EIC ปรับลดจีดีพีไทยเหลือ 1.9%


กรุงเทพฯ 1 มิ.ย. – EIC ปรับลดประมาณการเศรษฐกิจไทยปี 2564 เล็กน้อยเป็น 1.9% จากเดิมคาดที่ 2.0% ตามการปรับลดจำนวนนักท่องเที่ยว และผลกระทบการระบาดในประเทศที่นานกว่าคาด แต่ได้รับปัจจัยสนับสนุนจากภาคส่งออกที่ฟื้นตัวแข็งแกร่ง และเม็ดเงินจากมาตรการภาครัฐที่จะเข้าช่วยพยุงเศรษฐกิจ


นายยรรยง ไทยเจริญ รองผู้จัดการใหญ่อาวุโส ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กลุ่มงาน Economic Intelligence Center (EIC) ศูนย์วิจัยเศรษฐกิจและธุรกิจ ธนาคารไทยพาณิชย์ กล่าวว่า EIC ประเมินเศรษฐกิจไทยปี 2564 มีแนวโน้มขยายตัวที่ 1.9% หรือปรับลดจากประมาณการเดิมที่ 2.0% หลังจากได้รับผลกระทบค่อนข้างมาก จากการระบาดระลอกใหม่ที่คาดว่าจะใช้เวลาประมาณ 4 เดือน (เมษายน-กรกฎาคม 2564) ในการควบคุม ซึ่งจะส่งผลให้การบริโภคภาคเอกชน โดยเฉพาะกิจกรรมทางเศรษฐกิจในลักษณะ face to face ลดลงมาก ขณะที่จำนวนนักท่องเที่ยวต่างประเทศปีนี้มีแนวโน้มลดต่ำกว่าคาดมาอยู่ที่ 400,000 คน แม้ทางการจะมีแผนเปิดประเทศในช่วงครึ่งหลังของปี เนื่องจากประเทศส่วนใหญ่ยังระมัดระวังในการเปิดให้ประชาชนเดินทางไปต่างประเทศ จากความกังวลต่อ COVID-19 สายพันธุ์ใหม่ ซึ่งจะยิ่งซ้ำเติมแผลเป็นต่อธุรกิจและแรงงาน โดยเฉพาะในภาคการท่องเที่ยวและธุรกิจที่เกี่ยวข้องมากยิ่งขึ้น อย่างไรก็ดี สาเหตุที่เศรษฐกิจจะไม่ชะลอลงมากจากคาดการณ์ครั้งก่อน เป็นผลจากแนวโน้มการส่งออกที่ขยายตัวอย่างแข็งแกร่งตามการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลก โดยเฉพาะเศรษฐกิจกลุ่มประเทศพัฒนาแล้วที่ฉีดวัคซีนได้เร็วกว่า รวมทั้งมาตรการความช่วยเหลือของภาครัฐ ทั้งจากวงเงิน 2.4 แสนล้านบาท ภายใต้พระราชกำหนดกู้เงิน 1 ล้านล้านบาท และวงเงินจากพระราชกำหนดกู้เงิน 5 แสนล้านบาท ที่ออกมาใหม่

EIC คาดว่าจะมีเม็ดเงินบางส่วนราว 1 แสนล้านบาท เข้าช่วยพยุงเศรษฐกิจเพิ่มเติมในปีนี้ ในภาพรวมเศรษฐกิจไทยจะยังฟื้นตัวอย่างช้า ๆ โดยเศรษฐกิจจะต้องรอถึงช่วงต้นปี 2566 จึงจะกลับไปเท่ากับระดับ GDP ก่อนเกิด COVID-19 รวมทั้งยังเผชิญกับปัจจัยเสี่ยงด้านต่ำสำคัญ ได้แก่ ระยะเวลาในการควบคุมการระบาดที่อาจนานขึ้น และความล่าช้าด้านการฉีดวัคซีน ซึ่งอาจทำให้การฟื้นตัวของเศรษฐกิจอ่อนแอและล่าช้าออกไปอีก ทั้งนี้ การเร่งฉีดวัคซีนเพื่อช่วยสร้างความเชื่อมั่นและฟื้นฟูเศรษฐกิจในระยะสั้น ควบคู่กับการผลักดันมาตรการปรับโครงสร้างเศรษฐกิจเพื่อรองรับ New Normal จึงมีความสำคัญอย่างยิ่งในการลดขนาดของความเสียหายทางเศรษฐกิจแบบถาวร (permanent output loss) ของเศรษฐกิจไทย


ส่วนเศรษฐกิจโลกมีแนวโน้มฟื้นตัวได้แข็งแกร่งในปีนี้ แต่จะมีความแตกต่างกันระหว่างประเทศต่าง ๆ ค่อนข้างมาก ขึ้นอยู่กับการควบคุมการระบาด ความเร็วของการฉีดวัควีน และขนาดของมาตรการภาครัฐในการกระตุ้นเศรษฐกิจเป็นสำคัญ EIC ประเมินเศรษฐกิจโลกในปี 2564 จะขยายตัว 5.8% ดีกว่าที่คาดไว้เดิมที่ 5.6% โดยการฟื้นตัวจะนำโดยเศรษฐกิจของกลุ่มประเทศพัฒนาแล้วที่มีความคืบหน้าในการฉีดวัคซีน จนทำให้สามารถควบคุมการระบาดได้ดีและผ่อนคลายมาตรการปิดเมืองได้ก่อน อีกทั้งกลุ่มประเทศพัฒนาแล้วจะได้แรงสนับสนุนจากมาตรการภาครัฐขนาดใหญ่ที่มีออกมาอย่างต่อเนื่อง ตลอดจนความเชื่อมั่นของผู้บริโภคที่ดีขึ้นจะทำให้ภาคครัวเรือนนำเงินออมส่วนเกินบางส่วนที่สะสมไว้ในช่วงปีที่แล้วมาทยอยใช้จ่ายเพิ่มเติมด้วย ขณะที่การฟื้นตัวของประเทศเศรษฐกิจเกิดใหม่ (EM) ส่วนใหญ่ยังคงช้ากว่า เนื่องจากอัตราการฉีดวัคซีนเป็นไปอย่างช้า ๆ ทำให้ภาครัฐยังต้องบังคับใช้มาตรการควบคุม (lockdown) ที่เข้มงวดยาวนานกว่า อีกทั้งมาตรการช่วยเหลือของภาครัฐจะมีขนาดที่เล็กกว่าตามข้อจำกัดเชิงนโยบาย เมื่อเทียบกับประเทศพัฒนาแล้ว

สำหรับเศรษฐกิจไทย มูลค่าส่งออกของไทยมีแนวโน้มฟื้นตัวแข็งแกร่งตามการปรับตัวดีขึ้นของเศรษฐกิจและการค้าโลก มูลค่าการส่งออกที่หักทองคำในช่วง 4 เดือนแรก ขยายตัวอย่างแข็งแกร่งที่ 12.8%YOY และกระจายตัวไปในกลุ่มสินค้าหลักเกือบทุกประเภท ทั้งนี้ เมื่อพิจารณาช่วงที่เหลือของปี แนวโน้มเศรษฐกิจโลกที่จะฟื้นตัวดี โดยเฉพาะประเทศพัฒนาแล้ว และราคาสินค้าส่งออกที่เร่งตัวขึ้นตามราคาสินค้าโภคภัณฑ์หลายประเภท จึงทำให้คาดว่าการส่งออกไทยจะขยายตัวดีต่อเนื่อง โดยเฉพาะในช่วงเดือนพฤษภาคม-กรกฎาคม ที่จะมีปัจจัยฐานต่ำเข้ามาสนับสนุนเพิ่มเติม ดังนั้น EIC จึงปรับประมาณการมูลค่าการส่งออกขยายตัวที่ 15.0% จากเดิมที่ 8.6% ทั้งนี้ การส่งออกที่ปรับดีขึ้น จะส่งผลดีต่อการฟื้นตัวของการลงทุนภาคเอกชนในส่วนของการลงทุนเครื่องมือเครื่องจักร แต่การลงทุนภาคเอกชนด้านการก่อสร้างยังมีแนวโน้มซบเซาต่อเนื่องตามการฟื้นตัวอย่างช้า ๆ ของภาคอสังหาริมทรัพย์

ในส่วนของภาคท่องเที่ยว EIC ปรับลดคาดการณ์จำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติปี 2564 เหลือ 400,000 คน จากเดิมที่เคยคาดไว้ที่ 1.5 ล้านคน โดยแม้ว่าไทยจะมีแผนการผ่อนคลายนโยบายเพื่อเปิดรับนักท่องเที่ยว เช่น Phuket sandbox แต่หลายประเทศทั่วโลกยังมีนโยบายการเปิดประเทศให้คนเดินทางเข้าออกที่ค่อนข้างระมัดระวัง เนื่องจากความกังวลด้านการระบาดของไวรัสสายพันธุ์ใหม่ ตัวอย่างเช่น สหราชอาณาจักร (UK) ที่แม้จะมีการฉีดวัคซีนให้กับคนในประเทศในระดับสูงแล้ว แต่ก็มีนโยบายการเดินทางเข้าออกประเทศที่รัดกุม


ด้านเศรษฐกิจในประเทศ จะได้รับความเสียหายจากการระบาดของ COVID-19 ในประเทศ ระลอกที่ 3 ที่มากกว่าคาด แม้ทางการจะหลีกเลี่ยงการใช้มาตรการ lockdown ที่เข้มงวดมาก เพื่อลดผลกระทบทางเศรษฐกิจ แต่การระบาดในระดับสูงต่อเนื่อง ทำให้ประชาชนมีความกังวล ส่งผลให้การเดินทางและกิจกรรมทางเศรษฐกิจลดลงค่อนข้างมาก สะท้อนจากเครื่องชี้เร็ว เช่น mobility data ต่าง ๆ นอกจากนั้น ในคาดการณ์รอบก่อน EIC เคยคาดไว้ว่า การระบาดระลอกที่ 3 จะใช้เวลาควบคุมราว 3 เดือน แต่จากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในช่วงที่ผ่านมา พบว่าสถานการณ์ปรับแย่ลงกว่าเดิม สะท้อนจากจำนวนผู้ติดเชื้อและคลัสเตอร์ต่าง ๆ ที่เพิ่มขึ้น จึงทำให้คาดว่าระยะเวลาในการควบคุมการระบาดจะยาวนานขึ้นเป็น 4 เดือน ซึ่งจะสร้างความเสียหายต่อการบริโภคภาคเอกชนราว 3.1 แสนล้านบาท ซึ่งรวมถึงผลกระทบต่อการท่องเที่ยวในประเทศที่ปรับลดลงอีกด้วย

สำหรับค่าเงินบาท ณ สิ้นปี 2564 EIC คาดว่ามีแนวโน้มอ่อนค่าลงจากสิ้นปีก่อนมาอยู่ในช่วง 31-32 บาท/ดอลลาร์สหรัฐ สำหรับความเสี่ยงด้านต่ำของเศรษฐกิจไทยในระยะถัดไป ประกอบไปด้วย 1) ระยะเวลาในการควบคุมการระบาดระลอกที่ 3 ที่อาจนานกว่าคาด รวมทั้งการระบาดรอบใหม่อาจเกิดขึ้นได้ ตราบใดที่ยังมีการฉีดวัคซีนในระดับต่ำ 2) ความล่าช้าในการฉีดวัคซีน และประสิทธิภาพของวัคซีนที่อาจมีไม่สูงพอ โดยเฉพาะกับไวรัสสายพันธุ์ใหม่ 3) การกลับมาระบาดหรือการระบาดรอบใหม่ในหลายประเทศทั่วโลก โดยเฉพาะกลุ่มประเทศในเอเชีย อาจส่งผลต่อการส่งออกของไทย และ 4) ผลของแผลเป็นเศรษฐกิจ ที่อาจมีมากกว่าคาด เช่น ภาวะหนี้เสียที่อาจปรับเพิ่มขึ้นมาก เป็นต้น โดย EIC ประเมินเศรษฐกิจไทยในอีก 2-3 ปีข้างหน้า ยังมีแนวโน้มฟื้นตัวช้า โดยเศรษฐกิจจะต้องรอถึงช่วงต้นปี 2566 จึงจะกลับไปเท่ากับระดับ GDP ก่อนเกิด COVID-19. – สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

โค้งสุดท้ายเลือกตั้ง นายก อบจ.อุบลฯ เดือด ส่งท้ายปี

ใกล้เข้ามาทุกขณะสำหรับการเลือกตั้งนายก อบจ.อุบลราชธานี วันอาทิตย์ที่ 22 ธันวาคมนี้ ซึ่งถือเป็นสนามเลือกตั้งท้องถิ่นขนาดใหญ่ส่งท้ายปีนี้ การแข่งขันดุเดือดเกินคาด ผู้สมัครต่างเร่งหาเสียงกันอย่างเต็มที่ โดยมีผู้สมัคร 4 คน ลงชิงชัย ไปติดตามบรรยากาศโค้งสุดท้ายว่าใครจะเป็นผู้คว้าชัย

ทอ.ส่ง F-16 ขึ้นบินป้องน่านฟ้า หลังมีอากาศยานไม่ทราบฝ่าย เหนือชายแดนไทย-เมียนมา

กองทัพอากาศส่งเครื่องบินขับไล่ F-16 ขึ้นบิน เพื่อพิสูจน์ฝ่ายและสกัดกั้นอากาศยานไม่ทราบฝ่าย บริเวณแนวชายแดนไทย-เมียนมา จ.ตาก

อุตุฯ เผยอีสาน-เหนือ อากาศหนาว กทม.อุณหภูมิลดลงเล็กน้อย

กรมอุตุฯ เผยภาคอีสาน ภาคเหนือ มีอากาศเย็นถึงหนาว ส่วนภาคกลาง ภาคตะวันออก ภาคใต้ตอนบน มีอากาศเย็นในตอนเช้า ส่วนกรุงเทพฯ-ปริมณฑล อุณหภูมิลดลงเล็กน้อย ขอให้ประชาชนบริเวณดังกล่าวดูแลรักษาสุขภาพเนื่องจากสภาพอากาศหนาวเย็น

lightened Christmas tree in front of U.S. Capitol

รู้จัก “ชัตดาวน์” ของสหรัฐและผลกระทบ

วอชิงตัน 20 ธ.ค.- หน่วยงานจำนวนมากของรัฐบาลสหรัฐเสี่ยงต้องปิดทำการชั่วคราว หรือที่เรียกว่า กัฟเวิร์นเมนต์ ชัตดาวน์ (government shutdown) หลังผ่านพ้นเที่ยงคืนวันนี้ (20 ธันวาคม) ตามเวลาสหรัฐ หากรัฐสภาไม่สามารถผ่านร่างงบประมาณฉบับใหม่ได้ทันเวลา หลังจากสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐลงมติไม่เห็นชอบร่างงบประมาณฉบับใหม่เมื่อวานนี้ สาเหตุที่เสี่ยงชัตดาวน์ ปกติแล้วรัฐสภาสหรัฐ ซึ่งประกอบด้วยสภาผู้แทนราษฎรและวุฒิสภาจะต้องจัดสรรงบประมาณให้แก่หน่วยงานรัฐบาลกลางทั้งหมด 438 แห่งก่อนวันที่ 1 ตุลาคมของทุกปี แต่ที่ผ่านมาสมาชิกรัฐสภามักทำไม่ได้ตามกำหนดเวลา และมักผ่านร่างงบประมาณชั่วคราวเพื่อให้หน่วยงานรัฐบาลสามารถดำเนินการได้ต่อไปในระหว่างที่สมาชิกรัฐสภาหารือกันเพื่อผ่านร่างงบประมาณจริง ร่างงบประมาณชั่วคราวฉบับปัจจุบันจะหมดอายุเมื่อเข้าสู่เช้าวันเสาร์ตามเวลาสหรัฐ สมาชิกรัฐสภาพรรครีพับลิกันและพรรคเดโมแครตเตรียมร่างกฎหมายที่จะขยายเวลาไปจนถึงวันที่ 14 มีนาคม 2568 แต่นายโดนัลด์ ทรัมป์ ว่าที่ประธานาธิบดีเรียกร้องให้สมาชิกรัฐสภาพรรครีพับลิกันลงมติไม่เห็นด้วย และเมื่อวันพฤหัสบดีที่ผ่านมา สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐลงมติไม่เห็นชอบร่างงบประมาณที่เสนอใหม่ ดังนั้นหากรัฐสภาไม่สามารถผ่านร่างงบประมาณฉบับใหม่ได้ก่อนที่ร่างงบประมาณชั่วคราวฉบับปัจจุบันจะหมดอายุ ก็จะเกิดการชัตดาวน์ เพดานหนี้ที่ทรัมป์ต้องการให้แก้ นายทรัมป์ยังต้องการให้สมาชิกรัฐสภาแก้ปัญหาเรื่องการกำหนดเพดานหนี้ประเทศให้รัฐบาลสามารถกู้ยืมได้มากขึ้น ก่อนที่เขาจะสาบานตนรับตำแหน่งประธานาธิบดีในวันที่ 20 มกราคม 2568 รัฐสภาสหรัฐเป็นผู้กำหนดเพดานหนี้สาธารณะที่อนุญาตให้รัฐบาลก่อหนี้ แต่เนื่องจากรัฐบาลมักใช้จ่ายมากกว่ารายได้ที่ได้จากการจัดเก็บภาษี สมาชิกรัฐสภาจึงต้องคอยแก้ปัญหานี้เป็นครั้งคราว รัฐสภาสหรัฐกำหนดเพดานหนี้สาธารณะครั้งแรกในปี 2482 โดยกำหนดไว้ที่ 45,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ราว 1.55 ล้านล้านบาทในปัจจุบัน) และนับจากนั้นเป็นต้นมาได้ขยายเพดานหนี้แล้วทั้งหมด 103 […]

ข่าวแนะนำ

ฟรีคอนเสิร์ต “มหานครคัลเลอร์ฟูลปาร์ตี้ 2025” ส่งสุขรับปีใหม่

ส่งความสุขรับปีใหม่ กับฟรีคอนเสิร์ต “มหานครคัลเลอร์ฟูลปาร์ตี้ 2025” ศิลปินลูกทุ่งเกือบ 100 ชีวิต ร่วมโชว์จัดเต็ม

เลือกตั้งนายก อบจ.อุบลฯ “กานต์” ส่อเข้าป้าย

เลือกตั้งนายก อบจ.อุบลราชธานี “กานต์” หมายเลข 1 จากเพื่อไทย ส่อเข้าป้าย ด้าน ปชน. แถลงยอมรับยังไม่เป็นที่ไว้วางใจ ส่วนอุตรดิตถ์ “ชัยศิริ” อดีตนายก อบจ. ส่อเข้าวิน

เด้ง ตร.จราจร ปมคลิปรับเงินแลกไม่เขียนใบสั่ง

ผบก.ภ.จว.นนทบุรี สั่งย้าย “รอง สว.จร.สภ.รัตนาธิเบศร์” เซ่นคลิปรับเงินแลกไม่ออกใบสั่ง พร้อมตั้งกรรมการสอบข้อเท็จจริงภายใน 3 วัน ด้านเจ้าตัวอ้างไม่เห็นเงินที่วางบนโต๊ะในตู้ควบคุมสัญญาณไฟจราจร