ชี้โอกาส “ตลาดส่งออก” ปีมังกร โตตามตลาดโลกฟื้นตัว

กรุงเทพฯ 28 ธ.ค.- EXIM BANK ชี้โอกาส “ตลาดส่งออก” ปีมังกร โตตามตลาดโลกฟื้นตัว หนุนการส่งออกไทยปี 2567 ขยายตัวร้อยละ 4


ฝ่ายวิจัยธุรกิจ ธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทย (EXIM BANK) รายงายว่า ปี 2566 ถือเป็นอีกหนึ่งปีที่เต็มไปด้วยความท้าทายรอบด้าน โดยเฉพาะผู้ส่งออกไทยที่ต้องเผชิญกับบรรยากาศการค้าโลกที่ไม่ค่อยสดใสนัก กดดันให้การส่งออกไทยทั้งปี 2566 มีแนวโน้มหดตัวครั้งแรกในรอบ 3 ปีที่ราว 1-2% อย่างไรก็ตาม ล่าสุดเริ่มเห็นสัญญาณแห่งความหวังมากขึ้น หลังตัวเลขการส่งออกเดือนสิงหาคม-พฤศจิกายน 2566 กลับมาขยายตัว 4 เดือนติดต่อกัน โดย EXIM BANK คาดว่า โมเมนตัมเชิงบวกดังกล่าวจะยังมีต่อเนื่อง ซึ่งจะช่วยหนุนให้การส่งออกของไทยปี 2567 มีแนวโน้มกลับมาขยายตัวได้ราว 4% ตามการค้าโลกที่ฟื้นตัว

ล่าสุดกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) คาดว่า ปริมาณการค้าสินค้าโลกปี 2567 จะขยายตัว 3.2% หลังหดตัว 0.3% ในปี 2566 ทั้งนี้ จากโอกาสการส่งออกปี 2567 ที่เปิดกว้างมากขึ้น EXIM BANK ขอนำเสนอมุมมองที่น่าสนใจเกี่ยวกับตลาดที่มีศักยภาพ เพื่อเป็นแนวทางให้ผู้ส่งออกไทยสร้างรายได้เพิ่มมากขึ้น “ตลาดใหญ่” ตลาดที่มีประชากรมากที่สุดในโลกตลาดใหญ่ โดยเฉพาะตลาดอินเดียและจีน มีประชากรรวมกันกว่า 1 ใน 3 ของประชากรโลก ข้อมูลล่าสุดจากองค์การสหประชาชาติ (UN) ชี้ว่า ปัจจุบันอินเดียมีประชากรราว 1,429 ล้านคน มากกว่าจีนที่มี 1,426 ล้านคน ซึ่งไม่เพียงแต่แซงจีนในแง่จำนวนประชากรเท่านั้น แต่ยังแซงจีนในแง่ GDP Growth ที่สูงสุดในกลุ่มประเทศ G20 ด้วยอัตราการเติบโตเฉลี่ยปี 2566-2567 เกิน 6% แถมเป็นหนึ่งในประเทศที่เนื้อหอมที่สุดในการดึงดูดเม็ดเงินลงทุนจากต่างชาติ


โดยเม็ดเงิน FDI Inflow ย้อนหลัง 10 ปี (ปี 2557-2566) ของอินเดียโตเฉลี่ยถึง 8% ต่อปี เทียบกับโลกที่โตเฉลี่ยเพียง 3% จากนโยบาย Make in India ของนายกรัฐมนตรี Narendra Modi ทำให้เขายังเป็นเต็งหนึ่งที่จะชนะการเลือกตั้งทั่วไปในเดือนพฤษภาคม 2567 ปัจจัยดังกล่าวจะช่วยหนุนความต่อเนื่องในการดำเนินนโยบายและสร้างโอกาสในการส่งออกสินค้าไทยหลายรายการ โดยเฉพาะสินค้าขั้นกลางที่สอดรับกับ Supply Chain ใหม่ ๆ ที่มีนักลงทุนต่างชาติเข้าไปลงทุนในอินเดีย อาทิ ส่วนประกอบอิเล็กทรอนิกส์ ยานยนต์ เคมีภัณฑ์ เครื่องจักร ซึ่งล้วนเป็นสินค้าส่งออกของไทยไปอินเดียเติบโต Double Digits ในช่วงที่ผ่านมา

อย่างไรก็ตาม ผู้ส่งออกไทยไม่ควรจะมองข้ามตลาดจีนไปเลย เพราะแม้เศรษฐกิจจีนในภาพรวมจะขยายตัว 4-5% ชะลอลงกว่าในอดีตที่เคยขยายตัว 7-8% แต่ด้วย Exposure ของไทยกับจีนที่มีค่อนข้างสูงทั้งในมิติการค้า การท่องเที่ยว และการลงทุน ล่าสุดหากพิจารณาตัวเลข FDI Inflow 3 ไตรมาสแรกปี 2566 พบว่า นักลงทุนจีนกลายมาเป็นนักลงทุนอันดับ 1 ในไทยอีกครั้ง และมีมูลค่าเงินลงทุนเพิ่มขึ้นเกือบ 120% เทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ขณะเดียวกัน นักท่องเที่ยวจีนที่เริ่มทยอยกลับมาก็ยังถือเป็นโอกาสส่งออกสินค้าที่เกี่ยวเนื่องกับการท่องเที่ยวที่ไม่ควรพลาด อาทิ ผลไม้ อาหาร ขนมขบเคี้ยว เครื่องสำอาง เครื่องใช้ในบ้าน เป็นต้น

“ตลาดโต” ตลาดใหม่ในหลายภูมิภาคที่เติบโตได้อย่างโดดเด่นแม้ภาพรวมการส่งออกไทยปี 2566 จะมีแนวโน้มหดตัว 1-2% แต่ก็ยังมีตลาดใหม่ในหลายภูมิภาคที่นับว่าโตได้อย่างโดดเด่น เช่น ตลาดตะวันออกกลาง โดยเฉพาะซาอุดีอาระเบียที่กลับมาสานสัมพันธ์กับไทยอีกครั้งตั้งแต่ต้นปี 2565 ซึ่งมีส่วนสำคัญที่ช่วยหนุนให้การส่งออกของไทยไปซาอุดีอาระเบียขยายตัวเฉลี่ยเกือบ 30% ในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา ตลาดอเมริกากลางมีความน่าสนใจ โดยเฉพาะเม็กซิโกที่เป็นฐานการผลิตสำคัญอันดับ 1 ของสหรัฐฯ โดยเฉพาะอุตสาหกรรมยานยนต์และสิ่งทอ อีกทั้งการมีข้อตกลงการค้าเสรี CAFTA-DR ทำให้ผู้ส่งออกไทยสามารถใช้ภูมิภาคนี้เป็น Springboard ส่งต่อไปยังตลาดสหรัฐฯ และแคนาดาได้อีกทางหนึ่ง ตลาดเอเชียกลางประกอบด้วยคาซัคสถาน อุซเบกิสถาน เติร์กเมนิสถาน ทาจิกิสถาน และคีร์กีซสถาน ซึ่งมีอัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจค่อนข้างดีเฉลี่ยราว 4% ในช่วง 5 ปีข้างหน้า (ปี 2567-2571) และมีจุดเด่นจากการเป็นแหล่งพลังงานสำคัญของโลก


อีกทั้งความได้เปรียบด้านภูมิศาสตร์ที่อยู่กึ่งกลางระหว่างเอเชียกับยุโรป ทำให้เศรษฐกิจของประเทศกลุ่มนี้มี Potential ที่จะเติบโตต่อเนื่องได้ไม่ยาก นอกจากนี้ ยังมีตลาดแอฟริกา สินค้าเกษตรของไทยเป็นที่ต้องการจากความกังวลเรื่อง Food Security สะท้อนได้จากสินค้าส่งออกไทยหลายรายการเติบโตสูง อาทิ ข้าว (11 เดือนแรกขยายตัว 30%) ผลไม้กระป๋อง (22%) เป็นต้น รวมถึงสินค้าขั้นกลางที่ยังมีโอกาสขยายตัวได้ โดยเฉพาะการส่งออกไปตลาดแอฟริกาใต้ซึ่งเป็นศูนย์กลางการผลิตการลงทุนหลักของภูมิภาคนี้

“ตลาดรวย” ตลาดหลักที่มีกำลังซื้อสูงตลาดที่มีกำลังซื้อสูง โดยเฉพาะสหรัฐฯ ยุโรป และญี่ปุ่น มี Impact ต่อการส่งออกไทยสูงสุดด้วยสัดส่วนรวมกันกว่า 1 ใน 3 ของส่งออกรวม แม้หลายฝ่ายจะคาดว่าเศรษฐกิจของประเทศเหล่านี้จะชะลอลงในปี 2567 แต่ก็ไม่ถึงขั้น Recession เป็นเพียงการชะลอแบบ Soft Landing ประกอบกับการที่ธนาคารกลางสหรัฐฯ (Fed) และธนาคารกลางยุโรป (ECB) มีโอกาสที่จะปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายหลังเงินเฟ้อของสหรัฐฯ และยุโรปชะลอลงต่อเนื่องมาอยู่ที่ 3.1% และ 2.4% ตามลำดับ ขณะที่ Dot Plot ล่าสุด ณ เดือนธันวาคม 2566 ของ Fed ชี้ว่ามีแนวโน้มปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายถึง 3 ครั้ง ภายในปี 2567 อีกทั้งเป็นปีที่สหรัฐฯ จะมีการเลือกตั้งประธานาธิบดีในเดือนพฤศจิกายน 2567 ก็มักจะมีนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจออกมา สิ่งเหล่านี้จะช่วยบรรเทาต้นทุนทางการเงินและหนุนกำลังซื้อชาวอเมริกันให้ไปต่อ

ในส่วนของญี่ปุ่น แม้หลายฝ่ายคาดว่าจะมีโอกาสปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยจากติดลบมาเป็นบวกครั้งแรกในรอบกว่า 20 ปี แต่ก็ยังถือเป็นประเทศที่มีอัตราดอกเบี้ยต่ำที่สุดในโลก และหากมองอีกมุมหนึ่ง การปรับดอกเบี้ยขึ้นดังกล่าวอาจสะท้อนว่าญี่ปุ่นกำลังจะหลุดพ้นภาวะเงินฝืดที่กัดกินเศรษฐกิจญี่ปุ่นให้เติบโตเฉลี่ยไม่ถึง 1% มาอย่างยาวนาน สิ่งที่เกิดขึ้น สะท้อนถึงโอกาสใน 3 ตลาดดังกล่าวที่ยังมีอยู่และต้องรักษาไว้ แต่ผู้ส่งออกต้องสร้างจุดเด่น Embed กระแสนิยมใหม่ ๆ เข้าไป โดยเฉพาะกระแสรักษ์โลกที่สอดรับกับกฎระเบียบด้านสิ่งแวดล้อมในตลาดเหล่านี้ซึ่งจะเข้มงวดมากขึ้นทั้งมาตรการ CBAM EUDR CCA เป็นต้น

“ตลาดใกล้” ตลาดเพื่อนบ้านอย่างอาเซียนแม้การส่งออกของไทยไปตลาดนี้ในปี 2566 จะดูไม่สดใสนัก สะท้อนได้จากมูลค่าส่งออก 11 เดือนแรกหดตัว 8% จากปัจจัยด้านราคาที่ส่งผลต่อการส่งออกสินค้าสำคัญหลายรายการ อาทิ น้ำมันสำเร็จรูป เคมีภัณฑ์ เม็ดพลาสติก ผลิตภัณฑ์ยาง เหล็ก เป็นต้น แต่คงปฏิเสธไม่ได้ว่าภูมิภาคอาเซียนยังมีเศรษฐกิจที่เติบโตได้เฉลี่ย 4-5% ในช่วง 5 ปีข้างหน้า สูงเป็นอันดับต้น ๆ ของโลก และเป็นภูมิภาคที่ได้อานิสงส์มากที่สุดจากการย้ายฐานการผลิตของนักลงทุนต่างชาติเพื่อบรรเทาผลกระทบจาก Decoupling สะท้อนได้จากมูลค่า FDI Inflow ในภูมิภาคนี้เติบโตเฉลี่ย 20% ตั้งแต่เกิดโควิด-19 ซึ่งการที่ไทยมี Strategic Location ที่เป็นไข่แดงของภูมิภาคก็ถือเป็นความได้เปรียบที่จะสร้างโอกาสการค้าการลงทุนได้อีกมาก

โดยเฉพาะในตลาด CLMV (กัมพูชา สปป ลาว เมียนมา และเวียดนาม) ที่มีการเชื่อมโยง Supply Chain กับไทยในหลายอุตสาหกรรม ตลอดจนผู้บริโภคในประเทศเหล่านี้ก็มีวัฒนธรรมคล้ายไทยและยังได้รับอิทธิพล Soft Power จากไทยค่อนข้างมาก ก็ถือเป็นแรงส่งสำคัญที่จะช่วยหนุนการส่งออกสินค้าที่เกี่ยวเนื่องได้ โดยเฉพาะสินค้าอุปโภคบริโภค
ถึงเวลาที่ผู้ส่งออกไทยต้องเตรียมกลยุทธ์เชิงรุกเพื่อเจาะและกระจายตลาดส่งออกอย่างสมดุล ควบคู่ไปกับกลยุทธ์เชิงรับในการป้องกันความเสี่ยงต่าง ๆ โดย EXIM BANK พร้อมสนับสนุนผู้ประกอบการไทยอย่างครบวงจรเพื่อก้าวออกไปคว้าโอกาสใหม่ ๆ บนเวทีการค้าโลกที่เปิดกว้างมากขึ้นในปีมังกรกำลังจะมาถึง.-515 สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

เพลิงไหม้อาคารกองบัญชาการกองทัพไทย

กทม. 18 ก.ย.-เพลิงไหม้อาคารกองบัญชาการกองทัพไทย คาดไฟฟ้าลัดวงจรและลุกลามไปยังห้องข้างเคียง ไม่พบผู้บาดเจ็บหรือความเสียหายร้ายแรง เมื่อเวลา 06.00 น. วันที่ 18 ก.ย.68 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ได้เกิดเหตุห้องอาหาร 50 จากตู้ควบคุมวงจรไฟฟ้ามีเพลิงไหม้ (ไฟฟ้าลัดวงจร) และลุกลามไปยังพื้นที่ข้างเคียงตึกกองบัญชา บกทท. บริเวณชั้น6 ข้างห้อง เสธนาธิการทหาร เจ้าหน้าที่เวรยาม และสารวัตรทหาร ได้ช่วยกันใช้ถังดับเพลิงในการดับเพลิงแต่ไม่สามารถเข้าถึงต้นเพลิงในการระงับดับไฟได้ จึงได้ประสานรถตับเพลิงและขอส่วนสนับสนุนรถดับเพลิง นทพ. มาช่วยในการระดับดับเพลิง โดยมีเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องได้เข้าตรวจสอบและดำเนินการระงับเหตุในทันที เบื้องต้นสามารถควบคุมสถานการณ์ได้ พล.ต.วิทัย ลายถมยา โฆษกกองบัญชาการกองทัพไทย เปิดเผยว่า จากการตรวจสอบเบื้องต้น คาดว่าเกิดจากไฟฟ้าลัดวงจร ทั้งนี้ ยังไม่พบผู้ได้รับบาดเจ็บหรือความเสียหายร้ายแรงต่อโครงสร้างอาคารแต่อย่างใด กองบัญชาการกองทัพไทย ได้สั่งการให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการตรวจสอบข้อเท็จจริงอย่างใกล้ชิด และจะรายงานความคืบหน้าให้ประชาชนและสื่อมวลชนรับทราบต่อไป.-313.-สำนักข่าวไทย

โผ ครม. “อนุทิน” ลงตัว ไม่ถูกตีกลับ

กทม. 18 ก.ย.-โผ ครม. “อนุทิน” ลงตัว ไม่ถูกตีกลับ ขณะ “นายกฯ หนู” ยังนั่งดินเนอร์อาหารอีสานอย่างสบายใจ ท่ามกลางข่าวลือ ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อช่วงค่ำของวันที่ 17 ก.ย. มีกระแสข่าวลือว่ากระบวนการทูลเกล้าฯ รายชื่อคณะรัฐมนตรี ของนายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี มีปัญหา ถูกตีกลับ เนื่องจากพบรายชื่อว่าที่รัฐมนตรีบางคน ติดปัญหาคุณสมบัตินั้น ล่าสุด แหล่งข่าว ยืนยันว่า รายชื่อคณะรัฐมนตรี ที่นำทูลเกล้าฯไปนั้น ไม่ได้มีปัญหาแต่ย่างใด ทุกอย่างลงตัวเรียบร้อยตั้งแต่ช่วงเย็นวันที่ 16 ก.ย.ที่ผ่านมาแล้ว โดยเรื่องคุณสมบัติ ได้ผ่านการตรวจสอบจากสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกามาแล้ว ผู้สื่อข่าวรายงานอีกว่า ในช่วง ค่ำวันนี้ (17 ก.ย.) ปรากฏภาพ นายอนุทิน นั่งรับประทานอาหารอีสานอย่างสบายใจ ที่ร้านอาหารแห่งหนึ่งกับคนใกล้ชิด ท่ามกลางข่าวลือที่เกิดขึ้น.-319.-สำนักข่าวไทย

“รังสิมันต์” เบรกกัมพูชากลางวง AIPA หลังเสนอวาระเร่งด่วนปมเปิดด่าน

มาเลเซีย 17 ก.ย.- “รังสิมันต์” เบรกกัมพูชา กลางวงประชุม AIPA หลังเสนอวาระเร่งด่วนประเด็นขัดแย้งไทย-กัมพูชา หารือปมเปิดด่าน หวั่นเป็นประเด็นการเมือง-ละเอียดอ่อน ชี้ มีกระบวนการ IOT และ GBC อยู่แล้ว นายรังสิมันต์ โรม สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร แบบบัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน ในฐานะผู้แทนรัฐสภาไทยในการประชุมคณะกรรมการบริหาร AIPA กล่าวถึงข้อเสนอของกัมพูชาผ่านเวที AIPA ว่าเป็นการเสนอในระยะเวลากระชั้นชิดเป็นช่วงสุดท้าย ที่เปิดให้ประเทศสมาชิกเสนอวาระเร่งด่วนได้ ดังนั้นทีมไทยแลนด์ที่นำโดยนายฉลาด ขามช่วง เมื่อทราบ ข้อเรียกร้องของกัมพูชาจึงได้เตรียมการในเรื่องนี้ ซึ่งจากเดิมได้เรียกร้อง 2 ข้อ คือ 1. เรื่องเฉลยศึก ที่ทหารกัมพูชาถูกควบคุมตัว ในช่วงเวลาที่มีการปะทะ และ 2. เรื่องการเปิดด่านชายแดน แต่ท้ายที่สุดทางกัมพูชากลับเรียกร้องบนเวที AIPA เพียงเรื่องการเปิดด่านชายแดนเท่านั้น จึงรู้สึกแปลกใจว่าทำไมถึงหยิบยกมาเพียงเรื่องนี้ ในเมื่อกระบวนการของคณะผู้สังเกตการณ์ชั่วคราว หรือ IOT ผ่านไป และค่อนข้างราบรื่น ดังนั้นการหยิบยกประเด็นดังกล่าวมาพูดคุยอีกครั้ง จากการแก้ปัญหาแบบทวิภาคี ระหว่างไทย และ […]

แม่ใจสลาย รับร่างลูกสาววัย 2 เดือนถูกพิตบูลขย้ำ ส่งชันสูตร

อุทัยธานี 17 ก.ย. – ครอบครัวเศร้า ติดต่อรับร่างลูกสาววัย 2 เดือน ส่งชันสูตรหาสาเหตุการเสียชีวิต หลังถูกสุนัขพิตบูลลากไปขย้ำหัว ขณะแม่ไปเก็บของเก่าภายในโรงสี เจ้าของคาดเข้าใจผิดคิดว่าเป็นของเล่น นายฉัตรมงคล สุวรรณเศรษฐ์ เจ้าหน้าที่บรรเทาสาธารณภัยจังหวัดอุทัยธานี พร้อมด้วยมารดาของ ด.ญ.กัญญาภัทร อายุเพียง 2 เดือน ผู้เสียชีวิตจากการถูกสุนัขพันธุ์พิตบูลกัด รวมถึงญาติ เดินทางไปรับศพที่โรงพยาบาลหนองฉาง จ.อุทัยธานี ก่อนนำร่างส่งชันสูตร หาสาเหตุอย่างละเอียดอีกครั้งที่โรงพยาบาลสวรรค์ประชารักษ์ จ.นครสวรรค์ ทั้งนี้ เหตุดังกล่าวเกิดขึ้นเมื่อช่วงเวลา 15.00 น. วานนี้ (16 ก.ย.) ที่โรงรถของบ้านหลังหนึ่ง พื้นที่ หมู่ 15 บ้านโรงสีใหม่ ต.ทุ่งโพ อ.หนองฉาง จ.อุทัยธานี โดยเมื่อเจ้าหน้าที่เข้าตรวจสอบพบร่างเด็กน้อย อยู่บริเวณรางระบายน้ำ เจ้าของบ้านนำร่างเด็ก ส่งโรงพยาบาลไปก่อนหน้านี้ แต่เสียชีวิตในเวลาต่อมา โดยที่เกิดเหตุ ยังพบคราบเลือดและร่องรอยลากยาวราว 6 เมตร ไปถึงรางระบายน้ำ นอกจากนี้ ยังพบรถเข็นเด็ก พร้อมของเล่น […]

ข่าวแนะนำ

“อนุทิน” รับ “อันวาร์” ยกหูเชิญถกอาเซียน ยันไม่มีใครแทรกแซงรัฐบาลไทยได้

พรรคภูมิใจไทย 19 ก.ย.- “อนุทิน” รับ “อันวาร์” ยกหูหาเชิญร่วมประชุมอาเซียน ยันไม่มีใครเคลียร์-แทรกแซงรัฐบาลได้ หลัง “ฮุน มาเนต” ขอมาเลเซียเป็นตัวกลาง นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่นายอันวาร์ อิบราฮิม นายกรัฐมนตรีกัมพูชา ออกมาเปิดเผยว่าได้โทรศัพท์พูดคุยเป็นการส่วนตัว โดยนายอนุทิน ยอมรับว่า เมื่อวานนายอันวาร์ได้โทรมาหา พูดคุยถึงการเชื้อเชิญว่า ถ้าหากตนได้รับตำแหน่งเรียบร้อยแล้วคงจะได้พบกันโดยเร็วที่สุด ซึ่งจะเป็นการประชุมสุดยอดผู้นำอาเซียนในช่วงเดือนหน้า ส่วนการพูดคุยถึงสถานการณ์ชายแดนจังหวัดสระแก้ว นายอนุทิน ระบุว่า ไม่ได้มีการพูดคุยในรายละเอียด อีกทั้งตนยังไม่สามารถพูดอะไรได้มาก เนื่องจากยังไม่ได้เข้าถวายสัตย์ปฏิญาณก่อนปฏิบัติหน้าที่ ซึ่งขณะนี้ก็ยังคงมีรัฐบาลรักษาการ เราให้เกียรติกัน “ผมรับตำแหน่งได้ ก็ต่อเข้าเฝ้าทูลละอองธุลีพระบาท ถวายสัตย์ปฏิญาณก่อน ส่วนเรื่องนโยบาย ข้อสั่งการ ต้องรอการแถลงนโยบายต่อรัฐสภา ซึ่งขณะนี้เราก็ยังรวบรวมข้อมูลที่เป็นประโยชน์ไว้ให้มากที่สุด” นายอนุทิน กล่าว ส่วนกรณีที่นายฮุน มาเนต นายกรัฐมนตรีกัมพูชา ร้องขอไปยังนายอันวาร์ เพื่อให้เข้ามาแทรกแซงการเจรจานั้น นายอนุทิน ยืนยันว่า ไม่มีใครแทรกแซงรัฐบาลไทยและอธิปไตยของไทยได้ ส่วนเรื่องการพูดคุย นายอนุทิน ย้ำว่า เราสามารถทำได้ เพราะเป็นคนที่คุ้นเคยรู้จักกัน […]

“อนุทิน” กินข้าว “อภิสิทธิ์” ขอคำแนะนำอดีตนายกฯ

กทม. 19 ก.ย.- “อนุทิน” โพสต์ภาพร่วมโต๊ะกินมื้อกลางวันคู่กับ “อภิสิทธิ์” บอกขอคำแนะนำอดีตนายกฯ นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี โพสต์ภาพรับประทานอาหารกลางวันคู่กับ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ อดีตนายกรัฐมนตรีคนที่ 27 ที่ร้านอาหารแห่งหนึ่งเป็นการส่วนตัว พร้อมระบุข้อความว่า “ได้รับคำแนะนำที่มีประโยชน์และคุณค่ามากมายจากท่านนายกอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ที่ได้ให้เกียรติมาให้กำลังใจและทานอาหารกลางวันด้วยกันในวันนี้ ขอบพระคุณท่านมากครับ” ทั้งนี้ ถือเป็นความเคลื่อนไหวแรกของนายกรัฐมนตรี หลังจากที่มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ คณะรัฐมนตรีชุดใหม่ของนายอนุทิน เมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมา นอกจากนี้ยังมีอีกกระแสข่าว ที่เรียกร้องให้นายอภิสิทธิ์ กลับไปเป็นหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ -สำนักข่าวไทย

รวบยกแก๊ง 4 ชาวอังกฤษขับรถชิงทรัพย์ชาวอเมริกัน

ภูเก็ต 19 ก.ย. – วานนี้มีเหตุอุกอาจกลางเมืองภูเก็ต กลุ่มชายฉกรรจ์ขับรถชนรถจักรยานยนต์ของผู้เสียหายก่อนลงไปชิงนาฬิกาหรู มูลค่ากว่า 2 ล้าน เช้านี้ตำรวจรวบผู้ก่อเหตุได้ครบ เชื่อวางแผนทำกันเป็นขบวนการ.-สำนักข่าวไทย

ไทยยึดหลักสากล จัดการปมบ้านหนองหญ้าแก้ว

กระทรวงการต่างประเทศ 19 ก.ย.- “อนุทิน” แจงประธานอาเชียน เหตุบ้านหนองหญ้าแก้ว ไทยยืนยันยึดหลักสากล จัดการปัญหา กัมพูชาขัดข้อตกลงหยุดยิง ใช้ประชาชนเป็นโล่มนุษย์ ไร้มนุษยธรรม ไม่สร้างสรรค์ บิดเบือนข้อเท็จจริง พร้อมเรียกร้องกัมพูชาแสดงความจริงใจในการแก้ปัญหา นายนิกรเดช พลางกูล อธิบดีกรมสารนิเทศและโฆษกกระทรวงการต่างประเทศ แถลงสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา โดยเฉพาะในพื้นที่บ้านหนองหญ้าแก้ว อำเภอโคกสูง จังหวัดสระแก้ว ที่มีการรื้อถอนสิ่งกีดขวางของฝ่ายไทย และมีการปะทะจนมีเจ้าหน้าที่ไทยได้รับบาดเจ็บ ซึ่งถือเป็นการทำผิดกฎหมายไทยหลายมาตรา โดยย้ำว่าที่ผ่านมาฝ่ายไทยได้ปฏิบัติตามข้อตกลงหยุดยิงอย่างเคร่งครัดทุกประการมาโดยตลอด ข้อตกลงนี้เป็นหมุดหมายสำคัญที่จะปูทางไปสู่สันติภาพ แม้สถานการณ์สงบลง แต่กัมพูชายังยั่วยุในรูปแบบต่างๆ ซึ่งขัดข้อตกลงหยุดยิง พร้อมย้ำว่าการวางเครื่องกีดขวางเสริมความมั่นคง เป็นการดำเนินการในอธิปไตยของไทยอย่างชัดเจน โดยเจ้าหน้าที่ฝ่ายไทยอดกลั่น และใช้เวลาชี้แจงกับประชาชนกัมพูชา แต่ไม่เป็นผล ที่สุดเจ้าหน้าที่ควบคุมฝูงชนของไทยต้องเข้าระงับเหตุตามหลักสากล ตามหลักมนุษยชนการปลุกระดมให้ประชาชนมาเป็นโล่มนุษย์ ขัดกฎหมายระหว่างประเทศ ไร้มนุษยธรรม ขาดความรับผิดชอบ ไม่สร้างสรรค์ และไม่ยึดถือประโยชน์และความปลอดภัยของประชาชนเป็นที่ตั้ง นอกจากนี้ ทั้ง 2 ประเทศให้คำมั่นหยุดยิงไปแล้ว แต่กัมพูชาเลือกเส้นทางจากต่างไทยโดยสิ้นเชิง ไทยมุ่งมั่นแสวงหาสันติภาพ ซึ่งต่างจากกัมพูชาที่แสวงหาความรุนแรง การวางรั้วลวดหนามของฝ่ายไทย เป็นไปเพื่อป้องกันการปะทะ และเพื่อสร้างความปลอดภัยของประชาชนทั้ง 2 ฝ่าย เพื่อหลีกเลี่ยงการปะทะ และเหตุความรุนแรงอาจนำไปสู่การสูญเสีย […]