ส.อ.ท. ปรับเป้าผลิตรถยนต์ปีนี้แตะ 1.6 ล้านคัน รับตลาดส่งออกรถยนต์ฟื้น

กรุงเทพฯ 22 ก.ค. – กลุ่มยานยนต์ ส.อ.ท. ปรับเป้าหมายการผลิตรถยนต์ปี 2564 เพิ่มขึ้นจากเดิม 1.5 ล้านคัน เป็น 1.55-1.6 ล้านคัน รับแนวโน้มการส่งออกที่สดใส


นายสุรพงษ์ ไพสิฐพัฒนพงษ์ รองประธานและโฆษกกลุ่มอุตสาหกรรมยานยนต์ สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย(ส.อ.ท.) เปิดเผยว่า ส.อ.ท. ปรับประมาณการยอดผลิตรถยนต์ปีนี้เพิ่มขึ้น 50,000-100,000 คัน มาอยู่ที่ 1,550,000-1,600,000 คัน จากเดิมคาดไว้อยู่ที่ 1,500,000 คัน เนื่องจากมีสัญญาณการฟื้นตัวจากเศรษฐกิจของประเทศคู่ค้า ทำให้มีความต้องการรถยนต์เพิ่มขึ้นทั้งในประเทศออสเตรเลีย นิวซีแลนด์ เวียดนาม ญี่ปุ่น เม็กซิโก มาเลเซีย ที่มียอดขายเติบโตอย่างชัดเจน

โดยสาเหตุหลักเป็นผลจากยอดผลิตรถยนต์เพื่อส่งออกปีนี้ที่คาดว่าจะอยู่ที่ 8-8.5 แสนคัน เพิ่มขึ้นจากเดิมคาดไว้ที่ 7.5 แสนคัน ตามยอดผลิตรถยนต์เพื่อส่งออกที่สูงขึ้น เห็นได้จากยอดผลิตเพื่อส่งออกรวม 6 เดือนของปีนี้ (ม.ค.-มิ.ย.2564) ผลิตได้ 486,237 คัน เพิ่มขึ้นจากปีก่อน 40.37% ถือเป็นการเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ ส่งผลให้ภาพรวมการผลิต 6 เดือนอยู่ที่ 844,601 คัน เพิ่มขึ้นจากปีก่อน 39.34%


“หากไม่มีปัญหาเรื่องการขาดแคลนชิ้นส่วนรถยนต์บางรุ่น ประกอบกับเศรษฐกิจประเทศคู่ค้าปรับตัวดีขึ้น ก็มีโอกาสที่ไทยจะสามารถผลิตรถยนต์เพื่อส่งออกได้ถึง 900,000 คัน แต่ยอมรับว่ายังมีความกังวลเรื่องปัญหาขาดแคลนชิ้นส่วนรถยนต์ที่เบื้องต้นประเมินว่าอาจยืดเยื้อออกไปจนถึงปี 2565 ซึ่งจะปฏิเสธไม่ได้ว่าย่อมส่งผลกระทบต่อยอดการผลิต” นายสุรพงษ์กล่าว

ในส่วนของยอดผลิตเพื่อจำหน่ายในประเทศปีนี้ ยังคงเป้าหมายอยู่ที่ 750,000 คัน เป็นระดับต่ำสุดที่คาดการณ์ไว้และต่ำกว่ายอดผลิตปีก่อนที่ผลิตได้ 790,000 คัน ภายใต้สมมติฐานที่ประเทศไทยประกาศล็อกดาวน์ และปัญหาการผลิตชิ้นส่วนรถยนต์บางรุ่นไม่เพียงพอแล้ว จึงไม่น่าจะมีการปรับประมาณการลดลงต่ำไปกว่านี้ อย่างไรก็ตาม ต้องติดตามสถานการณ์โควิด-19 และการผลิตชิ้นส่วนรถยนต์ป้อนโรงงานอย่างใกล้ชิด

นายสุรพงษ์ กล่าวเพิ่มเติมว่า สำหรับยอดผลิตรถยนต์เดือนมิ.ย.2564 ผลิตได้ 134,245 คัน เพิ่มขึ้น 87.22% จากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่ฐานต่ำ เนื่องจากการระบาดของโควิด-19 แต่ลดลง 4.23% จากเดือนพ.ค.2564 เพราะผลิตได้ไม่เต็มที่จากการขาดชิ้นส่วนในบางรุ่น แบ่งเป็นยอดผลิตเพื่อส่งออก 74,574 คัน เพิ่มขึ้น 74.18% และยอดเพื่อจำหน่ายในประเทศ 59,671 คัน เพิ่มขึ้น 106.55%


สอดคล้องกับการส่งออกรถยนต์สำเร็จรูปเดือนมิ.ย. 2564 อยู่ที่ 83,022 คัน เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อน 65.88% มูลค่าการส่งออกอยู่ที่ 49,278.48 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 68.54% ส่วนยอดขายรถยนต์ภายในประเทศอยู่ที่ 61,758 คัน เพิ่มขึ้น 15.07% จากฐานต่ำ ถือเป็นยอดขายที่อยู่ในระดับต่ำ เนื่องจากการระบาดของโควิด19 ระลอกสามที่รุนแรงมากขึ้น มีการจำกัดการทำกิจกรรมทางเศรษฐกิจมากขึ้น ส่งผลให้กำลังซื้อของประชาชนลดลง ประกอบกับสถาบันการเงินเข้มงวดในการอนุมัติสินเชื่อ และรถยนต์บางรุ่นผลิตไม่พอกับความต้องการเพราะขาดชิ้นส่วน . – สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

จำคุกสมรักษ์คำสิงห์

ศาลสั่งคุก 2 ปี 13 เดือน 10 วัน “สมรักษ์” พยายามข่มขืนสาววัย 17

ศาลจังหวัดขอนแก่น พิพากษาจำคุก “สมรักษ์ คำสิงห์” อดีตนักมวยฮีโร่เหรียญทองโอลิมปิก เป็นเวลา 2 ปี 13 เดือน 10 วัน พร้อมชดใช้ค่าสินไหมทดแทนรวม 170,000 บาท คดีพยายามข่มขืนเด็กสาววัย 17 ปี

Chinese foreign ministry in January 2025

ถอดบทเรียนจากจีน แก้ปัญหาฝุ่นพิษ PM 2.5 จริงจัง

ปักกิ่ง 23 ม.ค. – สถานการณ์ฝุ่นพิษ PM 2.5 ที่กำลังเป็นปัญหาใหญ่และเร่งด่วนในไทยอยู่ในขณะนี้ หลายฝ่ายกำลังหาทางแก้ไขด้วยการมุ่งไปที่ต้นตอที่ทำให้เกิดฝุ่น จากข้อมูลขององค์การอนามัยโลกระบุว่า ในปี พ.ศ. 2542 ประชากรโลกมากถึง 92% ได้รับฝุ่น PM2.5 ในระดับความเข้มข้นสูงกว่าที่องค์การอนามัยโลกกำหนด และถ้ารัฐบาลทุกประเทศไม่เร่งแก้ปัญหาอย่างเอาจริงเอาจัง ภายในอีก 7 ปีข้างหน้า หรือ พ.ศ. 2573 คุณภาพชีวิตคนทั่วโลกจะยิ่งเลวร้ายสุดขีด เพราะปริมาณ PM2.5 จะเพิ่มขึ้นจากเดิม 50% และประเทศที่สามารถพิสูจน์ให้เห็นเป็นตัวอย่างว่า หากรัฐบาลตั้งใจจริงจัง ทุ่มสรรพกำลังความพยายาม จะสามารถกำจัดปัญหาฝุ่นควันพิษได้อย่างแน่นอนนั่นก็คือ จีน   จีนเคยมีคนเสียชีวิตเพราะมลพิษในอากาศปีละหลายล้านคน แต่ทุกวันนี้แม้แต่ธนาคารโลกยังยกย่องจีนว่า เป็นแบบอย่างของความพยายาม สามารถพลิกฟ้าหม่นเพราะฝุ่น PM2.5 ให้กลับเป็นฟ้าใสได้สำเร็จ ความพยายามของเหมา เจ๋อตุง ผู้นำจีนที่มุ่งเปลี่ยนสังคมเกษตรกรรมเป็นสังคมอุตสาหกรรม ทำให้จำนวนโรงงานในจีนเพิ่มขึ้นทวีคูณภายใน พ.ศ. 2502 แน่นอนว่า นโยบายเศรษฐกิจของผู้นำจีนช่วยให้คนจีนหลายล้านหลุดพ้นจากขีดความยากจน แต่ก็ต้องแลกกับชีวิตและสุขภาพ เพราะควันพิษจากโรงงานทำให้ฝุ่น PM2.5 พุ่งในระดับเกินกว่าจะรับไหว กว่ารัฐบาลจะรู้ตัวว่าปัญหามาถึงขั้นวิกฤต […]

คึกคัก คู่รักจูงมือกันไปจดทะเบียนวันแรกกฎหมายสมรสเท่าเทียมมีผล

วันนี้กฎหมายสมรสเท่าเทียมมีผลใช้บังคับอย่างเป็นทางการ หลายคู่รักควงแขนไปจดทะเบียนสมรสกันชื่นมื่น ที่สยามพารากอน มีคู่รักที่ลงทะเบียนมาจดทะเบียนสมรสที่นี่กว่า 300 คู่

ผู้ป่วยเสียชีวิต

รพ.สิรินธร ยืนยันไม่มีผู้ป่วยช็อก-เสียชีวิต จากเหตุชายผิวสีคลุ้มคลั่ง

ผอ.รพ.สิรินธร ยืนยันไม่มีผู้ป่วยช็อก หรือเสียชีวิต จากเหตุต่างชาติผิวสีคลุ้มคลั่ง มีเพียงเจ้าหน้าที่ รพ.บาดเจ็บจากการถูกต่อยเล็กน้อย

ข่าวแนะนำ

เปิดรับการลงทุน

นายกฯ ย้ำบทบาทของไทยในเวทีโลก ที่ดาวอส พร้อมเปิดรับการลงทุน

นายกฯ ย้ำบทบาทของไทยในเวทีโลก ที่ดาวอส พร้อมเปิดรับการลงทุนสร้างโอกาสทางเศรษฐกิจ ด้วยจุดแข็งด้านเกษตรกรรม Soft Power และอุตสาหกรรมที่มีความยั่งยืน มุ่งมั่นพัฒนาเศรษฐกิจดิจิทัลและการค้าเสรี เร่งสร้างสภาพแวดล้อมทางการค้าที่เสรี เปิดกว้าง และยั่งยืน

ช้างหลุดเดินถนน

ระทึก! ช้างหลุดจากปางช้างเดินบนถนน รถเสียหาย 1 คัน

ระทึก! ควาญช้างและตำรวจเร่งติดตามช้างหลุดจากปาง เดินบนถนน ชนกระจกมองข้างรถยนต์เสียหาย 1 คัน สุดท้ายไปเจอเล่นน้ำอยู่ในลำธารอย่างสบายใจ

ฝุ่น กทม.

แดงเกือบทั้งกรุง คุณภาพอากาศวิกฤติ ฝุ่น PM 2.5 กระทบต่อสุขภาพ

คุณภาพอากาศกรุงเทพฯ วิกฤติต่อเนื่อง เช้านี้ฝุ่น PM 2.5 อยู่ระดับสีแดง ผลกระทบต่อสุขภาพ 67 พื้นที่ คุณภาพอากาศจะแย่แบบนี้ไปถึงสัปดาห์หน้า

วันประวัติศาสตร์ สมรสเท่าเทียมวันแรก

วันนี้เป็นวันแรกที่กฎหมายสมรสเท่าเทียม มีผลใช้บังคับอย่างเป็นทางการ ใน กทม. มีการจัดงานวันสมรสเท่าเทียมอย่างยิ่งใหญ่ เฉลิมฉลองให้กับเส้นทางการต่อสู้อันยาวนานกว่าที่กฎหมายจะมีผลบังคับใช้ ไม่ว่าเพศใดก็จะได้รับสิทธิการสมรสอย่างเท่าเทียมกัน