ระยอง 28 ม.ค. – กรมอุทยานฯ ตรวจสอบชายหาด 6 แห่งในเขตอุทยานแห่งชาติเขาแหลมหญ้า-หมู่เกาะเสม็ดยังไม่พบคราบน้ำมัน แต่ยังเฝ้าระวังต่อเนื่องเพราะผลการใช้แบบจำลองพบว่า คราบน้ำมันยังมีแนวโน้มเคลื่อนตัวสู่ฝั่งใน จ.ระยอง
นายรวมศิลป์ มานะจงประเสริฐ ผู้อำนวยการสำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 2 (ศรีราชา) กล่าวว่า หัวหน้าอุทยานแห่งชาติเขาแหลมหญ้า-หมู่เกาะเสม็ดยังคงติดตามและเฝ้าระวังผลกระทบที่อาจเกิดจากเหตุการณ์น้ำมันดิบของบริษัท สตาร์ ปิโตรเลียม รีไฟน์นิ่ง จำกัด (มหาชน) รั่วไหลจากท่อใต้ทะเลของทุ่นรับน้ำมันดิบกลางทะเลบริเวณมาบตาพุด จังหวัดระยอง
ทั้งนี้ประสานกับกรมควบคุมมลพิษ โดย ศูนย์ควบคุมมลพิษจังหวัดระยอง กองจัดการคุณภาพน้ำ และสำนักงานสิ่งแวดล้อมภาคที่ 13 (ชลบุรี) เก็บตัวอย่างน้ำทะเลบริเวณชายหาด วิเคราะห์สารโลหะหนักและปิโตรเลียมไฮโดรคาร์บอน 6 จุดได้แก่ หาดพยูน หาดน้ำริน หาดไออาร์พีซี หาดภายในค่ายมหาสุรสิงหนาท (ร.พัน.7) ที่ระยะห่างจากฝั่ง 10 เมตรและ 100 เมตร รวมถึงหาดแม่รำพึงซึ่งผลการตรวจวัดคุณภาพน้ำภาคสนามทั้ง 6 จุด อยู่ในเกณฑ์ปกติและยังไม่พบคราบน้ำมันบริเวณชายหาด
ส่วนการตรวจสอบคราบน้ำมันในทะเลพบว่า แผ่ขยายกว้าง โดยแบ่งเป็น 2 ลักษณะคือ ฟิล์มน้ำมันสีเงินจากพื้นที่ 1 ตารางกิโลเมตร แผ่ขยายเป็น 14.2 ตารางกิโลเมตร อีกลักษณะคือ น้ำมันสีน้ำตาลเข้ม จากพื้นที่ 1 ตารางกิโลเมตร แผ่ขยายเป็น 1.3 ตารางกิโลเมตร โดยอยู่ห่างจากฝั่ง 7.82 กิโลเมตร
ทั้งนี้จากแบบจำลอง OilMap ของกรมควบคุมมลพิษที่ใช้ทำนายการเคลื่อนที่ของคราบน้ำมันในทะเลยังคงบ่งชี้ว่า คราบน้ำมันมีแนวโน้มเคลื่อนตัวสู่ชายฝั่งจังหวัด แต่เนื่องจากความเร็วและทิศทางลมของกระแสน้ำและกระแสลมแต่ละช่วงเวลาเปลี่ยนแปลงไป จึงยังบอกได้ไม่แน่ชัดว่า จะเคลื่อนตัวเข้าสู่ชายฝั่งทะเลบริเวณหาดแม่รำพึงจนถึงบริเวณอุทยานแห่งชาติเขาแหลมหญ้า-หมู่เกาะเสม็ดในวันนี้ (28 ม.ค.) เวลาประมาณ 17.00 น. ตามที่คำนวณไว้หลังเกิดเหตุหรือไม่ แต่ผู้เชี่ยวชาญกรมควบคุมมลพิษนำมูลของกระแสน้ำและกระแสลมคำนวณเพื่อคาดการณ์ทุกระยะ รวมถึง GISDA ส่งข้อมูลจากการแปลภาพถ่ายดาวเทียมให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องใช้ป้องกัน เฝ้าระวัง และกำหนดแนวทางแก้ไขปัญหาจากผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นได้.-สำนักข่าวไทย