กรุงเทพฯ 22 ก.ค. – ผู้บริหารงานวิจัยเศรษฐกิจและตลาดทุน ธ.กสิกรไทย เผยผลกระทบจากเชื้อโควิดสายพันธุ์เดลตารุนแรงมาก ส่งผลให้จีดีพีไทยปีนี้โตแค่ร้อยละ 1 ชี้หากไทยได้รับวัคซีนดีและมีเพียงพอ พร้อมได้ยาบำบัด คนติดเชื้อน้อย ลดตาย โอกาสการท่องเที่ยวไทยน่าจะฟื้นได้กลางปีหน้า
นายกอบสิทธิ์ ศิลปชัย ผู้บริหารงานวิจัยเศรษฐกิจและตลาดทุน ธนาคารกสิกรไทย กล่าวว่า จากปัญหาการแพร่ระบาดเชื้อโควิด-19 สายพันธุ์เดลตา ที่เริ่มสูงขึ้นในกลุ่มเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ทำให้ปริมาณทั้งผู้ติดเชื้อและเสียชีวิตรายวันเพิ่มสูงขึ้น รวมถึงประเทศไทยที่มีจำนวนผู้ติดเชื้อเพิ่มมากขึ้น ส่งผลให้ภาพรวมผลกระทบต่อเศรษฐกิจไทยในแง่ต่างๆ จะมีมากขึ้น โดยเฉพาะการใช้มาตรการล็อกดาวน์พื้นที่ต่างๆ ใน 13 จังหวัดพื้นที่สีแดงเข้ม เป็นเวลา 14 วัน หรือหากยังไม่สามารถจัดการลดปริมาณคนติดเชื้อจากโควิดให้น้อยลง ภาครัฐอาจจะให้มีการล็อกดาวน์เพิ่มเติมอีกได้นั้น ดังนั้น คงจะต้องติดตามดูสถานการณ์ หากจะมีการล็อกดาวน์ไปมากกว่านี้หรือไม่ เพราะการล็อกดาวน์พื้นที่ 13 จังหวัดในครั้งนี้ ย่อมส่งผลกระทบต่อการดำเนินธุรกิจ การเดินทาง และอื่นๆ อีกด้วย
อย่างไรก็ตาม สิ่งที่ต้องติดตามพื้นที่ 13 จังหวัดที่มีการล็อกดาวน์ ถือเป็นพื้นที่ที่มีสัดส่วนจีดีพีภาคการผลิต การค้ารวมกันมากถึงร้อยละ 49 หากล็อกดาวน์ใช้เวลานานเกินไปจะกระทบต่อจีดีพีดังกล่าวได้ ซึ่งจะเห็นว่า ภาคเอกชนทั้ง 40 CEO ก็พยายามให้ภาครัฐเร่งหาวิธีการอื่นๆ เพื่อไม่ให้มีการการล็อกดาวน์นานเกินไป โดยปัจจัยต่างๆ เหล่านี้ ทำให้ทางธนาคารกสิกรไทย มองสถานการณ์ทั้งเศรษฐกิจโลกและเศรษฐกิจไทยขณะนี้ จีดีพีของประเทศไทยในปีนี้จะยังเป็นบวกอยู่ แต่จะน้อยลง ซึ่งธนาคารได้ปรับประมาณการเติบโตทางเศรษฐกิจไทยในปีนี้ จากเดิมคาดว่าจะเติบโตร้อยละ 1.8 มาเป็นเติบโตได้เพียงร้อยละ 1 เท่านั้น โดยมีเครื่องยนต์สำคัญที่หนุนให้จีดีพีไทยปีนี้เป็นบวกได้ คือ ตัวเลขการส่งออก จากเดิมมองว่าจะขยายตัวได้ร้อยละ 9 เพิ่มเป็นบวกร้อยละ 11.5 เป็นผลมาจากการค้าหลายประเทศเริ่มฟื้นตัวขึ้น โดยตัวเลขการส่งออกของไทยในช่วงหลายเดือนที่ผ่านมาในปีนี้มีอัตราการเติบโตขึ้นอย่างเห็นได้ชัด
นอกจากนี้ แม้ว่าภาคการส่งออกของไทยถือว่าเป็นตัวจักรสำคัญที่จะทำให้เศรษฐกิจไทยดีขึ้นในช่วงหลังจากนี้ แต่ด้วยปัจจัยลบเกี่ยวกับการแก้ไขปัญหาการติดเชื้อโควิดสายพันธุ์เดลตา ยังเป็นอุปสรรคสำคัญที่รัฐบาล โดยเฉพาะสาธารณสุขของไทยจะต้องเร่งแก้ไขเป็นการเร่งด่วน โดยมองว่าสิ่งที่จะทำให้ปัญหาการติดเชื้อโควิดน้อยลงได้ ประเทศไทยจะต้องจัดหาวัคซีนที่มีประสิทธิภาพและเป็นวัคซีนทางเลือกมากยิ่งขึ้น พร้อมทั้งจะต้องเร่งจัดหายาบำบัดรักษาโรคโควิดไปพร้อมกัน เพื่อให้คนในประเทศมีภูมิคุ้มกันหมู่ ลดการสูญเสียและลดภาพการติดเชื้อตายบนท้องถนนเหมือนกับประเทศต่างๆ ที่เคยมีภาพเหล่านี้เกิดขึ้นมาแล้ว และหากดูหลายประเทศ ไม่ว่าจะเป็นสหรัฐอเมริกา กลุ่มสหภาพยุโรป และหลายประเทศที่มีคนติดเชื้อโควิดจำนวนมาก แต่ตัวเลขการสูญเสียชีวิตน้อยลงไปมาก จึงคิดว่าหากประเทศไทยมีวัคซีนที่มีคุณภาพสูงมาฉีดให้กับคนไทย เชื่อว่าจำนวนการติดเชื้อและการตายจะน้อยลงได้ หากประเทศไทยสามารถเร่งดำเนินการตรงนี้ได้ เชื่อว่าโอกาสด้านการท่องเที่ยวไทยจะกลับมาฟื้นตัวได้ น่าจะเป็นช่วงกลางปีหน้า ซึ่งในปีนี้แม้ว่าไทยจะเปิดพื้นที่ด้านการท่องเที่ยวในหลายพื้นที่ภาคใต้ แต่สัดส่วนการเข้ามาท่องเที่ยวและการใช้จ่ายเงินของนักท่องเที่ยวในแต่ละพื้นที่ยังจำกัดและน้อยอยู่มาก.-สำนักข่าวไทย