ธ.กสิกรไทย กำไรสุทธิไตรมาส 1/68 กว่า 1.37 หมื่นล้าน เพิ่มขึ้น 1.08%

กรุงเทพ 21 เม.ย.- ธ.กสิกรไทย รายงานไตรมาส 1/2568 กำไรสุทธิ 13,791 ล้านบาท เพิ่มขึ้นเล็กน้อย 1.08% จากไตรมาส 1/2567 ประเมินจีดีพีปี 58 โตต่ำกว่าปี 67 จากเหตุแผ่นดินไหว-มาตรการภาษีตอบโต้ทางการค้าของสหรัฐ มองมาตรการภาครัฐประคองเศรษฐกิจได้บางส่วน


นางสาวขัตติยา อินทรวิชัย ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ธนาคารกสิกรไทย เปิดเผยว่า ภาวะเศรษฐกิจไทยในไตรมาส 1 ปี 2568 ขยายตัวในกรอบจำกัด แม้การส่งออกสินค้าจะขยายตัวสูงจากผลของการเร่งส่งออกก่อนการปรับขึ้นภาษีของสหรัฐฯ แต่การผลิตภาคอุตสาหกรรม รวมถึงการลงทุนภาคเอกชนกลับไม่ได้รับอานิสงส์อย่างเต็มที่ เพราะปัญหาเชิงโครงสร้าง การแข่งขันสูง และความไม่แน่นอนของนโยบายการค้าของสหรัฐฯ สำหรับในปี 2568 คาดการณ์ว่าเศรษฐกิจไทยจะขยายตัวต่ำกว่าปีก่อน โดยนอกจากเหตุการณ์แผ่นดินไหวช่วงปลายเดือนมีนาคมจะมีผลกระทบต่อภาคการท่องเที่ยว ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์และก่อสร้างแล้ว การปรับขึ้นภาษีตอบโต้ทางการค้าของสหรัฐฯ ยังมีผลกระทบต่อสินค้าส่งออกของไทยหลายรายการ ซึ่งความตึงเครียดของสงครามการค้าจากการปรับขึ้นของภาษีตอบโต้นับเป็นความเสี่ยงเพิ่มเติมต่อการชะลอตัวของเศรษฐกิจโลก ขณะที่มาตรการของภาครัฐอาจช่วยประคองเศรษฐกิจได้เพียงบางส่วน เนื่องจากการใช้จ่ายในประเทศยังถูกกดดันจากฐานะทางการเงินที่เปราะบางและภาระหนี้ของภาคครัวเรือนที่อยู่ในระดับสูง ท่ามกลางความท้าทายของปัจจัยทางเศรษฐกิจทั้งในและนอกประเทศที่มีความเสี่ยงสูง รวมทั้งความกังวลต่อการชะลอตัวของเศรษฐกิจโลก ธนาคารและบริษัทย่อยยังคงดำเนินธุรกิจด้วยความรอบคอบ โดยมุ่งเน้นการสร้างคุณค่าที่ยั่งยืนให้แก่ผู้มีส่วนได้เสียทุกฝ่าย ซึ่งรวมถึงความรับผิดชอบต่อลูกค้าผู้ฝากเงิน ผู้ลงทุน การดูแลช่วยเหลือลูกค้าในด้านต่าง ๆ อย่างเหมาะสม ทั้งการให้สินเชื่ออย่างรับผิดชอบและเป็นธรรม การให้ความร่วมมือผ่านโครงการภาครัฐเพื่อสนับสนุนให้ลูกค้าสามารถดำเนินชีวิต และธุรกิจต่อไปได้อย่างยั่งยืน ตลอดจนการส่งมอบผลตอบแทนที่มั่นคงให้แก่ผู้ถือหุ้น ผ่านการเดินหน้าตามยุทธศาสตร์ 3+1 และการจัดการเพิ่มประสิทธิภาพการดำเนินงาน (Productivity) อย่างต่อเนื่องภายใต้บริบทของเศรษฐกิจที่มีความไม่แน่นอนสูง ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2568 บริษัทย่อยแห่งหนึ่งของธนาคารได้ถือปฏิบัติตามมาตรฐานการรายงานทางการเงิน ฉบับที่ 17 เรื่อง สัญญาประกันภัย ซึ่งเป็นการปฏิบัติที่สอดคล้องกับแนวทางสากล โดยมีผลต่อการรับรู้ และการจัดประเภทรายการในงบการเงินเพื่อให้ข้อมูลทางการเงินสะท้อนมูลค่าทางการเงินของกิจการได้ดียิ่งขึ้น งบการเงินรวมปี 2567 ได้มีการปรับปรุงใหม่เสมือนได้นำมาตรฐานฯ ฉบับดังกล่าว มาถือปฏิบัติย้อนหลังเพื่อให้ข้อมูลสามารถเปรียบเทียบกันได้  ทั้งนี้ การนำมาตรฐานการรายงานทางการเงินดังกล่าวมาใช้ไม่มีผลกระทบอย่างมีสาระสำคัญต่องบการเงินรวมของธนาคารและบริษัทย่อย

ผลการดำเนินงานสำหรับไตรมาส 1 ปี 2568 เปรียบเทียบกับไตรมาสเดียวกันของปีก่อนที่ปรับปรุงใหม่ ธนาคารและบริษัทย่อยมีรายได้ดอกเบี้ยสุทธิลดลงจำนวน 2,761 ล้านบาท หรือ 7.23% เป็นผลจากการเผชิญแรงกดดันของภาวะอัตราดอกเบี้ย  ประกอบกับการบริหารจัดการคุณภาพสินทรัพย์ให้มีประสิทธิผลสูงสุดอย่างระมัดระวัง ส่งผลให้อัตราผลตอบแทนสินทรัพย์ที่ก่อให้เกิดรายได้สุทธิ (Net interest margin : NIM) อยู่ที่ระดับ 3.41% แม้ว่ารายได้ที่มิใช่ดอกเบี้ยเติบโตขึ้นจำนวน 1,826 ล้านบาท หรือ 15.39% จากกำไรจากเครื่องมือทางการเงินที่วัดมูลค่าด้วยมูลค่ายุติธรรมผ่านกำไรหรือขาดทุน รายได้จากการลงทุน และรายได้ค่าธรรมเนียมและบริการสุทธิ อย่างไรก็ตาม รายได้จากการดำเนินงานสุทธิลดลงจำนวน 935 ล้านบาท หรือ 1.87% โดยค่าใช้จ่ายจากการดำเนินงานอื่น ๆ อยู่ในระดับใกล้เคียงกับไตรมาสเดียวกันของปีก่อน เป็นผลจากการบริหารจัดการเพิ่มประสิทธิภาพการดำเนินงานอย่างต่อเนื่อง ทำให้อัตราส่วนค่าใช้จ่ายจากการดำเนินงานอื่น ๆ ต่อรายได้จากการดำเนินงานสุทธิ (Cost to income ratio) อยู่ที่ระดับ 40.84% นอกจากนี้ ธนาคารและบริษัทย่อยยังคงยึดหลักความระมัดระวังอย่างรอบคอบตามที่ได้ปฏิบัติมาอย่างสม่ำเสมอ จึงพิจารณาตั้งสำรองผลขาดทุนด้านเครดิตที่คาดว่าจะเกิดขึ้น (Expected credit loss : ECL) จำนวน 9,818 ล้านบาท เพื่อให้สำรองฯ อยู่ในระดับที่เหมาะสมเพียงพอ รองรับความไม่แน่นอนของเศรษฐกิจในประเทศที่มีแนวโน้มขยายตัวต่ำกว่าปีก่อน และเศรษฐกิจโลกที่มีความผันผวนสูง ทำให้กำไรสุทธิส่วนที่เป็นของธนาคารมีจำนวน 13,791 ล้านบาทเพิ่มขึ้นเล็กน้อย 1.08% เมื่อเทียบกับไตรมาสเดียวกันของปีก่อน


ผลการดำเนินงานไตรมาส 1 ปี 2568 เปรียบเทียบกับไตรมาส 4 ปี 2567 ที่ปรับปรุงใหม่ ธนาคารและบริษัทย่อยมีรายได้จากการดำเนินงานสุทธิเพิ่มขึ้นเล็กน้อยจำนวน 397 ล้านบาท หรือ 0.81% หลัก ๆ จากกำไรจากเครื่องมือทางการเงินที่วัดมูลค่าด้วยมูลค่ายุติธรรมผ่านกำไรหรือขาดทุน และรายได้จากการลงทุน แม้ว่ารายได้ดอกเบี้ยสุทธิจะลดลงตามภาวะตลาด นอกจากนี้ ค่าใช้จ่ายจากการดำเนินงานอื่น ๆ ลดลง 2,243 ล้านบาท หรือ 10.06% ส่วนหนึ่งจากค่าใช้จ่ายทางการตลาดที่เป็นไปตามฤดูกาล รวมทั้งการบริหารจัดการค่าใช้จ่ายให้เกิดความคุ้มค่าอย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้ธนาคารและบริษัทย่อยมีกำไรจากการดำเนินงานก่อนหักผลขาดทุนด้านเครดิตที่คาดว่าจะเกิดขึ้นและภาษีเงินได้จำนวน 29,051 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจำนวน 2,640 ล้านบาท หรือ 9.99% นอกจากนี้ การตั้งสำรองผลขาดทุนด้านเครดิตที่คาดว่าจะเกิดขึ้นยังคงสอดคล้องกับหลักความระมัดระวังอย่างต่อเนื่อง  

ณ วันที่ 31 มีนาคม 2568 ธนาคารและบริษัทย่อยมีสินทรัพย์รวมจำนวน 4,355,212 ล้านบาท เพิ่มขึ้นเล็กน้อยจำนวน 14,258 ล้านบาท หรือ 0.33% เมื่อเทียบกับ ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2567 ที่ปรับปรุงใหม่ ส่วนใหญ่เพิ่มขึ้นจากเงินลงทุนสุทธิ ซึ่งเป็นการลงทุนตามการคาดการณ์ภาวะตลาดและทิศทางอัตราดอกเบี้ย อย่างไรก็ตาม เงินให้สินเชื่อสุทธิลดลง เป็นไปตามภาวะเศรษฐกิจที่ชะลอตัว โดยธนาคารยังคงมุ่งเน้นการขยายสินเชื่ออย่างมีคุณภาพ ให้ความสำคัญกับคุณภาพสินทรัพย์ และการเพิ่มผลตอบแทนที่ปรับตามความเสี่ยงให้เหมาะสม ทั้งนี้ เงินให้สินเชื่อด้อยคุณภาพต่อเงินให้สินเชื่อ (%NPL gross) อยู่ที่ระดับ 3.19% และค่าเผื่อผลขาดทุนด้านเครดิตที่คาดว่าจะเกิดขึ้นต่อเงินให้สินเชื่อด้อยคุณภาพ (Coverage ratio) เพิ่มขึ้นอยู่ที่ระดับ 159.49% สำหรับอัตราส่วนเงินกองทุนทั้งสิ้นต่อสินทรัพย์เสี่ยงของกลุ่มธุรกิจทางการเงินธนาคารกสิกรไทยตามหลักเกณฑ์ Basel III ณ วันที่ 31 มีนาคม 2568ยังคงมีความแข็งแกร่งอยู่ที่ 20.52%.-516-สำนักข่าวไทย


ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

ยกระดับห้าม จยย.-รถเข็น จากกัมพูชาเข้าไทย

สระแก้ว 23 มิ.ย.-ตอบโต้ทันควัน! ไทยสั่งห้ามรถเข็น-จยย.เขมร เข้ามาเด็ดขาด บรรยากาศด่านคลองลึกตึงเครียด เจรจาระดับเจ้าหน้าที่ หลังกัมพูชางดนำเข้าน้ำมันไทย เมื่อวันที่ 23 มิ.ย.68 ผู้สื่อข่าวรายงาน บรรยากาศบริเวณจุดผ่านแดนถาวรบ้านคลองลึก อ.อรัญประเทศ จ.สระแก้ว ก่อนการเปิดด่านฝั่งกัมพูชา ในเวลา 09.00 น. ว่า มีตึงเครียดผิดปกติ โดยปกติจะมีแรงงานกัมพูชาจำนวนมากขี่รถจักรยานยนต์ รถพ่วงข้าง และรถชาลี มารอข้ามแดนเข้ามาทำงานในตลาดโรงเกลือ แต่เช้าวันนี้ภาพดังกล่าวหายไปอย่างสิ้นเชิง หลังทางฝั่งไทย “ยกระดับตอบโต้” ต่อมาตรการของกัมพูชาที่ประกาศงดรับน้ำมันและก๊าซจากไทย กองกำลังบูรพา ได้กำหนดมาตรการควบคุมพื้นที่เพิ่มเติม เพื่อรักษาความปลอดภัยสูงสุดบริเวณพื้นที่ชายแดน และการป้องกันลักลอบกระทำผิดกฎหมายต่างๆ โดยไม่อนุญาตให้รถเข็นคนเดิน (ตั้งแต่ 2 ล้อขั้นไป), รถจักรยานยนต์ที่ติดแผ่นป้ายทะเบียนราชอาณาจักรกัมพูชา และรถจักรยานยนต์ ดัดแปลงทุกประเภท ของกัมพูชา เข้ามาในราชอาณาจักรไทย บริเวณ จุดผ่านแดนถาวรบ้านคลองลึก, จุดผ่านแดนถาวรสะพานมิตรภาพไทย-กัมพูชา บ้านหนองเอี๋ยน-สตึงบท, จุดผ่านแดนถาวรบ้านเขาดิน, จุดผ่อนปรนการค้าบ้านตาพระยา และจุดผ่อนปรนการค้าบ้านหนองปรือ โดยให้หน่วยที่รับผิดชอบ บังคับใช้มาตรการดังกล่าว ตั้งแต่วันที่ 23 มิ.ย. เวลา […]

ทหารกัมพูชาพาชาวบ้าน พระ-แม่ชี ขึ้นปราสาทตาเมือนธม

สุรินทร์ 23 มิ.ย.-มาแบบไหนอีก ทหารกัมพูชาพาชาวบ้าน พระสงฆ์ แม่ชีนับพัน ขึ้นปราสาทตาเมือนธม พร้อมทำพิธีกราบไหว้ หลังจากมีคณะปั่นจักรยานไทยเข้าทำกิจกรรมที่ปราสาทตาเมือนธม อำเภอพนมดงรัก จังหวัดสุรินทร์ อย่างคึกคัก และมีชาวไทยจากหลายพื้นที่แห่เที่ยวให้กำลังใจทหารแนวหน้า หลังมีข่าวทั้ง 2 ฝ่ายประกาศปิดด่านเพิ่ม ขณะที่ฝั่งกัมพูชา ก็ตอบโต้ฝ่ายไทยอย่างไม่ลดละ มีนักท่องเที่ยวเพิ่มขึ้นอย่างเห็นได้ชัด โดยเฉพาะเมื่อวานนี้ (22 มิ.ย.68) ตลอดทั้งวัน มีชาวบ้าน พระสงฆ์ และแม่ชี นับพันคนขึ้นมาเที่ยวบนตัวปราสาทตาเมือนธม พร้อมทำพิธีกราบไหว้ ทำให้เจ้าหน้าที่ทหารไทยต้องคุมเข้มอย่างหนัก เพื่อไม่ให้ทำผิดเงื่อนไข ทั้งนี้ มีรายงานว่า ในช่วงบ่ายวันนี้ พล.อ.พนา แคล้วปลอดทุกข์ ผู้บัญชาการทหารบก พร้อมคณะ เตรียมลงพื้นที่ให้กำลังใจกำลังพล และติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิดด้วย.-715.-สำนักข่าวไทย

รัฐบาลสั่งจับกุมอุปกรณ์เสพติดรูปแบบใหม่ วางขายโจ๋งครึ่ม

ทำเนียบ 23 มิ.ย.-รัฐบาลสั่งจับกุมอุปกรณ์เสพติดรูปแบบใหม่ ล่อใจเยาวชน ทำคล้ายยาดม ลูกอม วางขายโจ๋งครึ่ม ในแพลตฟอร์มออนไลน์ เตือนผู้ปกครองเข้าถึงเยาวชนง่าย อันรายถึงชีวิต นายอนกูล พฤกษานุศักดิ์ รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า รัฐบาลได้สั่งการ ในการจับกุมยาเสพติดและสารเสพติดในรูปแบบต่าง ๆ อย่างต่อเนื่อง โดยได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องทั้งตำรวจไซเบอร์และส่วนราชการอื่นๆ ให้ดำเนินการจับกุมและปราบปรามให้เข้มข้นขึ้น โดยสถานการณ์และสถิติการใช้ยาเสพติดในไทย ปี 2568 แม้ภาครัฐจะดำเนินมาตรการปราบปรามและสกัดกั้นการลักลอบนำเข้าและจำหน่าย รวมถึงบำบัดผู้ติดยาเสพอย่างต่อเนื่อง แต่ปัญหายาเสพติดในประเทศไทยยังคงเป็นภัยเงียบที่สร้างปัญหาและทำลายเศรษฐกิจและประชาชน โดยเฉพาะในกลุ่มเยาวชนและวัยแรงงาน ซึ่งเป็นกำลังสำคัญของประเทศ นายอนุกูล กล่าวว่า จากข้อมูลผลการติดตาม เฝ้าระวังผลิตภัณฑ์อันตรายต่อสุขภาพของทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ขณะนี้พบสารเสพติดพันธุ์ใหม่ กลายพันธุ์แปลงร่าง ปรับรูปแบบหน้าตาผลิตภัณฑ์ให้สวยงามน่ารักมากขึ้น โดยผลิตเลียนแบบลูกอม ปรุงรสชาติผลไม้ และออกแบบบรรจุภัณฑ์ให้มีความสวยงามสดใส มีดีไซน์คล้ายกล่องขนม ดูยากขึ้น จนแยกไม่ออกว่าเป็นผลิตภัณฑ์เสพติด หรือกล่องขนม ซึ่งมีทั้งผลิตภัณฑ์ที่นำเข้าจากต่างประเทศและผลิตในไทย โดยวางจำหน่ายอย่างเปิดเผยในแพลตฟอร์มออนไลน์ ราคาเริ่มต้นเพียงหลักร้อยบาทเท่านั้น สำหรับผลิตภัณฑ์อันตรายที่พบมีดังนี้1.บุหรี่ไฟฟ้าพันธุ์ใหม่ GEN 6ปรับเปลี่ยนรูปลักษณ์ผลิตภัณฑ์ให้ดูเหมือนยาดมแท่งจนแยกไม่ออก มีการโฆษณาว่าคล้ายยาดม แต่มีส่วนผสมเป็นนิโคติน 3-5% โดยรู้จักในชื่อ พอดจมูก พอดยาดม สูบได้ทั้งทางจมูกและทางปาก […]

ชายถูกตีหัวทิ้งศพริมถนน พบก่อนตายโพสต์ภาพหลักฐานสำคัญ

สมุทรสาคร 22 มิ.ย.- พบศพชายถูกตีศีรษะเสียชีวิตริมถนน สืบหาเบาะแสจากโซเชียลเจอหลักฐานสำคัญ ตำรวจเร่งล่าตัวผู้ก่อเหตุ ผู้เสียชีวิตทราบชื่อคือนายอ้วน อายุ 33 ปี สภาพถูกของแข็งตีที่ศีรษะเป็นแผลฉกรรจ์ ถูกทิ้งร่างไว้ริมถนนแคราย หมู่ 5 ต.แคราย อ.กระทุ่มแบน จ.สมุทรสาคร ข้างศพมีขวดเบียร์ตกอยู่ และฝั่งตรงข้ามมีรถจักรยานยนต์ จอดอยู่หน้าร้านโชห่วยใกล้จุดพบศพ คาดว่าเป็นของผู้เสียชีวิต โดยก่อนหน้านี้มีพลเมืองดีขับรถส่งน้ำแข็งผ่านมาพบร่าง จึงโทรแจ้งตำรวจ สภ.กระทุ่มแบนให้มาตรวจสอบ ช่วงตีสี่วันนี้   ตำรวจสังเกตเสื้อที่ผู้เสียชีวิตสวมใส่มีคำสกรีนเป็นชื่อเฟซบุ๊ก จึงเข้าไปตรวจสอบ พบว่าประมาณตีหนึ่ง ผู้เสียชีวิตสวมเสื้อตัวเดียวกัน และโพสต์ภาพคู่กอดคอกับชายคนหนึ่ง ระบุข้อความว่า “จบสะทีนะปัญหาหมู่บ้าน” และที่น่าสังเกตคือวิวในรูปเป็นริมถนนและมีขวดเบียร์ที่พบข้างศพตั้งอยู่ด้านหน้าด้วย และในโพสต์ มีคนมาแสดงความคิดเห็น ข้อความสำคัญว่า “ใครเป็นญาติครับติดต่อผมหน่อย เค้าโดนตี” เรื่องนี้ตำรวจจะเร่งตรวจสอบวงจรปิด คาดว่าจะติดตามตัวผู้ก่อเหตุได้เร็ววันนี้ .-สำนักข่าวไทย

ข่าวแนะนำ

นายกฯ ย้ำแผนช่วยเหลือคนไทยออกจากอิสราเอล-อิหร่าน

กรุงเทพฯ 25 มิ.ย.- นายกฯ ย้ำแผนช่วยเหลือ-อำนวยความสะดวกคนไทยต้องการออกจากอิสราเอลและอิหร่าน เผยล่าสุดมี 73 คน ประสงค์จะเดินทางออกจากอิหร่าน และ 18 คนจากอิสราเอลต้องการกลับไทย ขอคนที่อยู่ต่อติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี โพสต์ข้อความผ่านโซเชียลมีเดีย ระบุรัฐบาลได้เตรียมการดูแลพี่น้องคนไทยทั้งในอิสราเอลและอิหร่าน ในกรณีที่ต้องการเดินทางกลับไทย เนื่องจากสถานการณ์ความขัดแย้งในตะวันออกกลาง โดยกระทรวงการต่างประเทศได้วางแผนช่วยเหลือและอำนวยความสะดวกให้คนไทยที่ต้องการออกจากอิสราเอลและอิหร่านโดยรวดเร็วและปลอดภัยค่ะ ในอิหร่าน มีคนไทยรวมประมาณ 300 คน ส่วนใหญ่เป็นแรงงานและนักศึกษา ซึ่งสถานเอกอัครราชทูตฯ ได้ช่วยเหลือให้ไปพำนักชั่วคราวที่ศูนย์พักพิงที่เมือง Amol ในอิหร่านแล้ว 35 คน และอีก 4 คนไปที่ศูนย์พักพิงที่เมือง Van ในตุรกี นอกจากนั้น กระทรวงการต่างประเทศกำลังเร่งประสานงานให้คนไทย 73 คนที่ประสงค์จะเดินทางออกจากอิหร่าน โดยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศจะหารือกับฝ่ายอิหร่าน เพื่อให้เร่งออก exit visa ให้ ในส่วนของอิสราเอล มีคนไทยอยู่ประมาณ 40,000 คน เกือบทั้งหมดเป็นแรงงาน สถานเอกอัครราชทูตฯ ได้ติดตามสอบถามความเป็นอยู่อย่างใกล้ชิด รวมทั้งไปเยี่ยมเยียนด้วย ซึ่งในชั้นนี้ […]

นายกฯ เปิดประชุมนานาชาติหน่วยยามฝั่งอาเซียน ไร้ตัวแทนกัมพูชาร่วม

พัทยา 25 มิ.ย.-ไร้เงาตัวแทนกัมพูชา นายกฯ เปิดการประชุมนานาชาติหน่วยยามฝั่งอาเซียน ชมสาธิตวิธีการช่วยอากาศยานประสบภัยในทะเล นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เป็นประธานในพิธี และกล่าวเปิดการประชุมนานาชาติหน่วยยามฝั่งอาเชียน (ASEAN Coast Guard Forum 2025: ACF 2025) และการฝึกค้นหา และช่วยเหลืออากาศยานประสบภัยในทะเล และการแพทย์ฉุกเฉินในทะเล ที่ประเทศไทยได้รับเกียรติเป็นเจ้าภาพจัดประชุม ระหว่างวันที่ 24-27 มิถุนายน 2568 เพื่อส่งเสริมความปลอดภัย มั่นคง มั่งคั่ง ในอาเซียน ณ โรงแรมฮิลตัน พัทยา อำเภอบางละมุง จังหวัดชลบุรี โดยมีพลเรือเอก จิรพล ว่องวิทย์ ผู้บัญชาการทหารเรือให้การต้อนรับ โดยนายกรัฐมนตรี ได้กล่าวต้อนรับผู้แทนจากประเทศสมาชิกอาเซียน ประเทศผู้สังเกตการณ์ และพันธมิตรสำคัญที่เข้าร่วมการประชุมในครั้งนี้สู่เมืองพัทยา และแสดงความยินดีที่ได้มีโอกาสเข้าร่วมในพิธีเปิดเวทีความร่วมมืออันสำคัญของภูมิภาค ซึ่งเป็นเวทีที่หน่วยรักษาความปลอดภัยชายฝั่ง หน่วยงานบังคับใช้กฎหมายทางทะเล และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องของประเทศสมาชิกอาเซียน ได้มาพบปะ แลกเปลี่ยนมุมมอง และเสริมสร้างความร่วมมือเพื่อยกระดับความมั่นคงทางทะเลร่วมกัน นายกรัฐมนตรี ยังกล่าวถึงความสำคัญของความมั่นคง และความปลอดภัยทางทะเล ซึ่งมีความสำคัญอย่างยิ่งต่อภูมิภาค เนื่องจากท้องทะเลไม่เพียงเป็นเส้นทางการค้าสำคัญ […]

กัมพูชาเข้มไม่ยอมให้เด็กข้ามมาเรียนในไทย

สุรินทร์ 25 มิ.ย. – ไทยเปิดด่านตามหลักมนุษยธรรม แต่กัมพูชายังเข้ม จุดช่องจอมไม่ยอมให้เด็กข้ามมาเรียนในไทย จุดผ่านแดนช่องจอม จ.สุรินทร์ หลังจากปิดด่าน ทำให้เกิดผลกระทบชาวกัมพูชากับนักเรียนกัมพูชาที่ต้องข้ามฝั่งมาเรียน โดยชาวกัมพูชาบางคนมารอตั้งแต่ตี 5 เพื่อจะข้ามฝั่งไปยังกัมพูชา ยืนยันว่าจะกลับมาทำงานที่ประเทศไทย อยากให้ทั้ง 2 ฝ่ายคุยกันได้ และกลับมาเป็นเช่นเดิม ขณะที่คนขับรถส่งเด็กนักเรียน เล่าว่าตั้งแต่มีเหตุการณ์ไม่สงบเกิดขึ้นระหว่าง 2 ประเทศ ทำให้ขึ้นมารับนักเรียนฝั่งกัมพูชาไปเรียนที่ฝั่งประเทศไทยไม่ได้ เป็นเวลา 2 อาทิตย์แล้ว มีทั้งนักเรียนอนุบาลและมัธยม ฝั่งไทยเปิดด่านตนมารอรับนักเรียนฝั่งกัมพูชา เพื่อมาเรียนที่ประเทศไทยทุกวัน แต่นักเรียนฝั่งกัมพูชาข้ามมาประเทศไทยไม่ได้ เนื่องจากฝั่งกัมพูชาไม่เปิดประตูให้ข้ามด่านมายังไทย แม้ฝั่งไทยจะอนุญาตให้อำนวยความสะดวกด้านมนุษยธรรม ให้นักเรียนสามารถข้ามแดนไป-กลับได้ เพื่อมาโรงเรียน แต่เช้าวันนี้ รถรับ-ส่ง นักเรียน ที่เข้าไปรับนักเรียนชาวกัมพูชาที่หน้าด่าน ต้องตีรถเปล่ากลับ เนื่องจากกัมพูชาไม่เปิดประตูให้นักเรียนกัมพูชาข้ามเข้ามาเรียนในไทย ล่าสุดประตูฝั่งกัมพูชาเปิดเวลา 10.00 น. โดยเจ้าหน้าที่จะให้ชาวกัมพูชาที่ป่วยกลับประเทศกัมพูชา หากเอกสารไม่ครบต้องไปประสานตำรวจตรวจคนเข้าเมืองดำเนินการส่งกลับ รวมผู้ป่วยและพ่อค้าแม่ค้าที่ตกค้างมากกว่า 500 คน ส่วนรถตกค้างประมาณ 50 คัน ส่วนใหญ่เป็นของผู้ค้าในตลาดชายแดนช่องจอม ทั้งนี้ ฝั่งกัมพูชาปิดประตูเวลา […]

ป.ป.ช.รับสอบคลิปเสียงนายกฯ ไม่กดดัน โฟกัสคลิปเสียงต้องแปลชัดเจน

ชลบุรี 25 มิ.ย.-เลขาฯ ป.ป.ช. เผย ป.ป.ช.รับสอบคลิปเสียง นายกฯ ไม่กดดัน ยังอยู่ขั้นตอนรับมาตรวจสอบ โฟกัสที่คลิปเสียง ต้องแปลข้อความชัดเจน เพราะเป็นสองภาษา เบื้องต้นไม่ต้องเชิญ “แพทองธาร” มาสอบ นายสาโรจน์ พึงรำพรรณ เลขาธิการคณะกรรมการ ป.ป.ช. กล่าวภายหลังเปิดโครงการสื่อมวลชนสัมพันธ์ สำนักงาน ป.ป.ช. ที่จ.ชลบุรี ถึงคดีคลิปเสียง นส.แพทองธาร นายกรัฐมนตรี กับนายฮุนเซน ว่า เรื่องนี้ มีการร้องมาที่ ป.ป.ช. ก็เป็นเรื่องปกติเมื่อมีการร้องในคดีสำคัญ สำนักงาน ป.ป.ช. ต้องสรุปรายงานให้ที่ประชุมคณะกรรมการรับทราบ ซึ่งคดีสำคัญเมื่อ ที่ประชุมรับทราบแล้วก็จะกำหนดสิ่งที่ต้องดำเนินการเบื้องต้น ระยะเวลา เมื่อเสร็จต้องกลับมาพิจารณาในที่ประชุม จึงไม่ใช่ 10 วันส่งศาลตามที่เป็นข่าว ยังอยู่ในขั้นตอนรับมาตรวจสอบ ปกติ ถ้าอยู่ในอำนาจหน้าที่ก็รับมา เนื่องจากเป็นคดีสำคัญ จึงมีมติต้องมารายงานให้กรรมการ ป.ป.ช.ทราบเป็นระยะ กรณีนี้ ร้องฝ่าฝืนจริยธรรมอย่างร้ายแรง ถ้าประเด็นรายละเอียดต้องสอบน้อย ก็ใช้เวลาไม่นาน แต่ถ้ามีรายละเอียดมากก็กำหนด 6 เดือน […]