กรุงเทพฯ 20 ก.ย.-กรอ.เร่งสางปมลักลอบทิ้งกากอุตสาหกรรมในพื้นที่ จ.ลพบุรี ล่าสุดพบข้อมูลรถขนกากอุตสาหกรรมไปทิ้งในพื้นที่แล้วอย่างน้อย 3 คัน มั่นใจสาวถึงผู้กระทำผิดทั้งขบวนการ ทั้งโรงงานต้นทาง และบริษัทผู้รับกำจัด-ขนส่ง พร้อมเตรียมแก้กฎหมายเพิ่มโทษผู้กระทำผิด
นายสหวัฒน์ โสภา รองอธิบดีกรมโรงงานอุตสาหกรรม เปิดเผยถึงกรณีการลักลอบทิ้งกากอุตสาหกรรมในพื้นที่ตำบลดีลัง อำเภอพัฒนานิคม จังหวัดลพบุรี ว่า ทันทีที่กรมโรงงานอุตสาหกรรมทราบเรื่อง ก็ได้ส่งเจ้าหน้าที่ลงพื้นที่ตรวจสอบข้อเท็จจริง ร่วมกับเจ้าหน้าที่จากสำนักงานอุตสาหกรรมจังหวัดลพบุรี เพื่อหาความเชื่อมโยงกับผู้กระทำผิด พร้อมทั้งเก็บของเหลวไม่ทราบชนิดที่คาดว่าจะเป็นวัตถุอันตรายตามบัญชีวัตถุอันตราย มาวิเคราะห์เพิ่มเติม จากการลงพื้นที่ทราบว่า พื้นที่ดังกล่าวเป็นของนายสุเทพ ขวัญตา และจากการตรวจสอบพื้นที่พบมีลักษณะเป็นบ่อที่มีการขุดดินออกไปจนเกิดเป็นแอ่งน้ำ ขนาดเนื้อที่ประมาณ 25 ไร่ ลึกประมาณ 10 เมตร ด้านหน้าติดถนนมีการกองของเสียที่มีลักษณะเป็นของเสียอุตสาหกรรม และของเสียอื่น ๆ ปะปนกัน โดยคาดว่ามาจากหลายแหล่งที่มา
นอกจากนี้ ยังพบรถแบ็กโฮ 2 คัน จอดอยู่ในพื้นที่ เจ้าหน้าที่จึงแจ้งความร้องทุกข์ที่สถานีตำรวจภูธรพัฒนานิคม กับนายสุเทพ ขวัญตา เจ้าของพื้นที่ ซึ่งลักลอบกองและฝังของเสียที่มีกลิ่นเหม็นฉุนคล้ายกลิ่นสารเคมี และพบภาชนะปนเปื้อนสารเคมี ภาชนะบรรจุสารเคมีไม่ทราบชนิด ของเสียลักษณะเป็นผงสีขาว กากสี พบบ่อน้ำเสียที่มีการปนเปื้อน โดยน้ำมีสีดำ สีแดงคล้ายสนิมเหล็ก ซึ่งการกระทำดังกล่าวเข้าข่ายเป็นความผิดตาม พ.ร.บ.วัตถุอันตราย พ.ศ. 2535 มาตรา 23 วรรคหนึ่ง และมาตรา 73 ในความผิดฐานครอบครองวัตถุอันตราย โดยไม่ได้รับอนุญาตจากพนักงานเจ้าหน้าที่ และความผิด พ.ร.บ.โรงงาน เพราะในพื้นที่พบรถแบ็กโฮจอดอยู่ 2 คัน ซึ่งเข้าข่ายเป็นโรงงานฝังกลบ
“กรอ.ได้เก็บตัวอย่างของเหลวไม่ทราบชนิด ของเสียที่อยู่ในบริเวณดังกล่าว นำมาวิเคราะห์ เพื่อพิสูจน์ทราบว่าเป็นสารอะไร และจากการตรวจสอบระบบบริหารจัดการกากอุตสาหกรรมแบบครบวงจร (E-Fully Manifest) ของกรมโรงงานอุตสาหกรรม ในพื้นที่รัศมี 2 กิโลเมตร จากบ่อฝังกลบ ย้อนหลัง 1 เดือน พบมีรถบรรทุกวิ่งผ่านรวม 38 คัน แต่พบรถที่คาดว่าขนกากอุตสาหกรรมมาทิ้งอย่างน้อย 3 คัน ซึ่งทั้ง 3 คัน อยู่ในระบบบริหารจัดการกากอุตสาหกรรมแบบครบวงจร (E-Fully Manifest) ที่สามารถตรวจสอบรายละเอียดของตัวรถ บริษัทเจ้าของรถ และที่สำคัญคือ สามารถตรวจสอบเส้นทางขนกากอุตสาหกรรมได้ตั้งแต่โรงงานต้นทาง มาจนถึงบ่อฝังกลบในบริเวณดังกล่าวได้ คาดว่าอีก 3 วัน จะได้ข้อมูลผู้กระทำผิดทั้งหมด โดยกรณีนี้ ผู้กระทำผิดหลักๆ มี 3 กลุ่ม คือ เจ้าของพื้นที่ บริษัทรับกำจัด และโรงงานต้นทาง” รองอธิบดีกรมโรงงานอุตสาหกรรม กล่าว
นอกจากนี้ ทางกรมโรงงานอุตสาหกรรม เตรียมประสานขอความช่วยเหลือจากเจ้าหน้าที่ DSI ในการทำคดี เนื่องจากเหตุเกิดในหลายพื้นที่ พร้อมกันนี้ยังเตรียมแก้กฎหมายเพิ่มโทษผู้กระทำผิด กรณีลักลอบทิ้งสารเคมี เพราะเมื่อดูย้อนหลังพบสถิติการกระทำลักษณะเดียวกันนี้อย่างต่อเนื่อง
ส่วนแนวทางฟื้นฟูพื้นที่ เบื้องต้นได้มอบหมายให้เจ้าหน้าที่ลงพื้นที่ตรวจสอบ และทำการขุดที่ใต้บ่อฝังกลบ เพื่อดูว่าก่อนหน้านี้มีการฝังกลบไปแล้วหรือไม่ เพื่อตรวจสอบจำนวนกากอุตสาหกรรมที่แน่ชัด และเตรียมดำเนินการกำจัดต่อไป ส่วนค่าดำเนินการกำจัดของเสียทั้งหมด เมื่อคดีสิ้นสุดแล้ว เจ้าของพื้นที่จะต้องเป็นผู้รับผิดชอบ.-สำนักข่าวไทย