่ 3 หน่วยงาน เข้าพบพระพรหมบัณฑิต เจ้าอาวาสวัดประยุรวงศาวาสฯ ขอตรวจสอบเส้นเงิน หลังอดีตผู้ช่วยเจ้าอาวาส เข้าไปพัวพันกับสีกากอล์ฟ พ.ต.ท.สิริพงษ์ ศรีตุลา รักษาราชการแทนรองเลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ (ป.ป.ท.), พ.ต.อ.สถาปนา จุณณวัตต์ ผู้กำกับการกองกำกับการ 6 กองบังคับการปราบปราม พร้อมเจ้าหน้าที่สำนักงานพระพุทธแห่งชาติแห่งชาติ เดินทางเข้าพบพระพรหมบัณฑิต เจ้าอาวาสวัดประยุรวงศาวาสวรวิหาร เพื่อพูดคุยและขอข้อมูลเกี่ยวกับเอกสารการเงินภายในวัด หลังอดีตเจ้าคุณประสิทธิ์ อดีตผู้ช่วยเจ้าอาวาส เข้าไปพัวพันกับสีกากอล์ฟ และตรวจสอบข้อเท็จจริงจากคำให้การของพยาน ที่พบเงินถูกพับในลักษณะถูกนำออกมาจากตู้บริจาคในบ้านของสีกากอล์ฟ ซึ่งการตรวจสอบในวันนี้จะเน้นเรื่องเส้นทางการเงินของวัดทั้งหมด ที่ต้องสงสัยว่าอาจมีบางส่วนถูกยักยอก มีรายงานเพิ่มเติมว่า เจ้าหน้าที่ทั้ง 3 หน่วยงาน ได้นำกำลังส่วนหนึ่งเข้าไปตรวจสอบที่มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เนื่องจากเจ้าคุณประสิทธิ์ เคยดำรงตำแหน่งเป็นรองอธิการบดี.-สำนักข่าวไทย

นักท่องเที่ยวแห่ชมปราสาทตาเมือนธม-ให้กำลังใจทหารต่อเนื่อง

สุรินทร์ 17 ก.ค. – กำลังใจไหลมาต่อเนื่อง สู่ทหารแนวหน้าบริเวณปราสาทตาเมือนธม จ.สุรินทร์ ท่ามกลางการคุมเข้มตามข้อตกลงใหม่ หลังเกิดเหตุป่วนเมื่อ 2 วันก่อน กลุ่มเพื่อนดนตรีจิตอาสาจากกรุงเทพฯ นัดแต่งชุดธีมลายพราง ให้กำลังใจ พร้อมโชว์ลูกคอเพลง “บ้านเกิดเมืองนอน” แม้วันนี้จะยังไม่มีคณะทัวร์ใหญ่ แต่มีนักท่องเที่ยวจากทั่วสารทิศทยอยเดินทางเข้ามาเที่ยวชมปราสาทตาเมือนธม อ.พนมดงรัก จ.สุรินทร์ และให้กำลังใจทหารอย่างต่อเนื่อง ตั้งแต่ช่วงเปิด 09.00 น.ที่ผ่านมา นอกจากชมความงดงามปราสาทที่สร้างเป็นพระตำหนักของกษัตริย์ขอม อายุนับพันปีแล้ว สิ่งที่นักท่องเที่ยวสนใจคือ รอยต่อเขตแดนไทย-กัมพูชา บริเวณแนวต้นขี้เหล็ก ทางขึ้นตัวปราสาทด้านกัมพูชาที่เคยมีแนวรั้วไม้กั้น หลังเหตุปะทะปี 2554 แต่ต่อมามีการรื้อออกไปในสมัยรัฐบาล น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ที่ต้องการรื้อฟื้นความสัมพันธ์กับกัมพูชา ซึ่งบริเวณเดียวกันนี้เป็นจุดเริ่มต้นที่หญิงกัมพูชาตะโกนใส่ทหารไทย ว่ารุกล้ำเขตแดน จนมีการกระทบกระทั่งกันเมื่อ 2 วันก่อน อีกจุดที่นักท่องเที่ยวนิยมถ่ายภาพคือ หลักหมุด GPS ด้านหน้าทางขึ้นตัวปราสาทฝั่งไทย ซึ่งทหารไทยไม่อนุญาตให้นักท่องเที่ยวกัมพูชารุกล้ำเกินหลักหมุดนี้ สำหรับแนวทางปฏิบัติเจ้าหน้าที่กำชับไม่ให้ถ่ายภาพบริเวณทางเดินก่อนถึงตัวปราสาท และไม่ให้ตามเกมยั่วยุของอีกฝ่าย พร้อมย้ำให้สบายใจได้ว่าไทยเป็นฝ่ายได้เปรียบเรื่องอธิปไตยเหนือตัวปราสาทอยู่แล้ว กลุ่มเพื่อนดนตรีจิตอาสาจากกรุงเทพฯ อดรนทนไม่ได้ที่เห็นกัมพูชายั่วยุบ่อยครั้ง จึงนัดกันแต่งชุดธีมลายพรางทหาร เพื่อแสดงความเป็นพวก ให้กำลังใจทหาร พร้อมโชว์ลูกคอในบทเพลง […]

“สีกากอล์ฟ” ปฏิเสธข้อหารีดทรัพย์-ทำให้เสื่อมเสียเสรีภาพ อ้างแค่ยืมเงิน

กรุงเทพฯ 17 ก.ค. – รอง ผบก.ป. ระบุ “สีกากอล์ฟ” ปฏิเสธข้อหารีดเอาทรัพย์-ทำให้เสื่อมเสียเสรีภาพ อ้างแค่ยืมเงิน และขอความร่วมมือ ไม่ได้บังคับ เผยแผนประทุษกรรม หวังได้มาซึ่งเงินเลี้ยงดู ยังพบทำคนเดียว ไม่มีผู้ร่วมขบวนการ พ.ต.อ.เอนก เตาสุภาพ รองผู้บังคับการกองปราบปราม ให้สัมภาษณ์ถึงความคืบหน้าการสอบปากคำ “สีกากอล์ฟ” อายุ 35 ปี ในส่วนของคดีข่มขืนใจและรีดเอาเงินทิดแหล่ อดีตผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดโสธรฯ ระบุว่า ทางกองปราบฯ ได้แจ้งข้อหากับสีกากอล์ฟไป 2 ข้อหา คือข้อหารีดเอาทรัพย์ และทำให้เสื่อมเสียเสรีภาพ ซึ่งสีกากอล์ฟให้การปฏิเสธ โดยประเด็นเรื่องเงินที่ตำรวจกล่าวหาว่า มีการขู่เอาเงินจากทิดแหล่ ถ้าไม่ให้เงินจะเปิดเผยเรื่องความสัมพันธ์แล้วจะทำให้ถูกปลด สีกากอล์ฟอ้างว่า ไม่ได้ขู่แบล็กเมล์เพื่อเอาเงินเป็นเพียงแค่ขอยืมไปจ่ายค่าเช่ารถ ส่วนข้อกล่าวหา เรื่องทำให้เสื่อมเสียเสรีภาพ ที่ให้ทิดแหล่ เขียนร้องเรียนเจ้าคุณอาชว์นั้น สีกากอล์ฟ อ้างว่า ไม่ได้บังคับให้เขียนร่างหนังสือแค่ขอให้ช่วยเฉย ๆ ทั้งนี้ เรื่องของความสัมพันธ์ จากการสอบปากคำ สีกากอล์ฟให้การทั้งกับความสัมพันธ์ ผู้เสียหายคือ ทิดแหล่ และพระรูปอื่นๆ ด้วย […]