ทางหลวงปั้นแผนพัฒนา 10 ปี “ทางเลี่ยง-วงแหวน” ทั่วไทย

กรุงเทพฯ 28 เม.ย.- กรมทางหลวงเดินหน้าพัฒนาโครงข่ายถนนวงแหวน-ทางเลี่ยงเมือง กว่า 57 แห่งทั่วไทย พร้อมเร่งจัดทำ Action Plan ระยะยาว 10 ปี ตั้งแต่ปี 68-78 ทั้งระยะสั้น กลาง ยาว อีก 25 แห่งทั่วประเทศ หวังรองรับการขยายตัวของเขตเมืองในจังหวัดหลักของภูมิภาค เศรษฐกิจท้องถิ่นเติบโตอย่างต่อเนื่อง


นายสราวุธ ทรงศิวิไล อธิบดีกรมทางหลวง(ทล.) เปิดเผยว่า จากที่มีการพัฒนา โครงสร้างพื้นฐานด้านต่างๆเพื่อรองรับการขยายตัวของชุมชน เขตเมืองต่าง ๆ ในภูมิภาค อย่างต่อเนื่องในทุก ๆ พื้นที่ของประเทศไทย ส่งผลทำให้โครงข่ายถนนทางหลวงเดิมที่มีอยู่กว่า 53,000 กม.ทั่วไทย และที่กระจายไปในพื้นที่ชุมชน ต้องรองรับการจราจรที่เพิ่มสูงขึ้น ซึ่งทำให้บางเส้นทาง หรือ บางช่วงที่ต้องผ่านตัวชุมชน เขตเมืองจราจรติดขัด ขณะที่กรมทางหลวงได้มีการก่อสร้างขยายช่อง จราจรเพื่อรองรับการเดินทางของประชาชนแบบเต็มเขตทางไปแล้ว ทำให้ปัจจุบัน ไม่สามารถก่อสร้างเพิ่มช่องจราจรได้อีก ขณะที่ความต้องการในการเดินทางยังสูงขึ้น ส่งผลให้ผู้ใช้ทางที่ต้องการเดินทางผ่านเมืองประสบปัญหาจราจรติดขัด เกิด ความล่าช้าในการเดินทาง รวมถึงบางครั้งมีปัญหาอุบัติเหตุ ทำให้ผู้ใช้ทางในชุมชนไม่ได้รับความปลอดภัยแก้รถติดเขตชุมชน รองรับขยายเมือง

โดยจากปัจจัยต่างๆดังกล่าวจึงเป็นสาเหตุหลักที่ทำให้กรมทางหลวงต้องวางแผน พัฒนาก่อสร้างทางเลี่ยงเมือง – วงแหวนรอบนอก ในจังหวัดหลักๆของประเทศที่มีการอัตราการเติบโตปริมาณจราจรสูง เพื่อแยกปริมาณการจราจรที่ไม่จำเป็นต้อง เดินทางผ่านพื้นที่ชุมชนเมืองออกมา ซึ่งถนนทางเลี่ยงดังกล่าวเมื่อทำแล้วจะช่วย ลดจราจรติดขัด ลดปัญหาอุบัติเหตุ รวมถึงช่วยรองรับการพัฒนาของชุมชนเมือง รองรับการกระจายความเจริญลงสู่ท้องถิ่น ยกระดับคุณภาพชีวิตของประชาชน


“ขณะเดียวกันข้อดีของการก่อสร้างทางเลี่ยง หรือ วงแหวนรอบนอกเขตเมือง จะทำให้ประชาชนคนเดินทางไม่ต้องผ่านชุมชน หรือ เมือง แต่ข้อเสียอาจจะมีอยู่บ้าง ที่โครงการทางเลี่ยงเมือง จะใช้ระยะเวลาก่อสร้างที่ยาวนานเฉลี่ยกว่า6-10 ปี สาเหตุเนื่องจากเป็นเส้นทางที่ขีดเส้นขึ้นมาใหม่ ต้องมีการเวนคืนที่ดิน ดังนั้นการก่อสร้างเมื่อได้เริ่มสร้างจะเป็นทางเลี่ยงเมืองก่อน หากโครงการสำเร็จก็จะเป็นการ สร้างต่อเชื่อมเป็นวงแหวนรอบนอก” นายสราวุธกล่าว

อย่างไรก็ตามจะเห็นได้ว่ากรมทางหลวงได้ทำการวางแผนพัฒนาทางเลี่ยงเมือง และถนนวงแหวนตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน โดยมีทางเลี่ยงเมืองและถนนวงแหวนที่ ก่อสร้างแล้วเสร็จทั่วประเทศ จำนวน 50 แห่ง ระยะทางรวม 984.633 กิโลเมตร ซึ่งสามารถจำแนกตามภาคต่าง ๆ ดังนี้ คือ ภาคเหนือ มี 13 แห่ง ระยะทาง 281.024 กม., ภาคกลาง มี 13 แห่ง ระยะทาง 189.437 กม., ภาคตะวันออกเฉียง เหนือ มี17 แห่ง ระยะทาง 339.095 กม., ภาคใต้ มี 7 แห่ง ระยะทาง 175.077 กม. เดินหน้าสร้างทางเลี่ยงเมือง7แห่งทั่วไทย

นายสราวุธ กล่าวต่อว่า นอกจากนี้ในปัจจุบัน กรมทางหลวงได้มีการก่อสร้างทาง เลี่ยงเมืองและถนนวงแหวนที่อยู่ระหว่างก่อสร้าง และจะแล้วเสร็จให้ประชาชน สัญจรได้ในปี 66-67 จำนวน 7 แห่ง มีระยะทางรวม 145.525 กิโลเมตร ซึ่ง สามารถจำแนกตามภาคต่าง ๆ ดังนี้ ภาคเหนือ อยู่ระหว่างก่อสร้าง 1 แห่ง คือ ทางเลี่ยงเมืองเชียงของจังหวัดเชียงราย ระยะทาง 9.103 กม. วงเงินก่อสร้าง 1,044 ล้านบาท คาดจะแล้วเสร็จในเดือน ส.ค.67 ส่วนภาคกลางอยู่ระหว่าง ก่อสร้าง 1 แห่ง ทางเลี่ยงเมืองนครสวรรค์ด้านตะวันออก ตอนแยกทางหลวง หมายเลข 117-บรรจบทางหลวงหมายเลข 225 ระยะทาง 20.000 กม. วงเงิน ก่อสร้าง 3,196 ล้านบาท คาดจะแล้วเสร็จในเดือน ก.ย.67


สำหรับภาคตะวันออกเฉียงเหนือ อยู่ระหว่างก่อสร้างจำนวน 3 แห่ง ระยะทางรวม 95.040 กม. ประกอบด้วย 1.วงแหวนรอบเมืองนครราชสีมา วงเงินงบประมาณ 7,650 ล้านบาท คาดจะแล้วเสร็จในเดือน ก.ย.66 2.ทางเลี่ยงเมืองหนองคาย(ด้านตะวันออก) วงเงินงบประมาณ 2,893 ล้านบาท คาดจะแล้วเสร็จใน เดือน ส.ค.66 และ 3.ทางเลี่ยงเมืองบึงกาฬ วงเงินงบประมาณ 1,714 ล้านบาท คาดว่าจะแล้ว เสร็จเดือน มี.ค.66 ส่วนภาคใต้ อยู่ระหว่างก่อสร้าง 2 แห่ง ระยะทางรวม 21.382 กม. ประกอบด้วย 1.ทางเลี่ยงเมืองปัตตานี วงเงินงบประมาณ 1,851 ล้านบาทคาดว่าจะแล้วเสร็จในปี 67 และ 2.ทางเลี่ยงเมืองหาดใหญ่ด้านตะวันออก วงเงินงบประมาณ 569 ล้านบาท คาดว่าจะแล้วเสร็จ เดือน เม.ย.66 เร่งทำ Action Plan 10 ปี รองรับเศรษฐกิจท้องถิ่นโต

นายสราวุธ กล่าวต่อว่า ส่วนการพัฒนาโครงข่ายทางหลวงในอนาคตของกรมทางหลวง นอกจากสร้างถนนเพิ่มขยายเลน บำรุงรักษาถนนที่มีอยู่แล้ว ขณะนี้ทาง กรมทางหลวงยังได้ให้ความสำคัญในการพัฒนาโดยเฉพาะทางเลี่ยงเมืองเป็นอันดับต้นๆ เนื่องจากผลการศึกษาพบว่า หากจะมีการพัฒนา หรือ ขยายโครงข่าย ถนนให้เกิดประสิทธิภาพและ คุ้มค่าต่อการลงทุนงบประมาณของภาครัฐ และเกิดประโยชน์สูงสุดมากที่สุด จะต้องมีการพัฒนาโครงข่ายทางเลี่ยงเมือง และ วงแหวนรอบนอกเขตเมือง

ดังนั้น กรมทางหลวงจึงได้มีการศึกษาเพื่อจัดทำแผนพัฒนาทางเลี่ยงเมือง (Action Plan) ระยะยาว 10 ปี ตั้งแต่ปี 68-78 เพื่อมาแก้ไขปัญหาจราจรบริเวณเขตเมืองในภูมิภาคทั่วไทย ทั้งนี้ในการดำเนินการศึกษาจะแบ่งเป็น 2 ส่วนคือส่วนที่ 1 ศึกษาความเหมาะสมทางด้านเศรษฐกิจ วิศวกรรม และตรวจสอบผลกระทบสิ่งแวดล้อมเบื้องต้นของโครงการทางเลี่ยงเมืองในอนาคตที่มีศักยภาพ โดยพิจารณาปัญหาการจราจร รวมถึงแนวโน้มการพัฒนาทางด้านเศรษฐกิจและสังคม และแนวโน้มการพัฒนาเมือง รวมถึงการบูรณาการร่วมกับการวางผังเมือง หน่วยงานในท้องถิ่นและชุมชน ส่วนที่ 2 จะมีการวิเคราะห์ความคุ้มค่า และจัดลำดับ ความสำคัญของโครงการ เพื่อจัดทำแผนพัฒนาทางทางเลี่ยงเมืองของกรมทางหลวง ทั้งในช่วงระยะสั้น ระยะกลางและระยะยาวต่อไป เพื่อให้การพัฒนาโครงข่ายเกิดประสิทธิภาพสูงสุด

สำหรับแผนพัฒนาทางเลี่ยงเมือง และถนนวงแหวนในอนาคตระยะ 10 ปีนั้น เบื้องต้นจะกระจายสร้างทั่วไทย ซึ่งโครงข่ายจะเป็นทั้งแนวใหม่และเสริมโครงข่ายเดิม ให้สมบูรณ์ จำนวนกว่า 25 แห่ง ระยะทางรวมกว่า 484.05 กม. แบ่งเป็นภาค เหนือ 7 แห่ง ระยะทาง 116.6 กม., ภาคกลาง 4 แห่ง ระยะทาง 116.7 กม., ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ 7 แห่งระยะทาง 119.6 กม., ภาคใต้ 7 แห่ง ระยะทาง 131.15 กม.อีกด้วย.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

เก๋งซิ่งแหกโค้งชนเสาเหล็ก ไฟลุกไหม้คลอกคนขับดับสลด

ลพบุรี 6 มิ.ย. – เก๋งหรูซิ่งเสียงดังลั่น หมุนโชว์กลางสี่แยก ก่อนแหกโค้งชนเสาเหล็กป้ายข้างทางไฟลุกไหม้เสียหายทั้งคัน คลอกคนขับดับสลด เมื่อเวลา 03.30 น.ที่ผ่านมา ร.ต.ท.ชาตรี ทรัพย์นิยมพงศ์ ร้อยเวรสอบสวน สภ.เมืองลพบุรี รับแจ้งรถเก๋งชนเสาข้างถนน ไฟลุกไหม้ทั้งคัน บนถนนทางเข้าบ้านหนองน้ำทิพย์ หมู่ 7 ต.เขาพระงาม อ.เมืองลพบุรี พร้อมแจ้งรถน้ำดับเพลิงป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยเทศบาลตำบลเขาพระงาม รุดไปดับไฟ และเจ้าหน้าที่กู้ภัยมูลนิธิร่วมกตัญญู ร่วมตรวจสอบ จุดเกิดเหตุพบไฟกำลังลุกไหม้โหมทั่วไปทั้งคันรถ สังเกตดูเบื้องต้นคนขับติดอยู่ที่เบาะนั่งสภาพหมดสติ เจ้าหน้าที่เร่งระดมฉีดน้ำใช้เวลาประมาณ 15 นาที เพลิงสงบ จากการตรวจสอบด้านซ้ายรถชนอัดอยู่กับเสาเหล็กป้ายบอกทาง สภาพเหลือแต่ซาก เบื้องต้นพบเป็นรถเก๋งยี่ห้อยี่ห้อบีเอ็มดับเบิลยู ไม่ทราบสี-ทะเบียน ถูกไฟไหม้ เหลืออยู่ครึ่งป้าย ภายในรถพบร่างชายถูกไฟไหม้เกรียม ยังไม่ทราบชื่อว่าเป็นใครมาจากไหน สอบถามนางเล็ก ผู้เห็นเหตุการณ์ เล่าว่า ก่อนเกิดเหตุตนเองนั่งเฝ้าเครื่องสูบน้ำใกล้จุดเกิดเหตุ ได้ยินเสียงรถเก๋งคันดังกล่าวขับซิ่งมาจากแยกเขาพระงาม มุ่งหน้าไปทางโคกสำโรง เสียงท่ออย่างดังลั่น พอมาถึงสามแยกบ้านหนองน้ำทิพย์ ได้หมุนโชว์กลางแยก 1 รอบ จากนั้นขับไปยูเทิร์นกลับมาอีกรอบ เลี้ยวเข้าทางแยกหนองน้ำทิพย์ได้ประมาณ 300 เมตร […]

ตำรวจเร่งตามหาเจ้าของเงิน 12 ล้าน วางทิ้งข้างถังขยะ

นนทบุรี 6 มิ.ย. – ตำรวจเร่งตามหาเจ้าของเงินสด 12 ล้าน ในกล่องพลาสติก วางทิ้งข้างถังขยะคอนโดฯ ย่านเมืองทองธานี จากกรณีพลเมืองดีพบธนบัตรไทยจำนวนมาก ถูกซุกซ่อนอยู่ภายในกล่องพลาสติก บริเวณคอนโดฯ ย่านเมืองทองธานี จ.นนทบุรี เจ้าหน้าที่ตรวจสอบพบเอกสารเกี่ยวกับหนังสือรับรองการหักภาษี ณ ที่จ่ายและซองจดหมาย ปรากฏชื่อบุคคลและหน่วยงานรัฐในเอกสาร จึงได้ยึดธนบัตรดังกล่าวมาที่ สภ.ปากเกร็ด เพื่อพิสูจน์ว่าเป็นเงินอะไร ได้มาถูกต้องหรือไม่ และใครเป็นเจ้าของที่แท้จริง เบื้องต้นพบเป็นเงินสดจำนวน 12 ล้านบาท และเมื่อเจ้าหน้าที่นำสายรัดของธนบัตรดังกล่าวไปตรวจสอบ พบว่ามีการจ่ายเงินออกมาจำนวนดังกล่าวตั้งแต่ปี 2563    พลเมืองดีเล่าว่า เวลาประมาณ 20.00 น. ของเมื่อวานนี้ (5 มิ.ย.) ตนและเพื่อนเดินไปลิฟต์ที่ชั้น 4 ซึ่งข้างลิฟต์เป็นที่ทิ้งขยะ เห็นกล่องสภาพดีวางอยู่ ก็จะเก็บไปใช้ ซึ่งกล่องถูกเปิดแง้มเอาไว้และมีเสื้อผ้าวางทับด้านบน จึงเปิดดูพบเงินสดฉบับละ 1,000 บาท เป็นมัดๆ จำนวนมาก จึงโทรแจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจเข้ามาตรวจสอบ ความคืบหน้าในการติดตามหาตัวคนที่นำกล่องเงินมาทิ้ง ตำรวจสืบสวน สภ.ปากเกร็ด ได้ลงพื้นที่ไล่ตรวจสอบกล้องวงจรปิดบริเวณจุดที่พบเพื่อหาเบาะแสคนที่นำกล่องพลาสติกมาทิ้ง เบื้องต้นยังไม่พบผู้ต้องสงสัย นอกจากนี้ยังได้พยายามติดต่อกับ นายทวีวัฒน์ […]

น้ำมันรั่วลงทะเล

สั่งเจ้าท่าระงับเหตุน้ำมันดิบรั่วไหลจากเรือ Phoenix Jamnagar

ชลบุรี 6 มิ.ย.- “มนพร” สั่งการกรมเจ้าท่าตั้งศูนย์ประสานงานแก้ไขปัญหาและควบคุมสถานการณ์น้ำมันดิบรั่วไหลจากเรือ Phoenix Jamnagar บริเวณท่าเรือบริษัทไทยออยล์ จำกัด (มหาชน) ศรีราชา จังหวัดชลบุรี นางมนพร เจริญศรี รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม สั่งการให้ นายกริชเพชร ชัยช่วย อธิบดีกรมเจ้าท่า ดำเนินการจัดตั้งศูนย์ประสานงานป้องกันและขจัดมลพิษทางน้ำเนื่องจากน้ำมัน เพื่อ ระงับเหตุน้ำมันดิบรั่วไหลจากเรือ Phoenix Jamnagar ซึ่งเป็นเรือบรรทุกน้ำมันดิบสัญชาติสิงคโปร์ หมายเลข IMO 9828962 โดยเหตุเกิดบริเวณทุ่นรับน้ำมันกลางทะเล (SBM2) ของบริษัทไทยออยล์ จำกัด (มหาชน) ในเขตพื้นที่ศรีราชา จังหวัดชลบุรี เหตุการณ์เกิดขึ้นเมื่อเวลา 00.54 น. โดยมีสาเหตุมาจากท่อส่งน้ำมันที่ชำรุด ส่งผลให้น้ำมันดิบรั่วไหลลงสู่ทะเลในปริมาณประมาณ 20 คิว หรือราว 20 ตัน กรมเจ้าท่าได้ดำเนินการประเมินสถานการณ์โดยเร่งดำเนินการจัดตั้งศูนย์ประสานงานฯ ณ โรงกลั่นน้ำมันของบริษัทไทยออยล์ จังหวัดชลบุรี เพื่อเป็นศูนย์กลางในการควบคุมเหตุการณ์ ทั้งนี้กรมเจ้าท่าในฐานะเลขานุการศูนย์ประสานงาน ได้ประสานกองทัพเรือจัดตั้งศูนย์บัญชาการเหตุการณ์ในการขจัดคราบน้ำมัน จากการสำรวจพื้นที่ พบว่าลักษณะของคราบน้ำมันเป็นคราบสีดำหรือน้ำตาลบาง ๆ […]

นักศึกษาเจอคอลเซ็นเตอร์ปั่นหัวถือมีดบุกโรงพัก

เชียงใหม่ 5 มิ.ย. – แก๊งคอลเซ็นเตอร์ หลอกนักศึกษาเชียงใหม่ สูญกว่า 2 ล้านบาท พ่อแม่เครียดหมดเนื้อหมดตัว บางรายถูกปั่นหัวให้ถือมีดบุกโรงพักเย้ยตำรวจ พบเฉพาะ สภ.ภูพิงค์ฯ มีเหยื่อโดนหลอกลักษณะนี้แล้วกว่า 300 ราย กล้องวงจรปิดบันทึกภาพนักศึกษาสาว ชั้นปีที่ 4 ขี่รถจักรยานยนต์มาจอดภายใน สภ.ภูพิงค์ราชนิเวศน์ อำเภอเมือง จังหวัดเชียงใหม่ จากนั้นเดินไปเข็นวีลแชร์ที่อยู่ตรงหัวมุมอาคาร แล้วก็เข็นไปเข็นมาอยู่อย่างนั้น ก่อนจะถือมีดไปที่บริเวณห้องรับแจ้งความ และอ้างว่า จะมาขอพบตำรวจนายหนึ่ง แต่ไม่มีชื่อนี้อยู่ที่โรงพัก จึงขอพบ พันตำรวจเอก มนัสชัย อินทร์เถื่อน ผู้กำกับ สภ.ภูพิงค์ราชนิเวศน์ เพราะไปฆ่าคนตายมา ขณะนั้น ตำรวจสืบสวนสังเกตเห็นว่า นักศึกษาสาวมีท่าทางหวาดระแวงใส่หูฟังเหมือนกับทำตามคำสั่งใครสักคนที่สั่งการจากปลายสาย ด้านตำรวจจึงชวนพูดคุยสอบถามสักพัก จนยอมวางมีดลง จากนั้น ตำรวจจึงขอให้ดึงหูฟังออก ปรากฏว่า นักศึกษาสาวกลับได้สติขึ้นมาว่า ชายที่สั่งการทางโทรศัพท์ไม่ใช่ตำรวจจริง เป็นแก๊งคอลเซ็นเตอร์ สั่งให้มาป่วนตำรวจ เนื่องจากไม่มีเงินโอนให้ เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 3 มิ.ย. ที่ผ่านมา ตำรวจจึงตรวจสอบพบว่า ในวันเดียวกัน […]

ข่าวแนะนำ

ลอบวางระเบิด 2 จุด กลางตลาดโต้รุ่งเมืองปัตตานี

ปัตตานี 8 มิ.ย. – คนร้ายลอบวางระเบิดกลางตลาดโต้รุ่ง เขตเทศบาลเมืองปัตตานี รถจักรยานยนต์เสียหาย 2 คัน เบื้องต้นไม่มีผู้ได้รับบาดเจ็บหรือเสียชีวิต วันที่ 8 มิ.ย.68 เวลา 20.00 น. เกิดเหตุคนร้ายไม่ทราบกลุ่มจำนวน ลอบวางระเบิดแสวงเครื่อง จำนวน 2 ลูก โดยจุดแรก วางระเบิดในถังขยะ หน้าร้านทอง บริเวณตลาดโต้รุ่ง เขตเทศบาลเมืองปัตตานี เบื้องต้นไม่มีผู้ได้รับบาดเจ็บหรือเสียชีวิต รถจักรยานยนต์ได้รับความเสียหาย จำนวน 2 คัน และจุดที่ 2 วางระเบิดในถังขยะ บริเวณในซอยข้างโรงแรม หลังตลาดโต้รุ่ง เขตเทศบาลเมืองปัตตานี เบื้องต้นไม่มีผู้ได้รับบาดเจ็บหรือเสียชีวิต การก่อเหตุครั้งนี้ คาดว่าเป็นการก่อเหตุเพื่อสร้างสถานการณ์ให้เกิดขึ้นในพื้นที่อย่างต่อเนื่อง ตามข้อมูลข่าวสารที่หน่วย ส.จว.ปัตตานี ได้ออกข่าวแจ้งเตือนไปแล้ว เมื่อวันที่ 26 พ.ค.68 เวลา 15.00 น. ปรากฏข่าวสารว่า นายมะกอเซ็ง หม้าแอ สมาชิก ผกร.ระดับปฏิบัติการ และสมาชิกจำนวน […]

นายกฯ เผยหารือกัมพูชา ตกลงปรับกำลังทหารทั้ง 2 ฝ่าย ลดเผชิญหน้า

ทำเนียบรัฐบาล 8 มิ.ย. – นายกฯ เผยหารือกับรัฐบาลกัมพูชา ทั้ง 2 ฝ่ายตกลงจะร่วมกันปรับกำลังทหาร จุดที่มีการกระทบกระทั่ง เพื่อลดการเผชิญหน้า เดินหน้าใช้กลไก JBC 14 มิ.ย.นี้ นำพาความสัมพันธ์เข้าสู่ภาวะปกติโดยเร็ว น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี โพสต์ข้อความผ่านโซเชียลมีเดีย ระบุว่า ความพยายามคลี่คลายสถานการณ์ความขัดแย้งตามแนวชายแดน โดยการปฏิบัติงานของทั้งระดับนโยบาย โดยรัฐบาล ฝ่ายความมั่นคง กองทัพ กระทรวงการต่างประเทศ และทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง มีพัฒนาการในทางที่ดีขึ้นเป็นลำดับค่ะ ดิฉันได้หารือกับรัฐบาลกัมพูชา มีข้อสรุปที่ส่งผลดีต่อสถานการณ์ โดยทั้ง 2 ฝ่ายตกลงจะร่วมกันปรับกำลังทหาร ณ จุดที่มีการกระทบกระทั่ง เพื่อลดบรรยากาศการเผชิญหน้า และจะพัฒนาความร่วมมือโดยใช้กลไก JBC ในวันที่ 14 มิถุนายนนี้ และจะมีการพูดคุยกันในทุกระดับ เพื่อนำพาความสัมพันธ์ของทั้ง 2 ประเทศเข้าสู่ภาวะปกติโดยเร็วค่ะ ขอให้พี่น้องประชาชนติดตามสถานการณ์และข้อเท็จจริงจากรัฐบาล พร้อมทั้งเป็นกำลังใจให้เจ้าหน้าที่ปฏิบัติงานจนประสบผลสำเร็จต่อไป สุดท้ายนี้ ขอให้พี่น้องประชาชนได้โปรดคลายความกังวล และมีความมั่นใจในการแก้ไขปัญหาของรัฐบาลว่า จะไม่มีเหตุกระทบกระทั่งที่รุนแรงเกิดขึ้นแน่นอนค่ะ.-316-สำนักข่าวไทย

โฆษก ทบ. ยันทหารกัมพูชายอมถอนกำลัง-กลบคูเลต ลดตึงเครียด

8 มิ.ย. – โฆษก ทบ. ยืนยันทหารกัมพูชายอมถอนกำลังกลับไปอยู่จุดเดิม พร้อมกลบคูเลตให้คืนสู่สภาพเดิม หลังบรรลุข้อตกลงการหารือ เพื่อคลี่คลายสถานการณ์ในพื้นที่พิพาทบริเวณช่องบก ลดความตึงเครียด วันนี้ (8 มิ.ย.68)​ พล.ต.วินธัย สุวารี โฆษกกองทัพบก เปิดเผยว่า ฝ่ายกัมพูชา นำโดย พล.ท.สรัย ดึก รองผู้บัญชาการทหารบก และผู้บัญชาการกองพลสนับสนุนที่ 3 ได้เชิญฝ่ายทหารไทย โดย พล.ต.สมภพ ภาระเวช ผู้บัญชาการกองกำลังสุรนารี เข้าร่วมหารือ เพื่อเจรจาเกี่ยวกับกรณีปัญหาการรุกล้ำดินแดนในพื้นที่พิพาทบริเวณช่องบก จากการหารือเบื้องต้น ทั้งสองฝ่ายได้บรรลุข้อตกลงในประเด็นสำคัญ คือ ฝ่ายทหารกัมพูชายินยอมถอนกำลังกลับไปยังจุดที่เคยประจำการอยู่เดิม ซึ่งอยู่ห่างจากบริเวณที่เกิดเหตุปะทะ หรือแนวต้นพญาสัตบรรณ ลึกเข้าไปในเขตแดนของประเทศกัมพูชา จุดดังกล่าวเป็นพื้นที่ที่ฝ่ายกัมพูชาเคยใช้เป็นแนววางกำลังฐานมาโดยตลอดในอดีต นอกจากนี้ ฝ่ายกัมพูชายังแสดงความยินยอมที่จะดำเนินการกลบคูเลตให้กลับคืนสู่สภาพธรรมชาติตามเดิม ตามข้อเสนอของฝ่ายไทย เพื่อเป็นการลดความตึงเครียด และสร้างบรรยากาศแห่งความร่วมมือ ภายหลังจากนี้ ทั้งสองฝ่ายเห็นพ้องร่วมกันที่จะใช้กลไกระดับคณะกรรมการชายแดนส่วนท้องถิ่น เป็นช่องทางในการหารือแนวทางบริหารจัดการพื้นที่อย่างเหมาะสมและยั่งยืนต่อไป.-313-สำนักข่าวไทย

มทภ.2 สั่งกองกำลังสุรนารี ปรับเวลาเปิด-ปิด จุดผ่านแดนกัมพูชา 

8 มิ.ย.- เกาะติดสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา แม่ทัพภาค 2 ลงนามคำสั่งให้อำนาจผู้บัญชาการกองกำลังสุรนารี พิจารณาปรับเวลาเปิด-ปิด ด่านถาวรและจุดผ่อนปรนการค้า 4 ด่าน มีผลทันทีเมื่อคืนนี้ กองทัพภาคที่ 2 ออกหนังสือคำสั่ง การควบคุมการเปิด-ปิดจุดผ่านแดนทุกประเภทตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชา ในพื้นที่รับผิดชอบของกองกำลังสุรนารี ตามคำสั่งกองทัพบก เพื่อความปลอดภัยของประชาชน ให้กองทัพภาคที่ 2 โดยกองกำลังกำลังสุรนารีมีอำนาจการควบคุมการเปิด-ปิดจุดผ่านแดนทุกประเภทตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชาในพื้นที่รับผิดชอบของกองกำลังสุรนารี วิธีการและเงื่อนไขหรือเงื่อนเวลา ที่จำเป็นเหมาะสม ในพื้นที่รับผิดชอบของกองกำลังสุรนารี ดังนี้