คพ. เผยแนวโน้มไฟไหม้โรงงานถี่ขึ้น ขอทุกหน่วยตรวจสม่ำเสมอ

กรุงเทพฯ 7 ธ.ค. – กรมควบคุมมลพิษระบุ ปี 64 เกิดไฟไหม้โรงงานอุตสาหกรรมเคมีแล้ว 24 ครั้ง คิดเป็นหนึ่งใน 3 ของจำนวนครั้งที่เกิดเหตุในรอบ 5 ปี ทำให้เกิดมลพิษทางอากาศเพิ่มขึ้น ย้ำทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องควรตรวจสอบสม่ำเสมอ


นายอรรถพล เจริญชันษา อธิบดีกรมควบคุมมลพิษ (คพ.) เปิดเผยว่า ในพ.ศ. 2564 เกิดเหตุเพลิงไหม้โรงงานบ่อยครั้งขึ้น โดยสถิติของกรมควบคุมมลพิษพบว่า ในรอบ 5 ปี ระหว่างพ.ศ. 2560 – 2564 มีเหตุเพลิงไหม้โรงงานที่เกี่ยวกับผลิตเม็ดพลาสติกและผลิตภัณฑ์พลาสติก โกดังจัดเก็บสารเคมีและน้ำมันเชื้อเพลิง 75 ครั้ง แต่ปี 2564 ปีเดียวเกิดเหตุเพลิงไหม้ไปแล้วทั้งสิ้น 24 ครั้ง คิดเป็น 1 ใน 3 ของจำนวนเหตุไฟไห้ที่เกิดทั้งหมดตามสถิติ ดังนี้

– โรงงานผลิตพลาสติกและผลิตภัณฑ์พลาสติก 15 ครั้ง


– โรงงานรีไซเคิลน้ำมันหรือโกดังเก็บน้ำมัน 5 ครั้ง 

– โรงงานผลิตสารเคมี 4 ครั้ง 

ทั้งนี้ เกิดเหตุเพลิงไหม้บริเวณภาคกลางมากที่สุด 16 ครั้งได้แก่ ที่จังหวัดสมุทรปราการ 5 ครั้ง กรุงเทพมหานคร 5 ครั้ง ปทุมธานี 2 ครั้ง นครปฐม 2 ครั้ง สมุทรสาคร 1 ครั้ง 


และเพชรบุรี 1 ครั้ง 

นายอรรถพลกล่าวต่อว่า เมื่อเกิดเหตุเพลิงไหม้แล้วจะมีการลุกลามอย่างรวดเร็วเนื่องจากพลาสติก น้ำมัน และสารเคมีตั้งต้นต่างๆ เป็นเชื้อเพลิงอย่างดี สามารถติดไฟได้ง่าย ให้ความร้อนสูง ทำให้ยากแก่การควบคุมและดับเพลิง ซึ่งก่อความเสียหายแก่ทรัพย์สินของผู้ประกอบการ มีผู้ได้รับบาดเจ็บและบางกรณีเสียชีวิต มีการแพร่กระจายการปนเปื้อนสารเคมีสู่สิ่งแวดล้อมเช่น น้ำผิวดิน น้ำใต้ดิน และมลพิษทางอากาศจากไอระเหยสารเคมีและเขม่าควันส่งผลกระทบต่อสุขภาพอนามัยของประชาชนที่อาศัยอยู่ใกล้เคียง โดยเฉพาะมลพิษทางอากาศที่เกิดจากการเผาไหม้ไม่สมบูรณ์ ได้แก่ คาร์บอนไดออกไซด์ (CO) คาร์บอนมอนออกไซด์ (CO2) ไนโตรเจนออกไซด์ (NOx) ซัลเฟอร์ออกไซด์ (Sox) ฝุ่นละอองขนาดเล็กกว่า 2.5 ไมครอน (PM2.5) และฝุ่นละอองขนาดเล็กกว่า 10 ไมครอน (PM10) มลพิษเหล่านี้จะส่งผลกระทบโดยตรงต่อระบบทางเดินหายใจของประชาชน 

สำหรับสาเหตุเพลิงไหม้เกิดจาก 

– การเสื่อมสภาพและชำรุดของเครื่องจักรที่มีอายุการใช้งานมานานและขาดการบำรุงรักษาจนเป็นสาเหตุของความร้อนและประกายไฟ รวมทั้งไฟฟ้าลัดวงจร 

– กระบวนการผลิตมีการใช้ความร้อนในการแปรรูป เช่น การหลอมและขึ้นรูปพลาสติกซึ่งมีความเสี่ยงจากการลุกติดไฟได้ในขณะปฏิบัติงาน 

– มีการจัดเก็บวัตถุดิบและสต๊อกผลิตภัณฑ์ไว้ในโรงงานเป็นจำนวนมาก เช่น น้ำมัน สารเคมี พลาสติก เป็นต้น ซึ่งเป็นเชื้อเพลิงอย่างดี ทำให้มีความเสี่ยงที่จะเกิดความรุนแรงของเพลิงไหม้มากยิ่งขึ้น 

– ขาดการประเมินความเสี่ยงของโรงงานที่อาจก่อให้เกิดเพลิงไหม้ และ 5.ขาดอุปกรณ์ดับเพลิง และการซักซ้อมในการเผชิญเหตุเพลิงไหม้ของเจ้าหน้าที่โรงงานอุตสาหกรรมและหน่วยงาน

ดังนั้นคพ. จึงขอให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องควรตรวจสอบโรงงานอุตสาหกรรมอย่างสม่ำเสมอ เพื่อกำกับดูแลโรงงานให้ได้มาตรฐานและปฏิบัติตามแผนฉุกเฉินของโรงงานที่ได้กำหนดไว้ การบังคับใช้กฎหมายอย่างเข้มงวดกับโรงงานอุตสาหกรรมที่ทำผิดกฎหมาย และการสร้างการมีส่วนร่วมให้ภาคประชาชนเข้ามามีส่วนร่วมในการตรวจสอบโรงงาน ร่วมกับหน่วยงานที่กำกับดูแล ซึ่งเป็นแนวทางที่สำคัญในการการป้องกันและลดความรุนแรงของผลกระทบต่อชีวิตและทรัพย์สินและสุขภาพของประชาชน.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

ถังแก๊สระเบิด

ถังแก๊สระเบิดในโรงงานเหล็ก อ.บ้านค่าย จ.ระยอง เจ็บหลายราย

ถังแก๊สระเบิดในโรงงานเหล็กแห่งหนึ่ง อ.บ้านค่าย จ.ระยอง เจ้าหน้าที่อยู่ระหว่างควบคุมเพลิงไหม้ เบื้องต้นมีรายงานผู้บาดเจ็บหลายราย และมีผู้ติดค้างอยู่ในโรงงานจำนวนมาก ล่าสุดคุมเพลิงและช่วยผู้ติดค้างภายในออกมาแล้ว

ปูนบำเหน็จ 5 ชั้นยศ “หมู่อาร์ม” ถูกรถขนต่างด้าวชนดับ

สุดสะเทือนใจ นำร่าง “หมู่อาร์ม” ผบ.หมู่ สภ.เมืองกำแพงเพชร ถูกรถกระบะขนแรงงานต่างด้าวแหกด่านพุ่งชนเสียชีวิต กลับมาบำเพ็ญกุศล ขณะที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ปูนบำเหน็จ 5 ชั้นยศ

“อัจฉริยะ” ยื่นรื้อคดี “แตงโม” เชื่อโดนฆาตกรรม

“อัจฉริยะ” ยื่นหนังสือถึงอธิบดีอัยการภาค 1 ขอให้รื้อคดีการเสียชีวิตของ “แตงโม ภัทรธิดา” เผยผลชันสูตรไม่ตรงกับข้อมูลที่ตำรวจแถลงข่าว

ข่าวแนะนำ

น้ำท่วมสุราษฎร์

น้ำท่วมสุราษฎร์ฯ ยังกระทบ หยุดเรียนต่ออีก 2 วัน

สุราษฎร์ธานี ระดับน้ำท่วมขังยังส่งผลกระทบ บางจุดสูง 80-100 ซม. รถเล็กไม่สามารถสัญจรผ่านได้ ขณะที่โรงเรียนแจ้งหยุดต่ออีก 2 วัน

เสือดาวแก่งกระจาน

ตื่นตา! เสือดาวโผล่โชว์ตัวกลางถนนแก่งกระจาน

ประทับใจ! เสือดาวโผล่โชว์ตัวกลางถนนแก่งกระจาน ไม่มีอาการกลัวคน นั่งนิ่งคล้ายกับโพสท่าให้นักท่องเที่ยวบันทึกภาพเก็บภาพความประทับใจ และสะท้อนให้เห็นถึงความอุดมสมบูรณ์ของผืนป่าแก่งกระจาน

อุตุฯ เผยไทยตอนบน อุณหภูมิลดลง 1-3 องศาฯ ลมแรง

กรมอุตุฯ เผยไทยตอนบน อุณหภูมิลดลง 1-3 องศาฯ กับมีลมแรง โดยภาคอีสานและภาคเหนือ อากาศเย็นถึงหนาว ส่วนภาคกลาง ภาคตะวันออก และภาคใต้ตอนบน อากาศเย็นในตอนเช้า กทม.-ปริมณฑล อุณหภูมิลดลง 1-2 องศาฯ