กรุงเทพฯ 12 ก.ย. – สภาผู้ส่งสินค้าทางเรือแห่งประเทศไทย (สรท.) ชี้เงินบาทแข็งค่ามากกว่าสกุลเงินอื่น หวั่นฉุดการเร่งเครื่องส่งออกโค้งสุดท้ายของปี จี้ ธปท.ดูแลค่าเงินให้สอดคล้องกับทิศทางค่าเงินของภูมิภาค เพื่อรับมือการแข่งขันรุนแรงในตลาดโลก
นายธนากร เกษตรสุวรรณ ประธานสภาผู้ส่งสินค้าทางเรือแห่งประเทศไทย (สรท.) กล่าวภายหลังการประชุมร่วม คณะกรรมการสภาผู้ส่งสินค้าทางเรือแห่งประเทศไทย และผู้บริหารธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ว่า สถานการณ์การส่งออกสินค้าจากเอเชียไปยังสหรัฐอเมริกา เริ่มมีทิศทางเติบโตลดลงจากช่วงครึ่งปีแรก สะท้อนจากตลาดขนส่งทางทะเลในเส้นทาง Trans-Pacific Eastbound ซึ่งแม้สายการเดินเรือจะเริ่มทยอยยกเลิกเที่ยวเรือ (Blank Sailing) แต่ยังคงมีระวางเหลืออยู่เป็นจำนวนมาก เนื่องจากการจองระวางเรือก่อนช่วง Golden Week ของจีนน้อยกว่าปีก่อนหน้าอย่างชัดเจน ซึ่งทดแทนด้วยการส่งสินค้าไปยังภูมิภาคอื่นของโลก และจะส่งผลให้การแข่งขันทางการค้าทั้งในตลาดโลกและในประเทศรุนแรงมากขึ้นในช่วงโค้งสุดท้ายของปี แต่ประเทศไทยกลับเสียเปรียบคู่แข่งสำคัญ เนื่องจากปัจจุบันค่าเงินบาทแข็งค่ามากกว่าสกุลเงินอื่น อาจทำให้เสียโอกาสในการเร่งเครื่องส่งออกโค้งสุดท้ายของปี
คณะกรรมการสภาผู้ส่งสินค้าทางเรือแห่งประเทศไทย ได้เสนอ 7 มาตรการเร่งด่วนเพื่อให้รัฐบาล ธนาคารแห่งประเทศไทย และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เร่งดำเนินการ ประกอบด้วย
1.ขอให้ ธปท. กำกับดูแลค่าเงินบาทให้มีเสถียรภาพ และสอดคล้องกับทิศทางค่าเงินของภูมิภาค
2.ขอให้รัฐบาลและ ธปท. ลดต้นทุนการประกอบธุรกิจ อาทิ อัตราดอกเบี้ยนโยบายและอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ของธนาคารพาณิชย์ ต้นทุนที่เกี่ยวข้องกับแรงงาน ต้นทุนพลังงาน และชะลอการออกกฎหมายหรือการเรียกเก็บค่าธรรมเนียมเพิ่มเติมจากการประกอบธุรกิจ
3.เร่งรัดการพิจารณาอนุมัติและเบิกจ่ายงบประมาณเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจในประเทศ และเพิ่มวงเงินงบประมาณสำหรับการจัดกิจกรรมส่งเสริมการค้าใน
4.เร่งแก้ไขปัญหาโลจิสติกส์การค้า โดยเฉพาะปัญหาความแออัดท่าเรือแหลมฉบังให้เป็นรูปธรรมและกำหนดแนวทางดำเนินงานของหน่วยงานที่เกี่ยวข้องตามข้อเสนอของภาคเอกชน
5.เพิ่มความเข้มงวดในการกำกับดูแลมาตรฐานสินค้านำเข้า เพื่อปกป้องความปลอดภัยของผู้บริโภคและให้มีการแข่งขันอย่างเป็นธรรมกับผู้ประกอบการในประเทศ
6.ตรวจสอบกฎแหล่งกำเนิดสินค้าสำหรับการลงทุนทางตรงจากต่างประเทศ และส่งเสริมให้ผู้ประกอบการไทยออกไปลงทุนในต่างประเทศและนำรายได้กลับเข้าสู่ประเทศผ่านมาตรการ Double Taxation
- สานต่อนโยบายที่ดีจากรัฐบาลที่ผ่านมา และมุ่งเน้นสร้างความโปร่งใสในการบริหารจัดการงบประมาณ เพื่อให้สามารถใช้งบประมาณให้เกิดความคุ้มค่าต่อประเทศมากที่สุด.-517-สำนักข่าวไทย