กรุงเทพฯ 3 มี.ค. – เอ็กโก กรุ๊ป ชี้ราคาเชื้อเพลิงแพงขึ้นกระทบผู้บริโภค ชะลอการนำเข้าแอลเอ็นจี มั่นใจปีนี้กำไรเพิ่ม รับรู้รายได้โครงการใหม่ อัดงบลงทุน 30,000 ล้านบาท แสวงหาโอกาสสร้างการเติบโตตามทิศทางพลังงานโลก ลุยต่อยอดความสำเร็จด้านพลังงานหมุนเวียนในสหรัฐอเมริกาผ่าน “เอเพ็กซ์” ควบคู่พัฒนาเทคโนโลยี “การผลิตไฟฟ้าจากไฮโดรเจน (Hydrogen to Power)”
นายเทพรัตน์ เทพพิทักษ์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ เอ็กโก กรุ๊ป เปิดเผยว่า คาดว่าปี2565จะมีกำไรจากการดำเนินงานเพิ่มขึ้นตามการรับรู้รายได้จากการดำเนินงานแบบเต็มปีจากโรงไฟฟ้า “ลินเดน โคเจน” และการลงทุนใน “เอเพ็กซ์” และการรับรู้รายได้จากโครงการใหม่ 3 โครงการ ที่จะเปิดดำเนินการและเดินเครื่องเชิงพาณิชย์ในปี 2565 ได้แก่ โครงการขยายระบบขนส่งน้ำมันทางท่อไปยังภาคตะวันออกเฉียงเหนือ โรงไฟฟ้า “น้ำเทิน 1” ใน สปป.ลาว รวมถึงการทยอยเดินเครื่องเชิงพาณิชย์ของโรงไฟฟ้า “หยุนหลิน” ในไต้หวัน ซึ่งจะช่วยเพิ่มความสมดุลในพอร์ตโฟลิโอและจะสร้างผลตอบแทนที่ดีให้กับผู้ถือหุ้นในระยะยาว ซึ่งตามเป้าหมายจะจ่ายปันผลแก่ผู้ถือหุ้นไม่น้อยกว่าร้อยละ 9 โดยในปี2564 ว่า บริษัทมีมีรายได้รวมจากการดำเนินงาน 42,093 ล้านบาท และมีกำไรจากการดำเนินงาน 10,218 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 17% เมื่อเทียบกับปี 2563 ส่วนกรณีราคาพลังงานที่แพงขึ้น ทั้งน้ำมัน,ไฟฟ้า ,ก๊าซธรรมชาติ นายเทพรัตน์กล่าวว่า ต้นทุนพลังงานจะส่งต่อไปยังค่าไฟฟ้าของผู้บริโภค ตามสัญญาซื้อขายไฟฟ้ากับรัฐในแต่ละประเทศ มีเพียงร้อยละ 2 ของกำลังผลิตของเอ็กโก้ เท่านั้นที่เป็นสัญญากับเอกชนที่ บริษัทอาจได้รับผลกระทบบ้าง และราคาพลังงานที่แพงขึ้นก็ไม่ได้กระทบต่อดีลธุรกิจที่กำลังเจรจาขยายกำลังผลิตแต่อย่างใด ซึ่งในส่วนของธุรกิจเหมืองถ่านหิน ได้รับผลดีจากราคาถ่านหินที่พุ่งขึ้นถึง 400 เหรียญสหรัฐ/ตัน แต่บริษัทยังมุ่งมั่นว่าหากมีโอกาสก็จะถอนตัวออกจากธุรกิจนี้ ส่วนราคาแอลเอ็นจีที่สูงขึ้นก็ยอมรับว่า ทำให้เอ็กโก้ยังไม่สามารถนำเข้าได้แม้จะได้ใบอนุญาตนำเข้าแล้วก็ตาม แต่ก็ยังหาโอกาสในการเจรจาเพื่อเตรียมพร้อมนำเข้าในอนาคต
ปัจจุบันเอ็กโก กรุ๊ป มีกำลังผลิตไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียนรวม 1,364 เมกะวัตต์ และได้ต่อยอดความสำเร็จผ่านการถือหุ้น 17.46% ใน “เอเพ็กซ์ คลีน เอ็นเนอร์ยี โฮลดิ้ง” บริษัทชั้นนำด้านการพัฒนาโครงการพลังงานสะอาดขนาดใหญ่ในสหรัฐอเมริกา หลังจากเอ็กโก กรุ๊ป เข้าไปถือหุ้นตั้งแต่ปลายปี 2564 เป็นต้นมา เอเพ็กซ์ได้จำหน่ายโครงการพลังงานลมไปแล้ว 2 โครงการ กำลังผลิต 496 เมกะวัตต์ ทั้งนี้ ในปี 2564 เอ็กโก กรุ๊ป รับรู้กำไรจากการดำเนินงานของเอเพ็กซ์ จำนวน 435 ล้านบาท ปัจจุบันเอเพ็กซ์มีโครงการพลังงานสะอาดที่อยู่ระหว่างก่อสร้าง คิดเป็นกำลังผลิตประมาณ 492 เมกะวัตต์ นอกจากนั้น ยังมีโครงการที่อยู่ระหว่างพัฒนาอีกกว่า 42,000 เมกะวัตต์
“เอ็กโก กรุ๊ปตั้งงบลงทุน 5 ปี (65-69) 1.5 แสนล้านบาทเฉลี่ยปีละ 3 หมื่นล้านบาทตั้งเป้ามีกำลังผลิตใหม่เข้ามาราว 1 พันเมกะวัตต์ มุ่งมั่นแสวงหาโอกาสทางธุรกิจที่สอดคล้องกับยุคเทคโนโลยีดิสรัปชันและเทรนด์โลกซึ่งมุ่งสู่สังคมคาร์บอนต่ำ พร้อมกับขยายการลงทุนไปสู่ธุรกิจพลังงานที่เกี่ยวเนื่อง ได้แก่ ธุรกิจเชื้อเพลิงและสาธารณูปโภค รวมทั้งการต่อยอดธุรกิจหลักด้วยนวัตกรรมและเทคโนโลยี เป้าหมายจะมีความเป็นกลางทางคาร์บอน (Carbon Neutral) ภายในปี 2593 และเป้าหมายลดการปล่อยปริมาณก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ต่อหน่วยไฟฟ้าที่ผลิตได้ (Carbon Emission Intensity) 10% ภายในปี 2573” นายเทพรัตน์ กล่าวว่า
นอกจากนี้ เอ็กโก กรุ๊ป ได้ร่วมกับพันธมิตร Bloom energy และ กฟผ. ศึกษาและพัฒนา การผลิตพลังงานไฟฟ้าจากไฮโดรเจน ด้วยเทคโนโลยีเซลล์เชื้อเพลิงชนิดออกไซด์แบบแข็ง (SOFC) และเทคโนโลยีแยกน้ำด้วยไฟฟ้า (SOEC) ในไทยและอาเซียน ซึ่งนับเป็นเทคโนโลยีการผลิตไฟฟ้าแห่งอนาคต ด้วยจุดเด่นด้านการติดตั้งที่ง่ายและยืดหยุ่น การผลิตไฟฟ้าที่สม่ำเสมอและเชื่อถือได้ รวมทั้งมีการปลดปล่อยมลพิษทางอากาศและน้ำที่ต่ำมากจนเกือบจะเป็นศูนย์ จึงเป็นการปิดจุดอ่อนของการผลิตไฟฟ้าด้วยเชื้อเพลิงฟอสซิลแบบดั้งเดิมและพลังงานหมุนเวียน โดยปัจจุบันมีการประยุกต์ใช้เทคโนโลยีนี้แล้วในประเทศสหรัฐอเมริกา ญี่ปุ่น อินเดีย และเกาหลีใต้ รวมกำลังผลิตประมาณ 600 เมกะวัตต์.-สำนักข่าวไทย