ทางหลวงปั้นแผนพัฒนา 10 ปี “ทางเลี่ยง-วงแหวน” ทั่วไทย

กรุงเทพฯ 28 เม.ย.- กรมทางหลวงเดินหน้าพัฒนาโครงข่ายถนนวงแหวน-ทางเลี่ยงเมือง กว่า 57 แห่งทั่วไทย พร้อมเร่งจัดทำ Action Plan ระยะยาว 10 ปี ตั้งแต่ปี 68-78 ทั้งระยะสั้น กลาง ยาว อีก 25 แห่งทั่วประเทศ หวังรองรับการขยายตัวของเขตเมืองในจังหวัดหลักของภูมิภาค เศรษฐกิจท้องถิ่นเติบโตอย่างต่อเนื่อง


นายสราวุธ ทรงศิวิไล อธิบดีกรมทางหลวง(ทล.) เปิดเผยว่า จากที่มีการพัฒนา โครงสร้างพื้นฐานด้านต่างๆเพื่อรองรับการขยายตัวของชุมชน เขตเมืองต่าง ๆ ในภูมิภาค อย่างต่อเนื่องในทุก ๆ พื้นที่ของประเทศไทย ส่งผลทำให้โครงข่ายถนนทางหลวงเดิมที่มีอยู่กว่า 53,000 กม.ทั่วไทย และที่กระจายไปในพื้นที่ชุมชน ต้องรองรับการจราจรที่เพิ่มสูงขึ้น ซึ่งทำให้บางเส้นทาง หรือ บางช่วงที่ต้องผ่านตัวชุมชน เขตเมืองจราจรติดขัด ขณะที่กรมทางหลวงได้มีการก่อสร้างขยายช่อง จราจรเพื่อรองรับการเดินทางของประชาชนแบบเต็มเขตทางไปแล้ว ทำให้ปัจจุบัน ไม่สามารถก่อสร้างเพิ่มช่องจราจรได้อีก ขณะที่ความต้องการในการเดินทางยังสูงขึ้น ส่งผลให้ผู้ใช้ทางที่ต้องการเดินทางผ่านเมืองประสบปัญหาจราจรติดขัด เกิด ความล่าช้าในการเดินทาง รวมถึงบางครั้งมีปัญหาอุบัติเหตุ ทำให้ผู้ใช้ทางในชุมชนไม่ได้รับความปลอดภัยแก้รถติดเขตชุมชน รองรับขยายเมือง

โดยจากปัจจัยต่างๆดังกล่าวจึงเป็นสาเหตุหลักที่ทำให้กรมทางหลวงต้องวางแผน พัฒนาก่อสร้างทางเลี่ยงเมือง – วงแหวนรอบนอก ในจังหวัดหลักๆของประเทศที่มีการอัตราการเติบโตปริมาณจราจรสูง เพื่อแยกปริมาณการจราจรที่ไม่จำเป็นต้อง เดินทางผ่านพื้นที่ชุมชนเมืองออกมา ซึ่งถนนทางเลี่ยงดังกล่าวเมื่อทำแล้วจะช่วย ลดจราจรติดขัด ลดปัญหาอุบัติเหตุ รวมถึงช่วยรองรับการพัฒนาของชุมชนเมือง รองรับการกระจายความเจริญลงสู่ท้องถิ่น ยกระดับคุณภาพชีวิตของประชาชน


“ขณะเดียวกันข้อดีของการก่อสร้างทางเลี่ยง หรือ วงแหวนรอบนอกเขตเมือง จะทำให้ประชาชนคนเดินทางไม่ต้องผ่านชุมชน หรือ เมือง แต่ข้อเสียอาจจะมีอยู่บ้าง ที่โครงการทางเลี่ยงเมือง จะใช้ระยะเวลาก่อสร้างที่ยาวนานเฉลี่ยกว่า6-10 ปี สาเหตุเนื่องจากเป็นเส้นทางที่ขีดเส้นขึ้นมาใหม่ ต้องมีการเวนคืนที่ดิน ดังนั้นการก่อสร้างเมื่อได้เริ่มสร้างจะเป็นทางเลี่ยงเมืองก่อน หากโครงการสำเร็จก็จะเป็นการ สร้างต่อเชื่อมเป็นวงแหวนรอบนอก” นายสราวุธกล่าว

อย่างไรก็ตามจะเห็นได้ว่ากรมทางหลวงได้ทำการวางแผนพัฒนาทางเลี่ยงเมือง และถนนวงแหวนตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน โดยมีทางเลี่ยงเมืองและถนนวงแหวนที่ ก่อสร้างแล้วเสร็จทั่วประเทศ จำนวน 50 แห่ง ระยะทางรวม 984.633 กิโลเมตร ซึ่งสามารถจำแนกตามภาคต่าง ๆ ดังนี้ คือ ภาคเหนือ มี 13 แห่ง ระยะทาง 281.024 กม., ภาคกลาง มี 13 แห่ง ระยะทาง 189.437 กม., ภาคตะวันออกเฉียง เหนือ มี17 แห่ง ระยะทาง 339.095 กม., ภาคใต้ มี 7 แห่ง ระยะทาง 175.077 กม. เดินหน้าสร้างทางเลี่ยงเมือง7แห่งทั่วไทย

นายสราวุธ กล่าวต่อว่า นอกจากนี้ในปัจจุบัน กรมทางหลวงได้มีการก่อสร้างทาง เลี่ยงเมืองและถนนวงแหวนที่อยู่ระหว่างก่อสร้าง และจะแล้วเสร็จให้ประชาชน สัญจรได้ในปี 66-67 จำนวน 7 แห่ง มีระยะทางรวม 145.525 กิโลเมตร ซึ่ง สามารถจำแนกตามภาคต่าง ๆ ดังนี้ ภาคเหนือ อยู่ระหว่างก่อสร้าง 1 แห่ง คือ ทางเลี่ยงเมืองเชียงของจังหวัดเชียงราย ระยะทาง 9.103 กม. วงเงินก่อสร้าง 1,044 ล้านบาท คาดจะแล้วเสร็จในเดือน ส.ค.67 ส่วนภาคกลางอยู่ระหว่าง ก่อสร้าง 1 แห่ง ทางเลี่ยงเมืองนครสวรรค์ด้านตะวันออก ตอนแยกทางหลวง หมายเลข 117-บรรจบทางหลวงหมายเลข 225 ระยะทาง 20.000 กม. วงเงิน ก่อสร้าง 3,196 ล้านบาท คาดจะแล้วเสร็จในเดือน ก.ย.67


สำหรับภาคตะวันออกเฉียงเหนือ อยู่ระหว่างก่อสร้างจำนวน 3 แห่ง ระยะทางรวม 95.040 กม. ประกอบด้วย 1.วงแหวนรอบเมืองนครราชสีมา วงเงินงบประมาณ 7,650 ล้านบาท คาดจะแล้วเสร็จในเดือน ก.ย.66 2.ทางเลี่ยงเมืองหนองคาย(ด้านตะวันออก) วงเงินงบประมาณ 2,893 ล้านบาท คาดจะแล้วเสร็จใน เดือน ส.ค.66 และ 3.ทางเลี่ยงเมืองบึงกาฬ วงเงินงบประมาณ 1,714 ล้านบาท คาดว่าจะแล้ว เสร็จเดือน มี.ค.66 ส่วนภาคใต้ อยู่ระหว่างก่อสร้าง 2 แห่ง ระยะทางรวม 21.382 กม. ประกอบด้วย 1.ทางเลี่ยงเมืองปัตตานี วงเงินงบประมาณ 1,851 ล้านบาทคาดว่าจะแล้วเสร็จในปี 67 และ 2.ทางเลี่ยงเมืองหาดใหญ่ด้านตะวันออก วงเงินงบประมาณ 569 ล้านบาท คาดว่าจะแล้วเสร็จ เดือน เม.ย.66 เร่งทำ Action Plan 10 ปี รองรับเศรษฐกิจท้องถิ่นโต

นายสราวุธ กล่าวต่อว่า ส่วนการพัฒนาโครงข่ายทางหลวงในอนาคตของกรมทางหลวง นอกจากสร้างถนนเพิ่มขยายเลน บำรุงรักษาถนนที่มีอยู่แล้ว ขณะนี้ทาง กรมทางหลวงยังได้ให้ความสำคัญในการพัฒนาโดยเฉพาะทางเลี่ยงเมืองเป็นอันดับต้นๆ เนื่องจากผลการศึกษาพบว่า หากจะมีการพัฒนา หรือ ขยายโครงข่าย ถนนให้เกิดประสิทธิภาพและ คุ้มค่าต่อการลงทุนงบประมาณของภาครัฐ และเกิดประโยชน์สูงสุดมากที่สุด จะต้องมีการพัฒนาโครงข่ายทางเลี่ยงเมือง และ วงแหวนรอบนอกเขตเมือง

ดังนั้น กรมทางหลวงจึงได้มีการศึกษาเพื่อจัดทำแผนพัฒนาทางเลี่ยงเมือง (Action Plan) ระยะยาว 10 ปี ตั้งแต่ปี 68-78 เพื่อมาแก้ไขปัญหาจราจรบริเวณเขตเมืองในภูมิภาคทั่วไทย ทั้งนี้ในการดำเนินการศึกษาจะแบ่งเป็น 2 ส่วนคือส่วนที่ 1 ศึกษาความเหมาะสมทางด้านเศรษฐกิจ วิศวกรรม และตรวจสอบผลกระทบสิ่งแวดล้อมเบื้องต้นของโครงการทางเลี่ยงเมืองในอนาคตที่มีศักยภาพ โดยพิจารณาปัญหาการจราจร รวมถึงแนวโน้มการพัฒนาทางด้านเศรษฐกิจและสังคม และแนวโน้มการพัฒนาเมือง รวมถึงการบูรณาการร่วมกับการวางผังเมือง หน่วยงานในท้องถิ่นและชุมชน ส่วนที่ 2 จะมีการวิเคราะห์ความคุ้มค่า และจัดลำดับ ความสำคัญของโครงการ เพื่อจัดทำแผนพัฒนาทางทางเลี่ยงเมืองของกรมทางหลวง ทั้งในช่วงระยะสั้น ระยะกลางและระยะยาวต่อไป เพื่อให้การพัฒนาโครงข่ายเกิดประสิทธิภาพสูงสุด

สำหรับแผนพัฒนาทางเลี่ยงเมือง และถนนวงแหวนในอนาคตระยะ 10 ปีนั้น เบื้องต้นจะกระจายสร้างทั่วไทย ซึ่งโครงข่ายจะเป็นทั้งแนวใหม่และเสริมโครงข่ายเดิม ให้สมบูรณ์ จำนวนกว่า 25 แห่ง ระยะทางรวมกว่า 484.05 กม. แบ่งเป็นภาค เหนือ 7 แห่ง ระยะทาง 116.6 กม., ภาคกลาง 4 แห่ง ระยะทาง 116.7 กม., ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ 7 แห่งระยะทาง 119.6 กม., ภาคใต้ 7 แห่ง ระยะทาง 131.15 กม.อีกด้วย.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

“สุชาติ” จ่อลาออก สส. ให้สภามี สส.ทำงาน

ทำเนียบ 7 ก.ค.-“สุชาติ” เผยเตรียมลาออก สส. เพื่อให้บัญชีรายชื่อลำดับถัดไปได้ขึ้นมา มองให้สภามี สส.ทำงาน นายสุชาติ ตันเจริญ รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงธรรมเนียมปฏิบัติของคนที่เป็น สส.ระบบบัญชีรายชื่อ จะลาออกเมื่อเป็นรัฐมนตรี หรือไม่ว่า ที่ผ่านมายังไม่มีการลาออกแต่โดยธรรมเนียมก็ควรจะลาออก เพราะการทำหน้าที่ของรัฐมนตรีก็เต็มเวลาอยู่แล้ว ไม่มีเวลาที่จะไปช่วยงานสภา ซึ่งขณะนี้สภาเสียงปริ่มน้ำ ซึ่งตนมีความตั้งใจที่จะลาออกจาก สส ระบบบัญชีรายชื่ออยู่แล้ว เพื่อให้ สส.ระบบบัญชีรายชื่อลำดับถัดไปได้เลื่อนขึ้นมา ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สส. ลำดับถัดไปที่จะขึ้นมาเป็น สส.แทนนายสุชาติ คือ นายเอกพร รักความสุข บัญชีรายชื่อพรรคเพื่อไทย ลำดับที่ 38.-316.-สำนักข่าวไทย

พม.ร้องเอาผิด “จอนนี่ มือปราบ” สร้างรีสอร์ทรุกล้ำที่ส่วนกลาง

บก.ปทส. 7 ก.ค. – จนท.กรมพัฒนาสังคมฯ ร้องตำรวจป่าไม้ตรวจสอบปมรีสอร์ทของ “จอนนี่มือปราบ” อินฟลูชื่อดัง บุกรุกพื้นที่นิคมสร้างตนเองลำโดมน้อย ในอุบลราชธานี และถูกข่มขู่ไม่ให้เข้าพื้นที่ นายวัชระ โกเสนตอ นักพัฒนาสังคมชำนาญการพิเศษ ได้รับมอบอำนาจจากนายกันตพงศ์ รังษีสว่าง อธิบดีกรมพัฒนาสังคมและสวัสดิการ กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ นำหลักฐานเอกสารเข้าแจ้งความกับกองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม หรือ บก.ปทส. เพื่อให้ดำเนินคดีกับ ด.ต.ยุทธพล หรือ “จอนนี่ มือปราบ” อดีตตำรวจที่ผันตัวลาออกจากราชการมาเป็นอินฟลูเอนเซอร์ กรณีสร้างรีสอร์ทรุกเข้าไปในเขตนิคมสร้างตนเองลำโดมน้อย ตำบลคำเขื่อนแก้ว อำเภอสิรินธร จังหวัดอุบลราชธานี นายวัชระ เปิดเผยว่า กรมพัฒนาสังคมฯ รับแจ้งจากนิคมสร้างตนเองลำโดมน้อย ว่ามีผู้เข้าไปทำประโยชน์ในที่ดินของนิคมโดยไม่ได้รับอนุญาต โดยส่วนที่รุกล้ำเข้ามาเป็นพื้นที่ที่นิคมกันไว้เป็นป่าไม้ส่วนกลาง 20% รุกล้ำเข้ามาประมาณ 1 ไร่ และเริ่มก่อสร้างรีสอร์ทเมื่อปี 2564 เป็นต้นมา และทางกรมฯ ก็ได้ลงบันทึกประจำวันและมีหนังสือให้ระงับการดำเนินการรีสอร์ทมาตั้งแต่ปี 2565 แต่เจ้าของรีสอร์ทไม่ให้ความร่วมมือ และยังมาโวยวายที่นิคมฯ ข่มขู่เจ้าหน้าที่ ไม่ให้เจ้าหน้าที่เข้าไปที่รีสอร์ท ทั้งนี้นิคมสร้างตนเองลำโดมน้อย มีพื้นที่ตามแนวเขตตามแผนที่ท้ายพระราชกฤษฎีกาจัดตั้งนิคมสร้างตนเองฯ ชัดเจน เนื้อที่ […]

Camp Mystic after Texas floods

เปิดภาพความเสียหายน้ำท่วมแคมป์ในเท็กซัส

เท็กซัส 6 ก.ค.- ทีมกู้ภัย อาสาสมัครและตำรวจ ช่วยกันรื้อถอนเศษซากความเสียหายและซากต้นไม้กิ่งไม้ใกล้ที่ตั้งแคมป์ในรัฐเท็กซัสของสหรัฐ ซึ่งมีนักเรียนหญิง 27 คน สูญหายจากเหตุน้ำท่วมฉับพลันที่เกิดขึ้นเมื่อเช้ามืดวันศุกร์ตามเวลาท้องถิ่น   ค่ายมิสติก (Camp Mystic) เป็นค่ายกิจกรรมนักเรียนหญิงล้วน มีนักเรียนเข้าร่วมกิจกรรมในค่าย 700 คน ในช่วงที่เกิดฝนตกหนักและน้ำท่วมฉับพลันครั้งใหญ่ในเทศมณฑลเคอร์ ทางตอนกลางของรัฐเท็กซัส แคมป์แห่งนี้ตั้งอยู่ริมฝั่งแม่น้ำกัวดาลูปในแถบหุบเขาตอนกลางรัฐเท็กซัส ซึ่งเป็นศูนย์กลางที่เกิดน้ำท่วม ก่อตั้งโดยโค้ชฟุตบอลมหาวิทยาลัยเท็กซัส เมื่อเกือบหนึ่งร้อยปีก่อนในปี 2469 เพื่อให้เยาวชนหญิงได้สัมผัสบรรยากาศแบบคริสเตียนในการพัฒนาตนเอง.-820(814).-สำนักข่าวไทย

กรมอุตุฯ เตือน 4 ภาครับมือฝนถล่ม ระวังน้ำท่วม-น้ำป่าไหลหลาก

กทม. 6 ก.ค.- กรมอุตุฯ เผยประเทศไทยยังมีฝนฟ้าคะนอง เตือน “เหนือ อีสาน ตะวันออก ใต้” รับมือฝนตกหนัก อาจเกิดน้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลาก กรมอุตุนิยมวิทยาเผยภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคตะวันออก และภาคใต้มีฝนตกหนักบางแห่ง ขอให้ประชาชนในบริเวณจังหวัดภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคตะวันออก และภาคใต้ ระวังอันตรายจากฝนตกหนักและฝนที่ตกสะสม ซึ่งอาจทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลันน้ำป่าไหลหลาก โดยเฉพาะพื้นที่ลาดเชิงเขาใกล้ทางน้ำไหลผ่านและพื้นที่ลุ่ม ทั้งนี้เนื่องจากมีหย่อมความกดอากาศต่ำปกคลุมบริเวณประเทศเมียนมาตอนบนและลาวตอนบน ประกอบกับมรสุมตะวันตกเฉียงใต้กำลังปานกลางยังคงพัดปกคลุมทะเลอันดามัน ประเทศไทย และอ่าวไทย สำหรับคลื่นลมบริเวณทะเลอันดามันและอ่าวไทยมีกำลังปานกลาง โดยทะเลอันดามันตอนบนมีคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร ส่วนทะเลอันดามันตอนล่างและอ่าวไทยตอนบนมีคลื่นสูง 1-2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร ขอให้ชาวเรือบริเวณทะเลอันดามันและอ่าวไทยเดินเรือด้วยความระมัดระวัง และหลีกเลี่ยงการเดินเรือในบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองไว้ด้วย อนึ่ง พายุโซนร้อน “ดานัส” บริเวณทะเลจีนใต้ตอนบน คาดว่าจะเคลื่อนเข้าใกล้ไต้หวัน ในช่วงวันที่ 6–7 กรกฎาคม 2568 โดยไม่ส่งผลกระทบโดยตรงต่อลักษณะอากาศของประเทศไทย แต่จะทำให้มรสุมตะวันตกเฉียงใต้ที่ปกคลุมประเทศไทยมีกำลังแรงขึ้น โดยพายุนี้ไม่เคลื่อนเข้าสู่ประเทศไทย – สำนักข่าวไทย

ข่าวแนะนำ

ผบ.กองกำลังนเรศวร ลงพื้นที่ หลังเมียนมาปะทะรุนแรง

ตาก 12 ก.ค. – ผบ.กองกำลังนเรศวร ลงพื้นที่ติดตามสถานการณ์ด่วน พร้อมเฝ้าระวังชายแดนอำเภอพบพระอย่างใกล้ชิด หลังเหตุปะทะในเมียนมาทวีความรุนแรง มีรายงานการโจมตีค่ายทหารเมียนมาด้วยโดรน กองกำลังกะเหรี่ยงเคเอ็นแอลเอ กลุ่มต่อต้านรัฐบาลเมียนมา ใช้โดรนทิ้งระเบิดโจมตีใส่ฐาน “ทีตาแหล่” ซึ่งตั้งอยู่ตรงข้ามบ้านวาเล่ย์เหนือ อำเภอพบพระ จังหวัดตาก หลายครั้ง ขณะที่ทหารเมียนมาก็ยิงปืนเล็กยาวตอบโต้ โดยยังไม่ทราบความเสียหายที่เกิดขึ้น และยังไม่มีรายงานผลกระทบต่อฝั่งประเทศไทย พลตรีไมตรี ชูปรีชา ผู้บัญชาการกองกำลังนเรศวร พร้อมคณะนายทหารระดับสูง และฝ่ายปกครองอำเภอพบพระ ลงพื้นที่ติดตามสถานการณ์บริเวณบ้านวาเล่ย์ และบ้านมอเกอร์ไทย อำเภอพบพระ อย่างใกล้ชิด เพื่อประสานงานกับหน่วยงานความมั่นคงในการเตรียมแผนเผชิญเหตุจากผลกระทบของการสู้รบใกล้แนวชายแดนในด้านมนุษยธรรม โดยขณะนี้มีผู้หนีภัยความไม่สงบชาวเมียนมาจำนวน 457 คน อาศัยอยู่ในพื้นที่ปลอดภัยชั่วคราว 2 แห่ง ในอำเภอพบพระ และได้รับการดูแลตามหลักมนุษยธรรมภายใต้ความร่วมมือของศูนย์สั่งการชายแดนประเทศเพื่อนบ้านด้านเมียนมา จังหวัดตาก และแนวทางของสภาความมั่นคงแห่งชาติ พลตรี ไมตรี เน้นย้ำให้หน่วยเฉพาะกิจราชมนู ร่วมกับฝ่ายปกครอง เพิ่มความเข้มงวดในการป้องกันการรุกล้ำอธิปไตยของกองกำลังติดอาวุธต่างชาติ และดูแลความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของประชาชนในพื้นที่ตลอด 24 ชั่วโมง ซึ่งกองกำลังนเรศวรยืนยันว่าประเทศไทยไม่ใช่คู่ขัดแย้ง และไม่สนับสนุนฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งในการใช้พื้นที่ประเทศไทยเพื่อประโยชน์ของตนเอง .-สำนักข่าวไทย

สองสาวใหญ่ย่องเข้ากุฏิพระอาพาธ ฉกมือถือ

กทม. 12 ก.ค. – สองสาวใหญ่ ย่องเข้ากุฏิพระอาพาธ ฉกโทรศัพท์มือถือลอยนวล พบเคยเข้ามาขอเงินหลวงตาแล้วครั้งหนึ่ง กล้องวงจรปิดบันทึกภาพขณะ ผู้หญิง 2 คนเข้าไปในกุฏิที่พระสงฆ์นอนอาพาธอยู่ คนหนึ่งนั่งพื้นส่วนอีกคนยืนอยู่แล้วเอื้อมมือไปหยิบโทรศัพท์มือถือบนเตียงนอนไป เหตุการณ์นี้ นายมนูญ อายุ 29 ปี หลานชายของพระลูกวัดแห่งหนึ่ง ในซอยประชาอุทิศ 27 ถนนประชาอุทิศ แขวงบางมด เขตทุ่งครุ กรุงเทพฯ ร้องเรียนกับผู้สื่อข่าว ให้ช่วยตามหาสองสาวใหญ่ ย่องเข้ากุฏิ “หลวงตาสุข” อายุ 80 ปี ซึ่งป่วยเป็นโรคประจำตัว ประกอบกับอายุมากเดินได้ไม่ปกติ โดยหลวงตาสุข เป็นพระลูกวัด พักอยู่กุฏิด้านหลังโบสถ์ เมื่อวานนี้ (11 ก.ค.) ประมาณ 13.45 น. ขณะกำลังนอนพักผ่อนอยู่ มีหญิงร่างท้วม 2 คนเข้าไปในกุฏิ จากนั้นคนใส่เอี๊ยมสีเขียวผมสั้นลงมือค้นหาสิ่งของบนหัวเตียง ส่วนอีกคนที่มาด้วย คอยดูต้นทาง จนกระทั่งหญิงคนที่รื้อหาสิ่งของมองเห็นโทรศัพท์มือถือ ราคาประมาณ 4,000 บาท ของพระที่วางไว้หัวเตียง […]

“บิ๊กเต่า” ให้โอกาสคณะสงฆ์ดำเนินการตรวจสอบข้อเท็จจริง

กทม. 12 ก.ค.-“บิ๊กเต่า” ให้โอกาสคณะสงฆ์ดำเนินการตรวจสอบข้อเท็จจริง กรณีเอี่ยวสีกากอล์ฟ เชื่อพระเป็นเหยื่อ หากไม่เสร็จพร้อมดำเนินการ เผยอดีตพระครูสิริวิริยธาดา ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดโสธรฯ เข้าให้ข้อมูล เป็นประโยชน์ต่อรูปคดี กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง วันนี้ (12 ก.ค.) หลังจากอดีตพระครูสิริวิริยธาดา ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดโสธรวรารามวรวิหาร เข้าให้ปากคำเจ้าหน้าที่ตำรวจกองปราบ เมื่อเวลา 12.30 น. แต่งกายด้วยชุดโปโลสีเทา กางเกงวอร์มขายาว ผู้สื่อข่าว พยายามสอบถามว่าเข้ามาให้ปากคำกรณีที่ปรากฏอยู่ในคลิปหรือไม่ ทางอดีตผู้ช่วยเจ้าวาสไม่ตอบ เมื่อถามเพิ่มเติมว่า คลิปที่ปรากฏอยู่ตอนนนี้ ใช่ตัวเองจริงหรือไม่ อดีตพระครูสิริวิริยธาดา ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดโสธรวรารามวรวิหาร ปิดปากเงียบ ไม่มีการให้ข้อมูลอะไรกับสื่อมวลชน ก่อนที่จะเดินขึ้นไปให้ข้อมูลกับเจ้าหน้าที่ตำรวจหน้ากองปราบด้านบน จากนั้นในเวลา 14.00 น. พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รอง ผบช.ก. เดินทางมาที่กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง โดยเดินทางขึ้นตึกด้านหลัง ใช้ลิฟต์ลานจอดรถ หลังเดินทางกลับจากวัดไตรมิตรวิทยารามวรวิหาร โดยหลบผู้สื่อข่าวที่มารออยู่ด้านหน้า และได้สอบปากคำอดีตพระครูสิริวิริยธาดา ในเวลา 16.20 น. พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ให้สัมภาษณ์ว่าการหารือกับพระผู้ใหญ่ในวันนี้ ก็ถือเป็นการทำงานร่วมกันกับ ปปท. ซึ่งมีผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ […]

อดีตผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดโสธร ย่องให้ข้อมูลตำรวจกองปราบ

12 ก.ค. – อดีตพระครูสิริวิริยธาดา ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดโสธรวรารามวรวิหาร แอบย่องเข้าให้ข้อมูลกับตำรวจกองปราบ เวลา 12.05 น. วันที่ 12 กรกฎาคม 2568 อดีตพระครูสิริวิริยธาดา ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดโสธรวรารามวรวิหาร เข้าให้ปากคำเจ้าหน้าที่ตำรวจกองปราบ เบื้องต้นส่วมชุด โปโลสีเทา กางเกงวอร์มขายาว ผู้สื่อข่าว พยายามสอบถามว่าวันนี้เข้ามาให้ปากคำกรณีที่ ปรากฏอยู่ในคลิปหรือไม่ ทางอดีตผู้ช่วยเจ้าวาสวัดโสธรฯ ไม่ตอบแต่อย่างใด ผู้สื่อข่าวสอบถามเพิ่มเติมต่ออีกว่า คลิปที่ปรากฏอยู่ตอนนี้ ใช่ตัวเองจริงหรือไม่นั้น ด้านอดีตพระครูสิริวิริยธาดา ปิดปากเงียบ ไม่มีการให้ข้อมูลอะไรกับสื่อมวลชน ก่อนที่จะเดินขึ้นไปให้ข้อมูลกับเจ้าหน้าที่ตำรวจหน้ากองปราบด้านบน.-414-สำนักข่าวไทย