fbpx

ธปท.เร่งสอบธนาคารพาณิชย์ กดดันพนักงานขายประกัน

กรุงเทพฯ 18 พ.ย. – ธปท. เร่งสอบธนาคารพาณิชย์ กรณีพนักงานธนาคารแห่งหนึ่งลาออกเพราะถูกกดดันให้ต้องขายประกัน ย้ำเป้าขายประกันไม่ใช่ตัวกำหนดชี้วัดผลงาน (KPI) ที่จะทำให้เกิดความกดดันพนักงาน


เกิดเป็นกระแสร้อนแรงในโลกโซเชียล จากกรณีผู้ใช้เฟซบุ๊กรายหนึ่งซึ่งเป็นพนักงานธนาคารแห่งหนึ่ง โพสต์ข้อความระบุสาเหตุที่ต้องลาออกเพราะถูกกดดันให้ต้องขายประกัน ล่าสุดทาง ธปท. ออกมาย้ำเป้าขายประกันไม่ใช่ตัวกำหนดชี้วัดผลงาน (KPI) ที่จะทำให้เกิดความกดดันพนักงาน

โดยข้อความที่โพสต์เกี่ยวกับการ “ลาออก” เนื่องจากการถูกกดดันในระบบการทำงาน จากการรับเป้าขายประกัน ที่สวนกระแสเศรษฐกิจ ทำให้หาลูกค้าซื้อยากมาก จนทำให้พนักงานต้องควักกระเป๋าซื้อประกันกันเอง เพื่อให้ได้ยอดตามเป้าที่ตั้งไว้ ในโพสต์ระบุถึงสาเหตุหนึ่งคือเกิดจาก “นโยบายของผู้บริหารระดับล่าง-กลาง (ที่ไม่ใช่ผู้บริหารสาขา) ที่ต้องการทำผลงานแข่งกันระดับภาค ระดับเขต โดยไม่สนใจว่าผลงานที่ได้มาจะได้มาด้วยวิธีการไหน พร้อมบทลงโทษหากทำไม่ได้ตามนโยบาย ทั้งๆ ที่ไม่ได้ระบุลงในสัญญาจ้างตั้งแต่ต้น แต่…ใช้อำนาจหน้าที่สั่งให้ทำ พนักงานหลายๆ คน อาจจะยอม เพื่อให้มันจบๆ ไป แต่…ครั้งนี้เธอไม่ยอมและจะไม่ปล่อยผ่าน ตัดสินใจลาออก เพื่อแลกกับการทวงคืนความยุติธรรมให้เพื่อนพนักงาน”


ล่าสุดนางธัญญนิตย์ นิยมการ ผู้ช่วยผู้ว่าการ สายกำกับสถาบันการเงิน 2 ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เปิดเผยว่า เตรียมตรวจสอบธนาคารพาณิชย์ที่มีการขายผลิตภัณฑ์ประกันภัยไม่ถูกต้องในกรณีดังกล่าวนี้แล้ว พร้อมเน้นย้ำที่ผ่านมา ธปท. มีการกำหนดหลักเกณฑ์การบริหารจัดการด้านการให้บริการแก่ลูกค้า โดยเฉพาะเรื่องการจ่ายค่าตอบแทน ตัวยอดขาย หรือเป้าขายประกัน ไม่ใช่ตัวกำหนดชี้วัดผลงาน (KPI) ที่จะทำให้เกิดความกดดันพนักงาน จนนำไปสู่การเสนอขายที่ขาดคุณภาพและขาดความรับผิดชอบต่อลูกค้า โดยที่ผ่านมา ธปท. ได้ตรวจสอบการให้บริการแก่ลูกค้ารายย่อย และได้ลงโทษอย่างจริงจัง โดยได้เปรียบเทียบปรับผู้ให้บริการที่บังคับขายผลิตภัณฑ์ประกันภัยจำนวน 2 แห่ง ในปี 2561

อย่างไรก็ตาม ในช่วงไตรมาส 4 ปี 2564 พบว่ามีผู้ให้บริการบางแห่งเริ่มกลับมาเน้นการขายประกันภัยมากขึ้น โดยกำหนดเป้าหมายการขายผลิตภัณฑ์ประกันภัยเชิงรุก หรือขายประกันภัยพ่วงกับการให้สินเชื่อเพิ่มมากขึ้น ซึ่ง ธปท. ได้กำชับผู้ให้บริการ และเน้นย้ำให้ควบคุมดูแลคุณภาพการขายผลิตภัณฑ์ประกันภัยอย่างเคร่งครัด โดยเฉพาะการเร่งทำเป้าการขายในช่วงระยะเวลาใกล้ปิดรอบการประเมินผลงาน ทั้งนี้ ธปท. จะติดตามตรวจสอบในเรื่องดังกล่าวอย่างเข้มงวดต่อเนื่อง และพร้อมดำเนินการตามมาตรการกำกับดูแลที่มีความเข้มข้นขึ้นต่อไป

ส่วนเรื่องของปัญหาประกันโควิด แบบเจอ จ่าย จบ วันนี้ นายอานนท์ วังวสุ นายกสมาคมประกันวินาศภัยไทย แถลงเกี่ยวกับ “สถานการณ์วิกฤติจากการรับประกันภัยโควิด-19 แบบ เจอ จ่าย จบ” ว่ายอดจำหน่ายประกันโควิด-19 ณ 15 พ.ย.64 เบี้ยประกันมูลค่า 1.2 แสนล้านบาท มีผู้ป่วยติดเชื้อมากในช่วงที่ผ่านมา จึงมียอดเคลม 35,000 ล้านบาท โดยยอดเคลมต้องใช้เงินกองทุนสัดส่วนร้อยละ 26.5 นับว่าเริ่มเสี่ยงมากขึ้น และคาดว่าสิ้นปี 64 ยอดเคลมขอค่าสินไหมทดแทนแตะ 40,000 ล้านบาท ทำให้ยอดจ่ายเคลมต้องใช้เงินกองทุนสูงถึงร้อยละ 30.2 อาจมีความเสี่ยงมากขึ้นต่อระบบธุรกิจประกันภัย โดยบริษัทประกันภัยหลายแห่งใช้เงินสะสมมา 30-40 ปี ขณะนี้ได้นำเงินกองทุนออกมาจ่ายชดเชยสินไหม บางรายต้องกู้เงินมาจ่าย เคลม 5,000-6,000 ล้านบาท หลายรายทุนหมดหน้าตักแล้ว เนื่องจากยอดเคลมเพิ่มเท่าตัว 200-300 เท่าต่อวัน จึงทำให้การจ่ายเคลมล่าช้า แต่ย้ำไม่เบี้ยวจ่ายเงินชดเชย ยอมรับว่าในช่วงปี 63 มียอดซื้อกรมธรรม์ 9 ล้านกรมธรรม์ มูลค่าเบี้ย 4,000 ล้านบาท ยืนยันธุรกิจประกันภัยไม่ได้โลภ ไม่มีเจตนาเอาเปรียบผู้เอาประกัน แต่ความเสียหายเพิ่ม 30,000 เปอร์เซ็นต์ ในวิกฤติครั้งนี้ถือว่าหนักมาก


นายกสมาคมประกันวินาศภัยไทยยังขอเสนอให้ คปภ. ทบทวนประกาศห้ามยกเลิกกรมธรรม์ “เจอ จ่าย จบ” เพราะอาจกระทบต่อธุรกิจประกันภัยในบางรายมีปัญหาได้หากทุนน้อย แต่ธุรกิจประกันส่วนใหญ่ยังเข้มแข็งมั่นคง ยอมรับเอกชนบางรายอาจยื่นฟ้องศาลปกครอง เพื่อให้พิจารณาการยกเลิกกรมธรรม์ เจอ จ่าย จบ เพื่อพยุงให้ธุรกิจประกันอยู่รอดวิกฤติในครั้งนี้.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

รวบผู้ต้องสงสัยคดีฆ่าหั่นศพที่นนทบุรี นำตัวเข้าเซฟเฮาส์

รวบตัวชายไทย อายุประมาณ 35-40 ปี ต้องสงสัยคดีฆ่าหั่นศพ ภายในซอยจัดสรรสวิง 2 ถนนบ้านกล้วย-ไทรน้อย ต.พิมลราช อ.บางบัวทอง จ.นนทบุรี ตำรวจนำตัวเข้าเซฟเฮาส์ อยู่ระหว่างสอบสวนและรวบรวมพยานหลักฐาน

ผู้ว่าการ ธปท.เตือน ครม. หวั่นดิจิทัลวอลเล็ตก่อหนี้จำนวนมาก

ทำเนียบฯ 24 เม.ย.- ผู้ว่าการ ธปท. ทำหนังสือถึง ครม. เตือนเดินหน้าดิจิทัลวอลเล็ต 10,000 บาท หวั่นก่อหนี้จำนวนมาก นายเศรษฐพุฒิ สุทธิวาทนฤพุฒิ ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ได้ทำหนังสือถึงสำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรี ลงวันที่ 22 เมษายน 2567 เพื่อเสนอความเห็นประกอบการพิจารณาในการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) วันที่ 23 เม.ย.2567 มองว่า โครงการเติมเงินดิจิทัลวอลเล็ต 10,000 บาท เป็นโครงการขนาดใหญ่ของประเทศ  ต้องใช้เงินจำนวนมาก อาจก่อให้เกิดภาระหนี้ผูกพันต่อรัฐบาลในอนาคตดังนี้ 1.ความจำเป็น โครงการเติมเงินดิจิทัลวอลเล็ต 10,000 บาท และผลกระทบต่อเสถียรภาพทางการคลังของประเทศ ควรดูแลครอบคลุมเฉพาะกลุ่มเป้าหมาย  เพื่อเป็นการแบ่งเบาภาระค่าครองชีพ ช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจอย่างมีประสิทธิผลคุ้มค่า และใช้งบประมาณลดลง  โดยเฉพาะกลุ่มเปราะบาง ยังไม่ฟื้นตัวเต็มที่ เช่น กลุ่มผู้มีรายได้น้อย หรือผู้ถือบัตรสวัสดิการฯ 15 ล้านคน ซึ่งดำเนินการได้ทันที และใช้งบประมาณเพียง 150,000 ล้านบาท และควรทำแบบแบ่งเป็นระยะ (phasing) เพื่อลดผลกระทบต่อเสถียรภาพการคลัง  […]

“สารวัตรแจ๊ะ” ยื่นฟ้องหมิ่น “ทนายรัชพล” กล่าวหาจับแพะติดคุกฟรีปีกว่า

“สารวัตรแจ๊ะ” พร้อมทนายความ ยื่นฟ้องหมิ่นประมาททนายดัง และฟ้องแพ่งเรียกค่าเสียหาย 5 ล้านบาท ยันไม่ได้นําตัวไปเซฟเฮาส์ ด้านทนายเผยพบหลักฐานทนายคู่กรณีบีบผู้เสียหายกลับคําให้การ แบ่งเงินคนละครึ่ง

ข่าวแนะนำ

อุตุฯ เผยไทยตอนบนร้อนจัด แนะเลี่ยงทำงานในที่โล่งแจ้งเป็นเวลานาน

กรมอุตุฯ เผยไทยตอนบนมีอากาศร้อนถึงร้อนจัด แนะหลีกเลี่ยงการทำงานหรือการประกอบกิจกรรมในที่โล่งแจ้งเป็นระยะเวลานาน ส่วนภาคใต้มีฝนฟ้าคะนองบางแห่ง กรุงเทพฯ-ปริมณฑล อากาศร้อนจัดบางแห่ง

คดีสะเทือนขวัญ ฆ่าหั่นศพ “ยากูซ่า” จ.นนทบุรี

คดีสะเทือนขวัญ พบชิ้นส่วนมือ ในพื้นที่ อ.บางบัวทอง จ.นนทบุรี ล่าสุดตำรวจจับกุมหนึ่งในผู้ต้องหาได้แล้ว และทราบว่าทั้งผู้ตายและผู้ลงมือฆ่าหั่นศพ เป็นแก๊งยากูซ่าชาวญี่ปุ่น

ชาวบ้านร้องโรงงานเก็บสารเคมีเร่งเยียวยาเหตุไฟไหม้

ชาวบ้านที่เดือดร้อนจากเหตุไฟไหม้โกดังเก็บสารเคมีอุตสาหกรรม จ.ระยอง เรียกร้องโรงงานช่วยเหลือ บอกน้ำสักขวดก็ไม่ได้

แบงก์ชาติ​ส่งหนังสือให้ทบทวนดิจิทัลวอลเล็ต​​ ไม่ทำสะดุด

ปลัดคลัง ระบุแบงก์ชาติ​ส่งหนังสือถึง ครม.ทบทวนดิจิทัลวอลเล็ต​​ ไม่ทำให้สะดุด ชี้เป็นข้อเสนอเก่า​​ เดินหน้าตามแผนเดิม​