fbpx

“กรมข้าว” แจงงบ 15,000 ล้านมุ่งยกระดับศูนย์ข้าวชุมชน

กรุงเทพฯ 28 มิ.ย. – อธิบดีกรมการข้าวยืนยันงบปี 66 จำนวน15,000 ล้าน มุ่งยกระดับศูนย์ข้าวชุมชน เชื่อมั่น ลดต้นทุน เพิ่มรายได้และผลผลิตให้ชาวนา ด้านประธานศูนย์ข้าวชุมชนในจ. นครราชสีมาหนุนเดินหน้าโครงการ ชี้ช่วยสร้างความยั่งยืนให้ชาวนา สามารถยืนได้ด้วยตัวเอง นำไปสู่การลดงบประมาณช่วยหลือชาวนาในประเทศ


นายณัฏฐกิตติ์ ของทิพย์ อธิบดีกรมการข้าวเปิดเผยว่า งบประมาณพ.ศ.2566 นี้กรมการข้าวได้รับงบประมาณเพิ่มเติมจากรัฐบาลผ่าน “โครงการสนับสนุนลดต้นทุนการผลิตด้านการเกษตรสำหรับเกษตรกรผู้ปลูกข้าว” เป็นจำนวนเงิน 15,000 ล้านบาทซึ่งเพิ่มขึ้นกว่าทุกครั้งที่กรมการข้าวได้รับการจัดสรรค์งบประมาณ สำหรับสาเหตุที่กรมการข้าวได้รับการจัดสรรค์งบประมาณที่เพิ่มขึ้น สืบเนื่องจากในปีงบประมาณ พ.ศ. 2566 รัฐบาลปรับเปลี่ยนนโยบายการช่วยเหลือชาวนาผู้ปลูกข้าว คือ นโยบายสร้างความยั่งยืนของการพัฒนากลุ่มเกษตรกรผู้ปลูกข้าว ซึ่งรัฐบาลได้สนับสนุนสนับสนุนค่าต้นทุนการผลิตข้าวและค่าเก็บเกี่ยวข้าวให้กับเกษตรกรผู้ปลูกข้าวไร่ละ 1,000 บาท ไม่เกินครัวเรือนละ 20 ไร่ ช่วยเหลือเกษตรกรผู้ปลูกข้าวประมาณ 4.60 ล้านครัวเรือน พื้นที่ประมาณ 62 ล้านไร่ ใช้งบประมาณปีละประมาณ  54,000  ล้านบาท (โดยไม่รวมงบประมาณโครงการหรือนโยบายการช่วยเหลือผู้ปลูกข้าวหลักของรัฐเช่น ประกันรายได้เกษตรกร และมาตรการคู่ขนานอื่นๆ) ซึ่งค่าลดต้นทุนและค่าเก็บเกี่ยวข้าวของเกษตรกรผู้ปลูกข้าว รัฐจะจ่ายเงินสนับสนุนให้กับเกษตรกรโดยตรงผ่าน  ธ.ก.ส. โดยไม่ต้องมีการติดตามว่าเกษตรกรจะนำไปใช้จ่ายที่ตรงเป้าหมายที่รัฐกำหนดหรือไม่ จึงทำให้รัฐบาลต้องใช้งบประมาณเป็นจำนวนมาก นอกจากนี้ยังเป็นเรื่องของนโยบายวินัยการเงินและการคลังของประเทศไทย ที่จะต้องเพิ่มงบประมาณในการลงทุน (งบครุภัณฑ์) ของประเทศไทย เพราะปัจจุบันประเทศไทยมีการจัดตั้งงบลงทุนต่ำ แต่เมื่อรัฐบาลต้องการสร้างความยั่งยืนและให้เกษตรกรผู้ปลูกข้าวมีความเข้มแข็งในอนาคต รัฐบาลจึงปรับเปลี่ยนการช่วยเหลือเกษตรกรผู้ปลูกข้าวโดยเป็นการสนับสนุนค่าต้นทุนการผลิตข้าวและค่าเก็บเกี่ยวข้าวให้กับเกษตรกรผู้ปลูกข้าวที่

สำหรับโครงการสนับสนุนลดต้นทุนการผลิตด้านการเกษตรสำหรับเกษตรกรผู้ปลูกข้าว มีเป้าหมายในการสนับสนุนงบประมาณไปยังศูนย์ข้าวชุมชน 5,000 ศูนย์ ทั่วประเทศ โดยโครงการจะกำหนดการสนับสนุนงบประมาณตามศักยภาพของกลุ่มเกษตรกรเป็นหลัก (ตามแผนการปฏิบัติงานที่จะดำเนินการบริหารจัดการเครื่องจักรกลการเกษตรเพื่อลดต้นทุนการผลิตข้าว) และพิจารณาตามพื้นที่ทำนาปลูกข้าวในเขตการให้บริการของศูนย์ข้าวชุมชนคือ พื้นที่ให้บริการต่ำกว่า 2,000 ไร่ จะสนับสนุน 1 ล้านบาท พื้นที่ให้บริการมากกว่า 2,000 ไร่ จะสนับสนุน 2 ล้านบาท พื้นที่ให้บริการมากกว่า 4,000 ไร่ จะสนับสนุน 3 ล้านบาท และพื้นที่ให้บริการมากกว่า 6,000 ไร่จะสนับสนุน 4 ล้านบาท เพื่อเป็นค่าจัดซื้อเครื่องจักรกลการเกษตร และค่าซ่อมแซมเครื่องจักรกลการเกษตร โดยจะกำหนดกรอบกว้างๆ ให้เกษตรกรทราบเพื่อให้เป็นไปตามความต้องการเกษตรกรอย่างแท้จริง อีกทั้งยังมีคณะกรรมการระดับต่างๆ ไปพิจารณาให้ตรงกับศักยภาพของกลุ่มเกษตรกรจริง


ทั้งนี้โครงการดังกล่าวจะทำให้กลุ่มเกษตรกรและศูนย์ข้าวชุมชนมีความเข้มแข็งเพื่อเป็นกลไกในการพัฒนาการผลิตข้าวของประเทศและจะเกิดผลประโยชน์ทางตรงซึ่งจะส่งผลให้ผลผลิตเฉลี่ยต่อไร่เพิ่มขึ้นร้อยละ 5 ต่อปี ต้นทุนการผลิตต่อไร่ลดลงร้อยละ 5 ต่อปี เกษตรกรรายได้เพิ่มขึ้นร้อยละ 5 (รายได้สุทธิเพิ่มขึ้นบาท/ไร่ หรือ บาท/กิโลกรัม) ต่อปี อีกทั้งเกษตรกร 4.60 ล้านครัวเรือน จะได้รับการถ่ายทอดเทคโนโลยีในการเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตข้าว ที่สำคัญผลประโยชน์สุทธิที่ได้รับจากโครงการ 30,318 ล้านบาท เมื่อเทียบกับงบลงทุนภาครัฐ 15,260 ล้านบาท ได้ผลประโยชน์สูงถึง 15,058 ล้านบาท นอกจากนั้นประเทศไทยจะสามารถใช้จ่ายงบประมาณด้านงบลงทุนได้อย่างมีประสิทธิภาพ เพิ่มการหมุนเวียนของระบบเศรษฐกิจของประเทศ ลดภาระ ตลอดจนประเทศสามารถลดงบประมาณในการช่วยหลือชาวนาผู้ปลูกข้าวในอนาคตได้เป็นจำนวนมาก

นายจารึก กมลอินทร์ ประธานศูนย์ข้าวชุมชนบ้านท่าเยี่ยม ต.บ้านท่าเยี่ยม อ.โชคชัย จ.นครราชสีมา กล่าวถึงโครงการสนับสนุนลดต้นทุนการผลิตด้านการเกษตรสำหรับเกษตรกรผู้ปลูกข้าว วงเงิน 15,000 ล้านบาท ของกรมการข้าว เพื่อสนับสนุนงบประมาณให้กับศูนย์ข้าวชุมชน 5,000 ศูนย์ ทั่วประเทศว่า เห็นด้วยกับกรมการข้าว ที่จัดโครงการฯ นี้ขึ้นมา ซึ่งเป็นการวางแผนระยะยาวให้กับเกษตรกรชาวนา เพราะที่ผ่านมาแม้รัฐบาลได้จัดสรรงบประมาณเพื่อช่วยเหลือเกษตรกร แต่ยังไม่มีความยั่งยืน ทั้งนี้ การยึดศูนย์ข้าวชุมชนเป็นโมเดลต้นแบบ ถือเป็นเรื่องที่ดี เพราะเป็นการรวมกลุ่มของเกษตรกร และมีการบริหารจัดการกลุ่มด้วยตนเอง หากภาครัฐเข้ามาสนับสนุเพิ่มเติม จะยิ่งสร้างความเข้มแข็ง และยั่งยืนให้กับเกษตรกรชาวนา ที่สำคัญสามารถพึ่งพาตนเองได้

นอกจากนี้ ยังช่วยบริหารจัดการปัญหาข้าวล้นตลาด ข้าวไม่มีคุณภาพได้อย่างมีประสิทธิภาพมากกว่ารายเดี่ยว เพราะมีการวางแผนการผลิต การตลาด โดยการเชื่อมโยงกับโรงสีข้าว เช่น ศูนย์ข้าวชุมชนบ้านท่าเยี่ยมที่ตนเป็นประธานอยู่ มีโรงสีเข้ามาติดต่อโดยตรงอยากให้ศูนย์ผลิตข้าวพันธุ์ที่ต้องการ เพื่อการส่งออกของโรงสี เพราะมองว่าถ้ารับผลผลิตจากเกษตรรายเดี่ยว จะไม่สามารถควบคุมคุณภาพ และแผนการผลิตได้ตามเป้าที่วางไว้


นายจารึกกล่าวต่อว่า กรมการข้าวคิดถูกที่จัดโครงการนี้ขึ้นมาซึ่งเป็นการวางแผนระยะยาว และเป็นการสร้างความยั่งยืนให้กับเกษตรกรชาวนา ซึ่งจะเป็นทางรอดมากกว่าและสามารถยืนได้ด้วยตัวเขาเอง ถ้าเป็นเช่นนี้ ศูนย์ข้าวชุมชนก็เปรียบเสมือนผู้ประกอบการรายหนึ่ง ที่มีอำนาจต่อรองเรื่องราคา เพราะโรงสีก็จะเดินเข้ามาหาเราเอง เราไม่ต้องวิ่งไปขายข้าวสดให้กับโรงสี สามารถชะลอการขายข้าวไว้ในยุ้งฉาง เพราะเรามีตลาดรองรับที่แน่นอน เพราะเราผลิตตามออเดอร์ที่ตลาดต้องการ ทำให้ลดปัญหาผลผลิตล้นตลาด ซึ่งสอดรับกับนโยบายตลาดนำการผลิตของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์อีกด้วย หากเราไม่เริ่มทำตั้งแต่ตอนนี้ปัญหาเดิมๆ ก็จะวนเวียนกลับมา ภาครัฐก็ต้องหางบมาช่วยพยุงเกษตรกรชาวนา ซึ่งปีหนึ่งต้องใช้งบประมาณหลายหมื่นล้าน และไม่เกิดความยั่งยืน

สานิตย์ จิตต์นุพงศ์ ประธานที่ปรึกษาสมาคมพัฒนาเศรษฐกิจเกษตรรักษ์โลกกล่าวว่า เห็นด้วยกับแนวทางของกรมการข้าวที่จะยกระดับ “ศูนย์ข้าวชุมชน” ให้เป็นศูนย์บูรณาการการผลิตข้าวคุณภาพดีและเป็นศูนย์บ่มเพาะของทุกสาขาอาชีพการทำนาเช่น อาชีพรับจ้างเพาะกล้า หยอดข้าว บินโดรนฉีดพ่น เกี่ยวข้าว เนื่องจากปัจจุบันการทำนา ไม่ได้มีระบบลงแขกแบบโบราณแล้ว แต่เป็นระบบการผลิตที่มีการจ้างงานต่อเนื่อง อีกทั้งยังเป็นศูนย์รวบรวมผลผลิตข้าวเพื่อส่งมอบให้โรงสีคู่ค้า แนวทางดังกล่าวเป็นการสนับสนุนให้ชาวนายืนด้วยตัวเองได้ซึ่งจะทำให้ลดงบประมาณแผ่นดินที่จะนำมาช่วยเหลือในแนวทางที่ไม่ยั่งยืนดังที่ผ่านๆ มา.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

มหาวิทยาลัยแจงเหตุ นศ.สาวปี 3 แทงแฟน นศ.ปี 1 สาหัส

มหาวิทยาลัยออกแถลงการณ์ชี้แจงกรณีนักศึกษาหญิงทำร้ายนักศึกษาชาย ในหอพักจนบาดเจ็บสาหัส ด้านตำรวจยืนยันนักศึกษาหญิงที่ก่อเหตุมอบตัวแล้ว ยอมรับเป็นแฟนและทะเลาะกัน

รวบผู้ต้องสงสัยคดีฆ่าหั่นศพที่นนทบุรี นำตัวเข้าเซฟเฮาส์

รวบตัวชายไทย อายุประมาณ 35-40 ปี ต้องสงสัยคดีฆ่าหั่นศพ ภายในซอยจัดสรรสวิง 2 ถนนบ้านกล้วย-ไทรน้อย ต.พิมลราช อ.บางบัวทอง จ.นนทบุรี ตำรวจนำตัวเข้าเซฟเฮาส์ อยู่ระหว่างสอบสวนและรวบรวมพยานหลักฐาน

ผู้ว่าการ ธปท.เตือน ครม. หวั่นดิจิทัลวอลเล็ตก่อหนี้จำนวนมาก

ทำเนียบฯ 24 เม.ย.- ผู้ว่าการ ธปท. ทำหนังสือถึง ครม. เตือนเดินหน้าดิจิทัลวอลเล็ต 10,000 บาท หวั่นก่อหนี้จำนวนมาก นายเศรษฐพุฒิ สุทธิวาทนฤพุฒิ ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ได้ทำหนังสือถึงสำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรี ลงวันที่ 22 เมษายน 2567 เพื่อเสนอความเห็นประกอบการพิจารณาในการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) วันที่ 23 เม.ย.2567 มองว่า โครงการเติมเงินดิจิทัลวอลเล็ต 10,000 บาท เป็นโครงการขนาดใหญ่ของประเทศ  ต้องใช้เงินจำนวนมาก อาจก่อให้เกิดภาระหนี้ผูกพันต่อรัฐบาลในอนาคตดังนี้ 1.ความจำเป็น โครงการเติมเงินดิจิทัลวอลเล็ต 10,000 บาท และผลกระทบต่อเสถียรภาพทางการคลังของประเทศ ควรดูแลครอบคลุมเฉพาะกลุ่มเป้าหมาย  เพื่อเป็นการแบ่งเบาภาระค่าครองชีพ ช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจอย่างมีประสิทธิผลคุ้มค่า และใช้งบประมาณลดลง  โดยเฉพาะกลุ่มเปราะบาง ยังไม่ฟื้นตัวเต็มที่ เช่น กลุ่มผู้มีรายได้น้อย หรือผู้ถือบัตรสวัสดิการฯ 15 ล้านคน ซึ่งดำเนินการได้ทันที และใช้งบประมาณเพียง 150,000 ล้านบาท และควรทำแบบแบ่งเป็นระยะ (phasing) เพื่อลดผลกระทบต่อเสถียรภาพการคลัง  […]

ข่าวแนะนำ

คุมเพลิงไหม้ “วิน โพรเสส” ได้แล้ว 95%

เหตุไฟไหม้โรงงานเก็บขยะเคมีอันตราย วินโพรเสส อ.บ้านค่าย จ.ระยอง วันนี้ เจ้าหน้าที่ควบคุมเพลิงได้แล้ว 95% เหลือเพียงจุดความร้อนที่อยู่ใต้ซากกองเพลิง ซึ่งยังต้องใช้สาร F500 ฉีดลดความร้อน แต่ยังมีกลิ่นฉุนแอมโมเนีย ด้านกรมโรงงานอุตสาหกรรมเช็กกล้องวงจรปิดตรวจสอบว่าเป็นการวางเพลิงเพื่อทำลายหลักฐานเช่นเดียวกับเหตุที่เกิดขึ้นใน อ.ภาชี จ.พระนครศรีอยุธยา หรือไม่

นายกฯ แจงเรียก “สุชาติ-รัฐมนตรี” เข้าพบ แค่ตามงาน

นายกฯ อารมณ์ดี เดินลงตึกไทยฯ พบสื่อ แจงเรียก “สุชาติ-รมต.” มีชื่อหลุด ครม.เข้าพบแค่ตามงาน ย้ำปรับ ครม.เสร็จเมื่อไหร่เดี๋ยวก็รู้ ยันกินข่าวเที่ยงวานนี้ไม่มี ”ทักษิณ“

รวบ 2 ใน 4 อุ้มฆ่าหนุ่มไทใหญ่ทิ้งป่า อ.แม่ริม จ.เชียงใหม่

รวบแล้ว 2 ใน 4 ผู้ต้องหาอุ้มฆ่า “จ๋อมวัน” หนุ่มไทใหญ่ ก่อนนำศพไปทิ้งในป่าที่ จ.เชียงใหม่ ปมสังหารอ้างไม่พอใจถูกแซวเรื่องหญิงคนสนิท

ดวงอาทิตย์ตั้งฉาก กทม.ครั้งแรกของปี

วันนี้เป็นครั้งแรกของปีที่ดวงอาทิตย์จะโคจรมาอยู่ในตำแหน่งตั้งฉากกับพื้นที่ กทม. ส่งผลให้ดวงอาทิตย์เคลื่อนผ่านใกล้จุดเหนือศีรษะ หรือตั้งฉากกับพื้นที่บริเวณต่างๆ ของไทย 2 ครั้งต่อปี คือช่วงเดือน เม.ย.-พ.ค. และเดือน ก.ค.-ก.ย.