กรุงเทพฯ 9 มิ.ย.-ผลประชุม กกร.เสนอ 4 แนวทางให้ภาครัฐเร่งแก้ไขปัญหาการแพร่ระบาดโควิดด่วน พร้อมเร่งใช้เม็ดเงินอัดฉีดเศรษฐกิจทุกด้านอย่างเต็มทีและต่อเนื่อง แม้มีสัญญาณภาคการส่งออกไทยดีแต่ภาคเอกชนได้รับผลกระทบต้นทุนสูงในหลายด้านต่อเนื่อง
นายผยง ศรีวณิช ประธานสมาคมธนาคารไทย เป็นประธาน กกร. พร้อมด้วย นายสุพันธุ์ มงคลสุธี ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท. ) และนายสนั่น อังอุบลกุล ประธานกรรมการหอการค้าไทยร่วมประชุมและได้สรุปประเด็นแถลงข่าวร่วมกันถึงผลการประชุมในครั้งนี้ว่า ที่ประชุม กกร.ต้องการเห็นการควบคุมการระบาดที่ลุกลามไปสู่ภาคการผลิตให้ได้โดยเร็ว เนื่องจากสถานการณ์ COVID-19 ที่ระบาดระลอกล่าสุดช่วงไตรมาสที่ 2 ของปี 2564 ส่วนใหญ่อยู่ทางฝั่งเอเชีย เข่น ไต้หวัน มาเลเซีย เวียดนาม และไทย ซึ่งมีการกระจายวัคซีนค่อนข้างจำกัด ส่งผลให้จำนวนผู้ติดเชื้อกลับมาเร่งตัวขึ้นมาก และกระทบไปยังภาคการผลิตและห่วงโซ่อุปทานที่สำคัญ โดยเฉพาะอุตสาหกรรมที่ผลิตสินค้าขั้นกลางอย่างชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ และเซมิคอนดักเตอร์ สะท้อนจากดัชนีเครื่องชี้ภาคการผลิต PMI ของประเทศฝั่งเอเชียที่ปรับตัวชะลอลงในเดือนพฤษภาคม
อย่างไรก็ตาม กกร. ขอให้ภาครัฐดำเนินการในประเด็นเหล่านี้ คือ 1.เร่งฉีดวัคซีนให้ได้ตามเป้าหมายและบริหารจัดการมาตรการควบคุมโรคอย่างมีประสิทธิภาพ โดยเฉพาะในพื้นที่ที่ เป็นยุทธศาสตร์การท่องเที่ยว ไปพร้อมกับการเร่งออกแผนสนับสนุนการท่องเที่ยวตามรูปแบบของภูเก็ตแซนด์ บ็อกซ์ (Phuket Sandbox) ที่จะเปิดรับนักท่องเที่ยวต่างชาติที่ได้รับวัคซีน และทยอยขยายขอบเขตไปยังจังหวัด ท่องเที่ยวอื่นต่อไป ซึ่งหากสำเร็จเชื่อว่าจะช่วยให้การฟื้นตัวของเศรษฐกิจไทยเกิดขึ้นได้ในช่วงไตรมาสที่ 4 ของปีนี้ แทนที่จะเป็นไตรมาสที่ 1 ของปีหน้าตามที่หลายฝ่ายคาดการณ์ 2.เพิ่มมาตรการช่วยเหลือด้านกำลังซื้อภาคประชาชนในวงกว้าง โดยเฉพาะโครงการคนละครึ่ง ให้เข้ามาพยุงกำลัง ซื้อ ได้ในช่วงไตรมาสที่ 2 และ 3 โดยพิจารณาเพิ่มวงเงินสนับสนุนการใช้จ่ายจาก 3,000 บาทเป็น 6,000 บาท ซึ่งจะ ช่วยให้มีเม็ดเงินสะพัดในระบบเศรษฐกิจเพิ่มขึ้นจาก 90,000 ล้านบาท เป็น 180,000 ล้านบาท เมื่อรวมเม็ดเงินของ ประชาชนที่นำออกมาใช้จ่ายคู่กับเม็ดเงินจากโครงการคนละครึ่ง
4.พิจารณาแนวทางมาตรการยิ่งใช้ยิ่งได้ (E-voucher) ให้มีความยืดหยุ่นมากขึ้นจะช่วยผู้ประกอบการที่จดทะเบียน ภาษีมูลค่าเพิ่ม ให้มีความคล่องตัวมากขึ้น ให้ผู้บริโภคสามารถนำเงินที่ใช้จ่ายสำหรับซื้อสินค้าและบริการ มาใช้เพื่อ ลดหย่อนภาษีเงินได้โดยตรง ซึ่งเชื่อว่าจะอำนวยความสะดวกและดึงดูดกลุ่มผู้บริโภคที่มีกำลังซื้อสูงมากขึ้น จากที่ได้มีการนำมาตรการช่วยเหลือลูกหนี้ออกมาให้ธนาคารต่างๆ ดำเนินการ ทาง กกร. ได้รับทราบประเด็นปัญหาเกี่ยวกับมาตรการทั้งสองจากสมาชิก โดย กกร. กำลังอยู่ในระหว่างการหารือเพื่อหาแนวทางการปรับปรุงเงื่อนไขโครงการและหลักการทั้ง 2 เพื่อนำเสนอกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องต่อไป
ขณะที่ภาพรวมแนวโน้มการส่งออกในช่วงครึ่งปีหลังยังสดใสตามการฟื้นตัวของเศรษฐกิจและการค้าโลก รวมถึงการเพิ่มขึ้นของราคาสินค้าโภคภัณฑ์ โดยเฉพาะการส่งออกไปยังตลาดที่มีความคืบหน้าด้านการกระจายวัคซีนอย่างสหรัฐฯ ยุโรป และจีน ซึ่งเป็นเกือบร้อยละ 40 ของมูลค่าส่งออกทั้งหมด ต่อเนื่องจากในช่วง 4 เดือนแรกของปีที่มูลค่าการส่งออกไปยังตลาดดังกล่าวขยายตัวได้มากกว่าร้อยละ 10 นอกจากนี้ ราคาสินค้าโภคภัณฑ์ที่ปรับตัวเพิ่มขึ้นสูงกว่าค่าเฉลี่ยช่วงก่อนเกิดวิกฤตค่อนข้างมาก ยังเป็นแรงหนุนสำคัญให้มูลค่าส่งออกไทยในปีนี้ขยายตัวได้ดี ดังนั้น กกร. รวมทั้งสภาผู้ส่งสินค้าทางเรือแห่งประเทศไทย มองว่าต้นทุนค่าระวางเรือที่คาดว่าจะยังในระดับสูงต่อไปตลอดปีนี้ และการขาดแคลนตู้ส่งสินค้า เป็นปัญหาด้านโลจิสติกส์ที่สำคัญ ซึ่งต้องการความช่วยเหลือจากรัฐ ดังเช่น การอนุญาตให้เรือขนาดใหญ่ ความยาว 300 เมตรแต่ไม่เกิน400 เมตร เข้ามาในท่าเรือแหลมฉบัง ที่ช่วยบรรเทาการขาดแคลนตู้ส่งสินค้าได้ระดับหนึ่งไปแล้วก่อนหน้านี้ เป็นต้น
นอกจากนี้ เศรษฐกิจไทยยังต้องการแรงสนับสนุนจากทั้งนโยบายการเงินและการคลังเพิ่มเติม เศรษฐกิจในประเทศมีแนวโน้มฟื้นตัวได้ช้า โดยผู้ประกอบการในภาคท่องเที่ยวสะท้อนว่าผลกระทบจากการระบาดคราวนี้มีแนวโน้มรุนแรงมากกว่าทั้ง 2 ระลอกก่อนหน้า จากการแพร่ระบาดที่มีแนวโน้มยืดเยื้อและเข้ามาซ้ำเติมกิจกรรมทางธุรกิจให้แย่ลงต่อเนื่อง เช่นเดียวกับผู้ประกอบการภาคอสังหาริมทรัพย์และภาคการค้าที่สะท้อนว่าได้รับผลกระทบมากกว่า 2 ระลอกก่อนหน้าจากกำลังซื้อที่ลดลง ดังนั้น แรงสนับสนุนจากนโยบายการเงินและการคลังเพิ่มเติมเป็นสิ่งจำเป็น สอดคล้องกับรายงานของกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) ฉบับล่าสุดในเดือน มิ.ย. (Article IV Consultation) ที่เสนอแนะให้ประเทศไทยสามารถดำเนินการผ่อนคลายนโยบายการคลังมากขึ้น โดยเฉพาะการเร่งใช้จ่ายด้านการลงทุนภาครัฐ และมีความต่อเนื่อง ความรวดเร็วในการกระจายวัคซีนและนโยบายสนับสนุนที่เหมาะสมจะเอื้อต่อการฟื้นตัวของเศรษฐกิจในระยะต่อไป การเร่งกระจายวัคซีนในประเทศที่รวดเร็วและมีประสิทธิภาพ จะช่วยให้ภาคการผลิตและส่งออกไทยยังคงรักษาการเป็นฟันเฟืองหลักของเศรษฐกิจในภาวะวิกฤตเช่นนี้ และยังจะสร้างเสริมความเชื่อมั่นให้กับภาคธุรกิจและประชาชน ทำให้อุปสงค์ในประเทศกลับมาฟื้นตัวได้
ทั้งนี้ ที่ประชุม กกร. คงประมาณการเศรษฐกิจไทยปี 2564 เป็นขยายตัวในกรอบร้อยละ 0.5- 2.0 ด้านการส่งออก คาดว่าจะขยายตัวร้อยละ 5.0-7.0 ขณะที่อัตราเงินเฟ้อทั่วไปจะอยู่ในกรอบร้อยละ 1.0-1.2 เป็นต้น.-สำนักข่าวไทย