นกแอร์เตรียมปรับ “พรีเมียม แอร์ไลน์”

กรุงเทพฯ 24 ส.ค.- ผู้บริหารนกแอร์ ระบุเตรียมปรับจากโลว์คอสต์แอร์ไลน์ เป็นพรีเมียมแอร์ไลน์ช่วงสิ้นปีนี้ พร้อมยืนยันหากเปิดให้บริการแล้ว จะไม่มีการหยุดบินอย่างแน่นอน ส่วนความคืบหน้าแผนฟื้นฟูล่าสุด ผ่านความเห็นชอบจากเจ้าหนี้แล้ว

นายวุฒิภูมิ จุฬางกูร ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร สายการบินนกแอร์เปิดเผยถึงความคืบหน้าแผนฟื้นฟูสายการบินว่า กระบวนการฟื้นฟูกิจการ เพื่อให้สายการบินสามารถกลับมาใช้บริการได้อย่างมั่นคง โดยสายการบินได้ยื่นต่อเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์และมีการประชุมเมื่อวันที่ 10 สิงหาคมที่ผ่านมา โดยมีมติยอมรับแผนฟื้นฟูกิจการ ของเจ้าหนี้รวมกันร้อยละ 70 ของจำนวนหนี้ทั้งหมด จำนวนเงิน 5,153 ล้านบาท และในวันที่ 26 สิงหาคมนี้จะมีการนัดพิจารณาอีกครั้ง โดยเนื้อหาในแผนฟื้นฟูจะมีการขอวงเงินฉุกเฉิน เนื่องจากสายการบินมีปัญหาเกี่ยวกับสภาพคล่อง ต่อผู้ถือหุ้นและสถาบันการเงิน รวมถึงนักลงทุน คือจะมีการเพิ่มทุน 5 พันล้านบาท เป็นระยะรวมแล้วภายใน 5 ปี


มีการนำเข้าเครื่องบิน ปีละ 2 ลำ เป็นเครื่อง Boeing 737-800 หรือเทียบเท่า และมีการทำการบินเพื่อสนับสนุนเมืองรอง โดยเฉพาะเบตง รวมถึงสนามบินที่จะเกิดขึ้นในอนาคต ด้วยเครื่องบิน Q400 ที่มีความปลอดภัยสูงและมีความสะดวกสบายในการเดินทาง ล่าสุดได้ยื่นขอกับกพท. และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคมเพื่อพิจารณาแล้ว คาดว่าจะสามารถนำเข้าภายในปีนี้

ส่วนการทำการบินในขณะนี้ เนื่องจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 ที่สำนักงานการบินพลเรือนแห่งประเทศไทยออกมาตรการุห้ามสายการบินรับส่งผู้โดยสารในพื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวดตั้งแต่วันที่ 21 กรกฎาคมจนถึงวันนี้ ทำให้ซึ่งทำให้สายการบินไม่สามารถทำการบินเข้าออกท่าอากาศยานดอนเมือง ซึ่งคาดว่ามาตรการนี้จะสิ้นสุดถึงวันที่ 31 สิงหาคมนี้ ทำให้สายการบินนกแอร์ต้องไปตั้งฐานการบินที่ท่าอากาศยานอู่ตะเภาแทน เนื่องจากมองว่ายังมีผู้โดยสารที่จำเป็นจะต้องเดินทางอยู่ และตัวท่าอากาศยานไม่ไกลกรุงเทพฯมาก จึงสะดวกในการเดินทางมากกว่าสนามบินอื่น


ขณะที่สิ้นปีนี้ นกแอร์มีแผนที่จะปรับโฉมสายการบินใหม่ จากสายการบินโลว์คอสเป็นสายการบินพรีเมี่ยม โดยใช้จุดแข็งด้านบริการ รวมถึคงผลิตภัณฑ์ใหม่ๆทมี่จะออกมา เพื่อตอบสนองความต้องการผู้โดยสาร เช่น บริการต่อรถ ต่อเรือไปยังสถานที่ต่างๆ ส่วนกรณีที่ระบุว่า ตั๋วโดยสารของนกแอร์ มีราคาแพงนั้น ยอมรับว่า ขณะนี้มีราคาสูงขึ้นจริง จากแผนการบินแห่งใหม่ที่อู่ตะเภา ทำให้ต้องเคลื่อนย้ายอุปกรณ์ต่างๆ จากสนามบินดอนเมืองและต่างจังหวัด ใช้บุคลากรทั้งส่วนหน้าส่วนหลังต่อวันมากถึง 200 คน เพื่อให้ทำการบินที่สนามบินอู่ตะเภาได้

นอกจากนี้ยังมีมาตรการต่างๆ โดยเฉพาะมาตรการเว้นระยะห่างที่ทำให้ทำให้อัตราการบรรทุกผู้โดยสารเที่ยวบินหรือลงเพียงแค่ร้อยละ 50 ตามข้อกำหนดของ กพท. ซึ่งสายการบินเตรียมขออนุญาตให้บบรทุกผู้โดยสารเพิ่มได้เป็นร้อยละ 70 เนื่องจากปัจจุบันมีผู้โดยสารเพียง 30 คนต่อเที่ยวเท่านั้น รวมถึงให้พิจารณาการเปิดให้บริการที่สนามบินดอนเมืองด้วย

“การไปตั้งฐานการบินที่อู่ตะเภา รายได้ไม่สร้างผลกำไร 30 คนต่อ 1 เที่ยวบินจะไม่ขาดทุนได้อย่างไร ทำเพราะเป็นหน้าที่เป็นสายการบินคนไทย ต้องรับใช้ประชาชนในยามลำบาก ไม่ใช่บินแล้วไม่คุ้ม ไม่บิน ไม่ใช่นกแอร์” นายวุฒิภูมิ


โดยขณะนี้ นกแอร์มีการเพิ่มเส้นทางเชื่อมภาคเหนือกลางอีสานใต้ให้ง่ายต่อการเดินทางมากที่สุด ซึ่งขณะนี้มีเส้นทางที่เปิดให้บริการเชื่อมต่อสนามบินอู่ตะเภามีจังหวัดเชียงใหม่เชียงราย อุดรธานี อุบลราชธานี สกลนครสุ ราษฎร์ธานี ภูเก็ตนครศรีธรรมราช และจังหวัดตรัง สำหรับความมั่นคงของบริษัท ความเสี่ยงปิดกิจการ หน่วยงานที่กำกับดูแล คงมองเรื่องพฤติกรรม ยืนยันว่า นกแอร์มีความพร้อม ไม่เคยมีการควบรวมไฟล์ต ให้ดูพฤติกรรมย้อนหลัง การทิ้งผู้โดยสาร ซื้อตั๋วแล้วมั่นใจได้ ขณะเดียวกันนกแอร์ยังมีกระแสเงินสดเพียงพอ มีเงินกู้ฉุกเฉิน และทุนบริษัทค่อนข้างแข็งแรง มีการเตรียมกระแสเงินสดอยู่ได้เกิน 6 เดือน

ด้านนายไต้ ชอง อี รองประธานเจ้าหน้าที่บริหารสายการบินนกแอร์ กล่าวว่า ค่าใช้จ่ายของสายการบินสายการบินมีขึ้นอยู่กับว่ามีการทำการบินหรือไม่ ถ้าไม่มีก่ารทำการบิน อยู่ที่ประมาณ 30 ล้านบาท เป็นค่าใช้จ่ายเพิ่มขึ้นอย่างเช่น ค่าน้ำมันร้อยละ 30 ของค่าใช้จ่ายแต่ละเดือน สำหรับเรื่องสงครามราคา นายวุฒิภูมิมองว่า ยังมีอยู่ แต่ขณะนี้ถือว่าแต่ละสายการบินค่อนข้างบาดเจ็บอยู่จากโควิด-19 แต่ละสายเอาเครื่องบินออกจากฝูงมากกว่าร้อยละ 50 แต่นกแอร์ยังมี 22 ลำเหมือนเดิม และจะเอามาใหม่ 6 ลำ มองถึงคู่แข่ง สงครามราคาเชื่อว่า ภาครัฐจะเข้ามาดูอย่างแน่นอน เพราะอาจจะมีการทุ่มราคาตลาด อาจมีการผูกขาด บางสายอาจได้เปรียบที่ได้บินเจ้าเดียวในบางเส้นทาง

ส่วนสายการบินจะมีการปรับลดหรือเพิ่มพนักงานภายใต้แผนฟื้นฟูหรือไม่นั้น ก่อนสถานการณ์โควิดมีพนักงานประมาณ 1,500 คนแต่มีบางส่วนที่ลาออก และมีการปรับลดนักบิน หากเทียบกับสายอื่นถือว่าน้อยมาก ตอนนี้เหลือ 1,411 คน พร้อมยืนยันว่า การลดพนักงานไม่ได้เป็นการเชิญออก แต่เป็นการขออาสา Golden hand check ในบางหน่วย เพราะจำนวนไม่สอดคล้องกับจำนวนเครื่อง อาจจะรับเพิ่มในส่วนของพาณิชย์ ไอที นโยบายจนถึงสิ้นปีงดทำงาน 3-15 วัน .-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

ปะทะแล้ว บริเวณปราสาทตาเมือน หลังฝ่ายกัมพูชาเปิดฉากยิง

สุรินทร์ 24 ก.ค.-ทบ.รายงานเหตุการณ์ปะทะบริเวณพื้นที่ปราสาทตาเมือน อ.พนมดงรัก จ.สุรินทร์ หลังฝ่ายกัมพูชาเปิดฉากยิง เมื่อเช้าวันที่ 24 กรกฎาคม 2568 วันที่ 24 กรกฎาคม 2568 เวลา 07.35 น. หน่วยเฉพาะกิจที่ดูแลพื้นที่ปราสาทตาเมือนรายงานว่า ได้ยินเสียงอากาศยานไร้คนขับ (UAV) ของฝ่ายกัมพูชาบินวนอยู่บริเวณหน้าปราสาทตาเมือนธม แม้ไม่สามารถตรวจพบตัวอากาศยานได้ด้วยสายตา แต่สามารถได้ยินเสียงอย่างชัดเจน ต่อมาฝ่ายกัมพูชาได้นำอาวุธเข้าสู่ที่ตั้งบริเวณด้านหน้าแนวลวดหนาม และพบกำลังพลกัมพูชาจำนวน 6 นาย พร้อมอาวุธครบมือรวมทั้ง RPG เดินเข้ามาใกล้แนวลวดหนามบริเวณด้านหน้าฐานปฏิบัติการของไทย ฝ่ายไทยได้ใช้การตะโกนเจรจาเพื่อหลีกเลี่ยงความขัดแย้งและยกระดับสถานการณ์ โดยฝ่ายไทยเฝ้าระวังตลอดแนวชายแดนเพื่อเตรียมรับสถานการณ์ อย่างไรก็ตาม เมื่อเวลาประมาณ 08.20 น. ฝ่ายกัมพูชาได้เปิดฉากยิงเข้ามาบริเวณตรงข้ามฐานปฏิบัติการทางทิศตะวันออกของปราสาทตาเมือน ในระยะประมาณ 200 เมตร ขณะนี้ หน่วยงานที่เกี่ยวข้องของกองทัพบกกำลังติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด หากมีข้อมูลเพิ่มเติมจะรายงานความคืบหน้าให้ทราบต่อไป.-สำนักข่าวไทย

ปะทะทหารไทย-เขมร ลาม 6 พื้นที่ กำลังพลเจ็บ 2 นาย

กทม. 24 ก.ค.-ด่วน! เหตุปะทะทหารไทย-เขมร ลาม 6 พื้นที่ ทบ. เผยทหารกัมพูชา เปิดแนวรบเพิ่มที่ ผามออีแดง เขาพระวิหาร ส่วนทหารไทยงัดปืนใหญ่ตอบโต้ กำลังพลเจ็บ 2 นาย เมื่อวันที่ 24 ก.ค.68 ที่กองบัญชาการกองทัพบก พ.อ.ริชฌา สุขสุวานนท์ รองโฆษกกองทัพบก ระบุเพิ่มเติมว่า เวลา 0920 น. กองทัพบกพบการปะทะเพิ่มเติมตลอดแนวพื้นที่ผามออีแดง ปราสาทเขาพระวิหาร พบฝ่ายกัมพูชาเปิดฉากใช้อาวุธทุกชนิดและ BM21 ส่วนฝ่ายไทยเข้าปะทะตามแผนพร้อมตอบโต้ปืนใหญ่สนาม 09.20 น. เจ้าหน้าที่ทหารบาดเจ็บ 2 นาย จากอาวุธยิงสนับสนุน ในพื้นที่บริเวณกลุ่มปราสาทตาเมือน จ.สุรินทร์ ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับพื้นที่ที่มีการปะทะจำนวน 6 พื้นที่ ปราสาทตาเมือนธม ปราสาทตาควาย ช่องบก เขาพระวิหาร(ห้วยตามาเรีย/ภูมะเขือ) ช่องอ่านม้า ช่องจอม.-313.-สำนักข่าวไทย

ผบ.ทบ.นำคณะลงช่องอานม้า พรุ่งนี้ จ่อใช้แผนจักรพงษ์ภูวนาถ

23 ก.ค.- “ผบ.ทบ.” สั่ง ทภ.2-ทภ.1 เตรียมพร้อม “แผนจักรพงษ์ภูวนาถ” รับมือชายแดนไทย-กัมพูชา พร้อมยกคณะลงพื้นที่บัญชาการ วันที่ 23 ก.ค.68 พล.อ.พนา แคล้วปลอดทุกข์ ผู้บัญชาการทหารบก (ผข.ทบ.) ได้สั่งการไปยังกองทัพภาคที่ 2 และกองทัพภาคที่1 รับผิดชอบพื้นที่ชายแดนไทยกัมพูชา เตรียมใช้แผนจักรพงษ์ภูวนาถ แก้ไขปัญหาพื้นที่ชายแดนไทยกัมพูชาหลัง กำลังพลของกองทัพบกไทยจากชุดลาดตระเวน พัน.ร.14 ประสบเหตุเหยียบกับระเบิดบริเวณห้วยบอน ช่องอานม้า อำเภอน้ำยืน จังหวัดอุบลราชธานี พิกัด VA 950911 ซึ่งเป็นพื้นที่ปฏิบัติการตามแนวชายแดน โดยส่งผลให้ จ่าสิบเอกพิชิตชัย บุญโคราช ได้รับบาดเจ็บสาหัสจากการสูญเสียขาขวา และอยู่ระหว่างการส่งตัวรักษาต่อ ณ โรงพยาบาลน้ำยืน โดยให้พร้อมปฏิบัติหน้าที่ทันที เมื่อสั่งการ ซึ่งในวันพรุ่งนี้ (24 ก.ค.) พลเอก พนา แคล้วปลอดทุกข์ ผู้บัญชาการทหารบก พลโท ชัยพฤกษ์ ด้วงประพัฒน์ รองเสธ ทบ. พลโทบุญสินพาดกลาง มทภ.2 […]

“บิ๊กต่าย” อยากเคลียร์ใจครอบครัว “น้องเมย” ปมคู่กรณีได้เป็น ตร.

ตร. 23 ก.ค. – ผบ.ตร. อยากเคลียร์ใจครอบครัว “น้องเมย” ปมคู่กรณีได้เป็นตำรวจใต้บังคับบัญชาหลังเกิดเหตุ พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่ศาลมณฑลทหารบกที่ 12 จังหวัดปราจีนบุรี อ่านคำพิพากษากรณีที่ ภคพงศ์ ตัญกาญจน์ หรือ น้องเมย นักเรียนเตรียมทหารชั้นปีที่ 1 เสียชีวิตปริศนา หลังจากถูกธำรงวินัยโดยรุ่นพี่ทหาร 2 นาย ภายในโรงเรียนเตรียมทหาร เมื่อวันที่ 17 ตุลาคม 2560 ซึ่งหนึ่งในรุ่นพี่ที่เป็นจำเลย ปัจจุบันรับราชการตำรวจในภาคอีสาน พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ ระบุว่า ตนได้รับรายงานเรื่องนี้แล้ว สิ่งที่อยากจะสื่อสารในประเด็นที่ 1 ตนอยากพบพ่อและแม่ของน้องเมยเป็นการส่วนตัว เพื่อจะได้พูดคุยให้เข้าใจในการปฏิบัติของตำรวจ ซึ่งเป็นประเด็นที่ 2 กรณีที่คู่กรณีเป็นตำรวจ เราต้องมองย้อนไปในขณะที่เกิดเหตุ มองถอยหลังกลับไป คู่กรณีรายดังกล่าวไม่ได้อยู่ในสถานะตำรวจ ฉะนั้นแล้วตามกฎหมาย พ.ร.บ.ตำรวจ ปี 2565 การดำเนินการทางวินัยจะดำเนินได้เฉพาะกับผู้ที่อยู่ในสถานะตำรวจ ซึ่งขณะนั้นคู่กรณีถือว่าอยู่ภายใต้กองบัญชาการกองทัพไทย ส่วนการพิจารณาทางวินัยตำรวจของคู่กรณี ตนได้สั่งให้จเรตำรวจแห่งชาติ นำไปประกอบการพิจารณา เนื่องจากวินัยและอาญาจะสามารถเชื่อมกันได้ในข้อเท็จจริงบางส่วน […]

ข่าวแนะนำ

กองทัพบกประณามกัมพูชา โจมตีเป้าหมายพลเรือนในเขตไทย

กทม. 24 ก.ค.-กองทัพบก ประณามการกระทำของฝ่ายกัมพูชา กรณีใช้อาวุธโจมตีเป้าหมายพลเรือนในเขตแดนไทย กองทัพบกขอประณามการกระทำอันรุนแรงและไร้มนุษยธรรมของฝ่ายกัมพูชา จากกรณีที่มีการใช้อาวุธจรวด BM-21 จำนวน 2 นัด ยิงเข้ามาในพื้นที่ชุมชนภายในศูนย์พัฒนาพื้นที่ชายแดน อำเภอกาบเชิง จังหวัดสุรินทร์ เมื่อเวลา 09.40 น. วันนี้ เหตุการณ์ดังกล่าวส่งผลให้ราษฎรได้รับบาดเจ็บ 3 ราย ซึ่งฝ่ายไทยได้ดำเนินการอพยพประชาชนออกจากพื้นที่โดยทันที เพื่อความปลอดภัยของชีวิตและทรัพย์สิน ขณะนี้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องของกองทัพบกกำลังเฝ้าติดตามและประเมินสถานการณ์อย่างใกล้ชิด พร้อมทั้งเตรียมมาตรการรองรับอย่างรอบด้าน ทั้งนี้ หากมีความคืบหน้าเพิ่มเติม จะได้รายงานให้ทราบต่อไปโดยเร็วที่สุด.-313.-สำนักข่าวไทย

น่าน จมมาบาดาลเกือบทั้งเมืองแล้ว

น่าน 24 ก.ค.-น้ำท่วมตัวเมืองน่านวิกฤติหนัก หลังน้ำยังเพิ่มสูงบางจุดท่วมมิดชั้น 2 แล้ว และขยายวงกว้างออกไปในรัศมีเกือบ 10 กม. รวมทั้ง รพ.น่าน ที่ต้องย้ายผู้ป่วยไปที่สนามบิน น้ำท่วมตัวเมืองน่านเรียกว่าสาหัสสากรรจ์จริงๆ ตอนนี้เมืองน่านจมมาบาดาลเกือบทั้งเมืองแล้ว จากที่ประเมินเท่ากับน้ำท่วมใหญ่ปี 49 ซึ่งเป็นน้ำท่วมใหญ่รอบร้อยปี แต่ตอนนี้น่าจะหนักเกินแล้ว น้ำท่วมถึงชุมชนสวนตาล ซึ่งอยู่ห่างจากริมน้ำน่าน 4 กิโลเมตร แม้จะเห็นว่าระดับไม่สูง แต่ด้านในสูงถึงคอแล้ว การเข้าออกต้องใช้เรือเพียงอย่างเดียว และน้ำยังเพิ่มขึ้น ชาวบ้านยังเร่งอพยพข้าวของออกมา เขตเศรษฐกิจเมืองน่านไม่ต้องพูดถึงจมน้ำสูงกว่า 1 เมตร วัดวาอารามหลายแห่งถูกน้ำท่วม และยิ่งชุมชนใกล้น้ำน่านบ้านเรือนหลายพันหลังถูกน้ำท่วมสูง บางจุดน้ำท่วมถึงชั้น 2 ของบ้าน อย่างเจ้าของบ้านรายนี้ถ่ายภาพจากชั้น 2 ของบ้านย่านชุมชนบ้านพระเกิด ไม่ไกลจากโรงพยาบาลน่าน ส่งมาให้ทีมข่าว จะเห็นว่าน้ำท่วมสูงเกินรั้วบ้านและกำลังจะขึ้นชั้นสอง และมีชาวบ้านที่ติดอยู่ในบ้านกลางน้ำท่วมสูงอีกจำนวนมาก เจ้าหน้าที่พยายามจะเข้าไปช่วยแต่เรือมีจำกัดและน้ำยังไหลเชี่ยว ทำให้บางจุดยังไม่สามารถเข้าไปได้ ชาวบ้านบางส่วนต้องเดินฝ่าน้ำท่วมสูงถึงคอออกมาด้านนอก เพื่อหาอาหารและน้ำดื่ม รวมทั้งโรงพยาบาลน่านที่ถูกน้ำท่วมตั้งแต่เมื่อคืน เจ้าหน้าที่เพิ่งออกมาจากโรงพยาบาลบอกว่า ตอนนี้น้ำท่วมสูงมาก ตึกอาคารเก่าน้ำท่วมถึงหน้าอก แต่ผู้ป่วยในราว 3 ร้อยคนอยู่บนตึกใหม่ตั้งแต่ชั้น 2 ปลอดภัยดี […]

เปิดแผน “จักรพงษ์ภูวนารถ” ป้องกันประเทศจากภัยคุกคาม

กทม. 24 ก.ค.-เปิดแผน “จักรพงษ์ภูวนารถ” ป้องกันประเทศจากภัยคุกคามฝ่ายตรงข้าม โฆษก ทบ. ชี้ชัดเจนแล้ว กัมพูชา เป็นฝ่ายที่บีบบังคับเรา ซัดเราคงไม่ปล่อยให้ใครเอาเปรียบ หรือลอบทำร้าย จากนี้จำเป็นต้องทำในสิ่งที่พยายามหลีกเลี่ยงมาตลอด ลั่นขณะนี้อะไรก็เกิดขึ้นได้! ขอให้พี่น้องคนไทย เชื่อมั่นในศักยภาพของกองทัพไทย พลตรีวินธัย สุวารี โฆษกกองทัพบก ระบุถึงแผนจักรพงษ์ภูวนารถ ที่เราเปิดปฏิบัติการ ว่าคือ แผนป้องกันประเทศ ที่กำหนดหน้าที่ของแต่ละหน่วย และกำลังทางทหาร และให้เตรียมความพร้อม เมื่อมีคำสั่ง เป็นแผนที่ได้ถูกกลั่นกรอง โดยประเมินจากสถานการณ์ และสภาพแวดล้อมในกิจการป้องกันประเทศ ในกรอบของกองทัพบก ที่ผ่านมา ในศึกเขาพระวิหาร ที่ใช้แผนนี้ ปัจจุบันขีดความสามารถกำลังรบเราเป็นอย่างไร โฆษก ทบ. ระบุพัฒนามาตามลำดับ และพิจารณาให้เหมาะสมกับภัยคุกคาม และขีดความสามารถของฝ่ายตรงข้าม ป้องกันภัยคุกคามจากฝ่ายตรงข้าม ส่วนแผนหลักๆ เป็นการป้องกัน หรือรุกคืบ โฆษก ทบ. ระบุ อาจจะพูดไม่ได้ แต่โดยปกติ อันดับแรกต้องครอบคลุมอธิปไตยของเราก่อน ส่วนเป็นการซีลชายแดนหรือไม่ โฆษก ทบ. ระบุพูดง่ายๆ แผนนี้ […]

ปะทะแล้ว บริเวณปราสาทตาเมือน หลังฝ่ายกัมพูชาเปิดฉากยิง

สุรินทร์ 24 ก.ค.-ทบ.รายงานเหตุการณ์ปะทะบริเวณพื้นที่ปราสาทตาเมือน อ.พนมดงรัก จ.สุรินทร์ หลังฝ่ายกัมพูชาเปิดฉากยิง เมื่อเช้าวันที่ 24 กรกฎาคม 2568 วันที่ 24 กรกฎาคม 2568 เวลา 07.35 น. หน่วยเฉพาะกิจที่ดูแลพื้นที่ปราสาทตาเมือนรายงานว่า ได้ยินเสียงอากาศยานไร้คนขับ (UAV) ของฝ่ายกัมพูชาบินวนอยู่บริเวณหน้าปราสาทตาเมือนธม แม้ไม่สามารถตรวจพบตัวอากาศยานได้ด้วยสายตา แต่สามารถได้ยินเสียงอย่างชัดเจน ต่อมาฝ่ายกัมพูชาได้นำอาวุธเข้าสู่ที่ตั้งบริเวณด้านหน้าแนวลวดหนาม และพบกำลังพลกัมพูชาจำนวน 6 นาย พร้อมอาวุธครบมือรวมทั้ง RPG เดินเข้ามาใกล้แนวลวดหนามบริเวณด้านหน้าฐานปฏิบัติการของไทย ฝ่ายไทยได้ใช้การตะโกนเจรจาเพื่อหลีกเลี่ยงความขัดแย้งและยกระดับสถานการณ์ โดยฝ่ายไทยเฝ้าระวังตลอดแนวชายแดนเพื่อเตรียมรับสถานการณ์ อย่างไรก็ตาม เมื่อเวลาประมาณ 08.20 น. ฝ่ายกัมพูชาได้เปิดฉากยิงเข้ามาบริเวณตรงข้ามฐานปฏิบัติการทางทิศตะวันออกของปราสาทตาเมือน ในระยะประมาณ 200 เมตร ขณะนี้ หน่วยงานที่เกี่ยวข้องของกองทัพบกกำลังติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด หากมีข้อมูลเพิ่มเติมจะรายงานความคืบหน้าให้ทราบต่อไป.-สำนักข่าวไทย