สงกรานต์ 64 ยอดคนใช้ขนส่งสาธารณะ 7.3 ล้านคน

กรุงเทพฯ 26 เม.ย. – ก.คมนาคม พอใจผลการให้บริการและอำนวยความสะดวกการเดินทางช่วงเทศกาลสงกรานต์ 64 พบประชาชนใช้ระบบขนส่งสาธารณะเดินทาง 7.3 ล้านคน และสถิติอุบัติเหตุลดลง 20%


นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม เปิดเผยภายหลังเป็นประธานการประชุมติดตามผลการดำเนินงานตามแผนอำนวยความสะดวกและความปลอดภัยรองรับการเดินทางของประชาชนช่วงเทศกาลสงกรานต์ พ.ศ. 2564 ผ่านการประชุมทางไกล (Video Conference) ด้วยระบบ Zoom Cloud Meetings โดยมีนายชยธรรม์ พรหมศร ปลัดกระทรวงคมนาคม คณะผู้บริหารกระทรวงคมนาคม หน่วยงานในสังกัดกระทรวงคมนาคม และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง 20 หน่วยงาน เข้าร่วม

นายศักดิ์สยาม กล่าวว่า ช่วงเทศกาลสงกรานต์ พ.ศ. 2564 ระหว่างวันที่ 10-16 เมษายน 2564 ระยะเวลารวม 7 วัน สามารถดำเนินการได้ตามเป้าหมาย ทั้งการให้บริการการเดินทางด้วยระบบขนส่งสาธารณะ และบนโครงข่ายถนน ตามเป้าหมายให้ประชาชนเข้าถึงง่าย มีบริการที่เพียงพอและไม่ล่าช้า เน้นดูแลรักษาความปลอดภัยในการให้บริการขนส่งสาธารณะอย่างเข้มงวด ดำเนินการตรวจความพร้อมระบบขนส่งสาธารณะ รวมถึงเข้มงวดมาตรการป้องกันการแพร่ระบาดของ COVID-19 รวมทั้งบริหารจัดการจราจรทางถนนช่วงเทศกาลสงกรานต์ 2564 ให้มีความคล่องตัวและปลอดภัย โดยอุบัติเหตุทางถนนลดน้อยลงจากช่วงเทศกาลปีใหม่ที่ผ่านมา เป็นการลดความสูญเสียชีวิตและทรัพย์สินของประชาชนจากอุบัติเหตุทางถนน


นายศักดิ์สยาม กล่าวว่า จากการรวบรวมข้อมูลสถิติการเดินทางด้วยระบบขนส่งสาธารณะในช่วงเทศกาลสงกรานต์ พ.ศ. 2564 ที่ผ่านมา พบว่า ประชาชนเดินทางด้วยระบบขนส่งสาธารณะ ได้แก่ รถโดยสารสาธารณะ รถไฟ เรือโดยสาร และเครื่องบิน รวมจำนวน 7.3 ล้านคน

ส่วนสถิติอุบัติเหตุ พบว่าในช่วงเทศกาลสงกรานต์ 2564 มีรถโดยสารสาธารณะที่เกิดอุบัติเหตุ 4 คัน และรถไฟเกิดอุบัติเหตุ 5 ครั้ง รวมมีผู้เสียชีวิตจากอุบัติเหตุขนส่งสาธารณะ จำนวน 9 ราย ซึ่งกระทรวงคมนาคมได้มอบหมายหน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินตามกฎหมาย รวมถึงเยียวยาผู้ประสบเหตุอย่างเหมาะสม ทั้งนี้ จากการเกิดอุบัติเหตุใหญ่จากขนส่งสาธารณะที่เกิดขึ้น กระทรวงคมนาคมจะนำไปถอดบทเรียนเพื่อปรับปรุงการบริการขนส่งสาธารณะให้เกิดความปลอดภัยมากยิ่งขึ้น เพื่อไม่ให้เกิดเหตุการณ์อีกในอนาคต

สำหรับการเดินทางบนโครงข่ายถนนของกระทรวงคมนาคม จากการรวบรวมสถิติการเดินทางบนโครงข่ายถนนของกระทรวงคมนาคม พบว่ามีจำนวนลดลง โดยประชาชนเดินทางเข้า-ออกกรุงเทพมหานคร บนถนนทางหลวงสายหลักและทางหลวงพิเศษระหว่างเมือง ช่วงเทศกาลสงกรานต์ พ.ศ. 2564 ระหว่างวันที่ 10-16 เมษายน 2564 รวม 7 วัน รวมจำนวน 6,469,748 คัน หรือประมาณ 920,000 คัน/วัน ลดลงจากช่วงเทศกาลปีใหม่ที่ผ่านมา ประมาณ 140,000 คัน


สำหรับการอำนวยความสะดวกให้กับประชาชนในการยกเว้นการจัดเก็บค่าธรรมเนียมผ่านทางในช่วงเทศกาลสงกรานต์ 2564 โดยบนมอเตอร์เวย์ หมายเลข 7 และหมายเลข 9 ตั้งแต่วันที่ 9-16 เมษายน 2564 รวมระยะเวลา 8 วัน พบว่ามีรถที่ใช้บริการรวมจำนวน 4.28 ล้านคัน และบนทางพิเศษ 5 สายทาง ได้แก่ ทางพิเศษบูรพาวิถี (บางนา-ชลบุรี) และทางพิเศษกาญจนาภิเษก (บางพลี-สุขสวัสดิ์) ตั้งแต่วันที่ 9-16 เมษายน 2564 รวมระยะเวลา 8 วัน พบว่ามีรถใช้บริการรวมจำนวน 2.05 ล้านคัน สำหรับทางพิเศษศรีรัช ทางพิเศษอุดรรัถยา และทางพิเศษเฉลิมมหานคร ตั้งแต่วันที่ 13-15 เมษายน 2564 รวมระยะเวลา 3 วัน พบว่ามีรถใช้บริการรวมจำนวน 1.73 ล้านคัน

ดังนั้น สถิติการเกิดอุบัติเหตุบนโครงข่ายถนนของกระทรวงคมนาคม ในช่วงเทศกาลสงกรานต์ พ.ศ. 2564 ที่มีปริมาณการเดินทางของประชาชนลดลง ทำให้สถิติการเกิดอุบัติเหตุบนโครงข่ายถนนของกระทรวงคมนาคม ระหว่างวันที่ 10-16 เมษายน 2564 ลดน้อยลงมากกว่าร้อยละ 20 เมื่อเทียบกับช่วงเทศกาลสงกรานต์ก่อนหน้าทั้ง 3 ปี (พ.ศ. 2560-2562) ทั้งนี้ การเกิดอุบัติเหตุทางถนนบนโครงข่ายถนนของกระทรวงคมนาคม ส่วนใหญ่ยังมีสาเหตุมาจากพฤติกรรมการใช้ความเร็วเกินกว่าที่กฎหมายกำหนด การไม่สวมหมวกนิรภัยของผู้ขับขี่ และการดื่มแล้วขับ

สำหรับการเปิดให้ประชาชนทดลองใช้บริการเดินทางฟรีบนทางหลวงพิเศษระหว่างเมือง สายบางปะอิน-นครราชสีมา (M6) ช่วงปากช่อง-สีคิ้ว ระยะทาง 35.75 กิโลเมตร ในช่วงเทศกาลสงกรานต์ รวมระยะเวลา 11 วัน พบว่ามีรถยนต์เลี่ยงไปใช้บริการสาย M6 จำนวน 206,105 คัน คิดเป็น 18.84% ของปริมาณรถบนถนนมิตรภาพ ขาเข้า-ออกกรุงเทพมหานคร  

นายศักดิ์สยาม กล่าวด้วยว่า กระทรวงคมนาคมจะนำข้อมูลและสถิติการเกิดอุบัติเหตุที่ได้ไปจัดทำแผนอำนวยความสะดวกและความปลอดภัยรองรับการเดินทางของประชาชนในช่วงเทศกาลวันหยุดยาวต่างๆ ให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุด หากสถานการณ์การแพร่ระบาด COVID-19 ของประเทศไทยคลี่คลายไปในทิศทางที่ดีขึ้น และประชาชนมีแนวโน้มเดินทางมากขึ้นในช่วงปลายเดือนกรกฎาคม 2564 ซึ่งเป็นช่วงวันหยุดต่อเนื่องในวันเข้าพรรษาและวันอาสาฬหบูชา กระทรวงคมนาคมจะเตรียมความพร้อมของหน่วยงานในสังกัด เพื่อรักษาประสิทธิภาพการให้บริการคมนาคมขนส่งแก่ประชาชนให้ได้รับความสะดวกในการเดินทาง และถึงที่หมายอย่างปลอดภัยต่อไป. – สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

“บิ๊กเต่า” ชี้พิรุธหมอดูชื่อดังเปิดใช้ชื่อวัดรับบริจาค แต่วัดเบิกไม่ได้

บช.ก. 6 ส.ค. – “บิ๊กเต่า” ชี้พิรุธหมอดูชื่อดัง เปิดรับบริจาค ใช้บัญชีชื่อวัด แต่หมอดูเบิกได้คนเดียว ตามกฎหมายทำไม่ได้ ต้องนำบัญชีมาตรวจสอบเส้นเงิน พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รองผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (รอง ผบช.ก.) เปิดเผยถึงกรณีที่มีหมอดูชื่อดังได้เปิดรับบริจาคเงินโดยใช้บัญชี ชื่อวัดพระบาทน้ำพุ แต่คนที่สามารถถอนเงินออกจากบัญชีได้คือหมอดูคนดังกล่าว ทำให้ประชาชนเกิดข้อสงสัยว่า ทำไมเปิดรับบริจาคใช้ชื่อวัดแต่วัดถอนเงินไม่ได้ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ กล่าวว่า ตอนนี้มีผู้เสียหายได้มาร้องขอความเป็นธรรมที่ กองกำกับการ 1 กองบังคับการปราบปราม เรื่องหมอดูคนดังกล่าว และได้มีการพูดคุยกับผู้กำกับกอง 1 ซึ่งกำลังตรวจสอบอยู่ มีการอ้างว่านำเงินไปให้เจ้าอาวาส อยู่ระหว่างการตรวจสอบ และจะต้องมีการเช็คว่านำเงินไปให้เจ้าอาวาสจริงหรือไม่ และเจ้าอาวาสนำเงินไปใช้อะไร เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่ากรณีนี้จะเข้าข่ายคดีฉ้อโกงหรือไม่ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ บอกว่า คิดว่าน่าจะเข้าข่ายคดีฉ้อโกง แต่ก็ต้องตรวจสอบดูว่าเงินที่รับบริจาคมาเอาไปให้เจ้าอาวาสจริงหรือไม่ และถ้าเอาไปให้จริง เจ้าอาวาสนำเงินไปใช้จ่ายอะไรบ้าง ผู้สื่อข่าวถามอีกว่ากรณีที่หมอดูคนดังกล่าว นำชื่อวัดมารับบริจาคเงินแต่หมอดูคนดังกล่าวกับเบิกเงินได้คนเดียว ทั้งที่ชื่อในบัญชีที่รับบริจาคเป็นชื่อวัดกระทำได้หรือไม่ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ บอกว่าทำไม่ได้ ถ้าใช้ชื่อบัญชีรับบริจาคเป็นชื่อวัดก็ต้องนำเงินไปให้วัดแล้วคนที่เบิกได้ก็ต้องเป็นวัดเท่านั้น เพราะเป็นเงินวัด เดี๋ยวจะต้องมีการนำบัญชีดังกล่าวมาตรวจสอบว่าเงินที่เข้าในบัญชีเท่าไหร่และวัดได้เท่าไหร่ และการรับบริจาคในลักษณะนี้ ต้องมีกรรมการวัดในการตรวจสอบบัญชี ให้ละเอียด ไม่ใช่อยากรับบริจาคก็จะทำได้เลย. -415-สำนักข่าวไทย

บุกค้นบริษัท ยึดโดรน-อุปกรณ์ตัดสัญญาณรวมกว่า 200 ชิ้น

กทม. 6 ส.ค.-ตำรวจกองปราบ ร่วมกับ กสทช. บุกค้นบริษัทใน จ.สมุทรปราการ ยึดโดรน และอุปกรณ์ตัดสัญญาณรวมกว่า 200 ชิ้น ตำรวจกองบังคับการปราบปราม ร่วมกับเจ้าหน้าที่ กสทช. และพนักงานสืบสวนจังหวัดสมุทรปราการ เข้าตรวจค้นบริษัทแห่งหนึ่ง ในอำเภอเมืองสมุทรปราการ หลังพบขัอมูลว่ามีบริษัทแห่งนี้ผลิตอุปกรณ์ และมีอากาศยานไร้คนขับโดรนไว้จำนวนมาก ต่อมาเมื่อแสดงหมายเพื่อขอตรวจค้น นายกฤษนันท์ ได้แสดงตัวเป็นกรรมการผู้จัดการของบริษัทดังกล่าว เป็นผู้นำตรวจค้น จากการตรวจค้นพบอากาศยานไร้คนขับ หรือโดรน 29 เครื่อง, กระเป๋าตรวจจับสัญญาณ 38 อัน, ปืนรบกวนสัญญาณ 129 กระบอก, เครื่องรบกวนสัญญาณ 16 เครื่อง, รถตู้สำหรับตรวจจับและรบกวนสัญญาณ 1 คัน และอุปกรณ์อื่นๆ ที่เกี่ยวข้องอีก 50 รายการ โดยของกลางทั้งหมดจะถูกนำไปเก็บไว้ที่กองบังคับการตำรวจสอบสวนกลาง เพื่อนำไปตรวจสอบความถี่ และเอกสารที่เกี่ยวข้อง สำหรับบริษัทดังกล่าว ตำรวจให้ข้อมูลว่า มีเจ้าของโรงงานเป็นคนสัญชาติสิงคโปร์ และมีกรรมการเป็นชาวไทยร่วมด้วย ประกอบกิจการผลิตอุปกรณ์ และอากาศยานไร้คนขับโดรน.-สำนักข่าวไทย

มหาดไทย เตรียมชง ครม. เด้ง 2 อธิบดีสายน้ำเงิน

กทม 5 ส.ค.-มหาดไทย เตรียมชง ครม. เด้ง 2 อธิบดีสายน้ำเงินอีก “ขจรเกียรติ” ผู้ว่าฯ ฉะเชิงเทรา ผงาดคุมที่ดิน “เชษฐา” คุม ปภ. โยก “ภาสกร” นั่งผู้ว่าฯ ระยอง ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) วันนี้ กระทรวงมหาดไทย เตรียมเสนอให้ ครม.พิจารณาเห็นชอบรวม 5 ตำแหน่ง ประกอบด้วย นายพรพจน์ เพ็ญพาส อธิบดีกรมที่ดิน เป็นรองปลัดกระทรวงมหาดไทย นายเชษฐา โมสิกรัตน์ รองปลัดกระทรวงมหาดไทย เป็นอธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย นายขจรเกียรติ รักพานิชมณี ผู้ว่าฯ ฉะเชิงเทรา เป็นอธิบดีกรมที่ดิน นายภาสกร บุญญลักษม์ อธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย เป็นผู้ว่าฯ ระยอง และนายไตรภพ วงศ์ไตรรัตน์ ผู้ว่าฯ ระยอง เป็นผู้ว่าฯ เพชรบุรี.-319.-สำนักข่าวไทย

เปิดปฏิบัติการค้น 200 จุด ล่าพระทำผิดกฎหมาย

กทม. 5 ส.ค.-ตำรวจสอบสวนกลาง เปิดปฏิบัติการทำนุบำรุงพระพุทธศาสนา ลุยค้น 200 จุดทั่วประเทศ ไล่ล่าจับพระทำผิดกฎหมาย 181 เป้าหมาย ล่าสุดจับพระวัดดังย่านคลอง 6 ปทุมธานี พบเอี่ยวองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผบช.ก. ในฐานะหัวหน้าศูนย์ป้องกันปราบปรามภัยคุกคามและเสริมสร้างความมั่นคงทางพระพุทธศาสนา สั่งการ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รอง ผบช.ก. นำกำลังเจ้าหน้าที่หน่วยงานในสังกัด บช.ก. เปิดปฏิบัติการกวาดลานวัด เข้าตรวจค้นพื้นที่เป้าหมาย กว่า 200 จุด เพื่อจับกุมผู้ต้องหาคดีต่างๆ อาทิ ยักยอกทรัพย์ ฟอกเงิน เมาแล้วขับ หรือ มีส่วนเกี่ยวข้องกับขบวนการยาเสพติด รวมไปถึงองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ ที่หลบหนีมาบวชเป็นพระซ่อนตัวตามวัดต่างๆ ทั่วประเทศ โดยกลุ่มผู้ต้องหาที่เป็นเป้าหมายหลักของปฏิบัติการครั้งนี้ มีด้วยกันทั้งหมด 181 ราย แบ่งเป็น ผู้ต้องหาที่ยังมีสถานะเป็นพระ 154 ราย ในจำนวนนี้มีพระตำแหน่งสูงสุดเป็นระดับเจ้าอาวาส ส่วนผู้ต้องหาที่เคยเป็นพระแต่สึกไปแล้วมีทั้งหมด 27 ราย ซึ่งขณะนี้เจ้าหน้าที่อยู่ระหว่างการเข้าดำเนินการจับกุม อย่างไรก็ตามขณะนี้มีรายงานว่า จากปฏิบัติการดังกล่าวขณะนี้เจ้าหน้าที่สามารถจับกุมตัวผู้ต้องหาคนสำคัญได้รายหนึ่งแล้ว […]

ข่าวแนะนำ

ศาลอาญาฯ อนุญาตปล่อยตัวชั่วคราว “ไฮโซลูกนัท”

กรุงเทพฯ 7 ส.ค. – ศาลอาญาพระโขนง อนุญาตปล่อยตัวชั่วคราว “ไฮโซลูกนัท” ตีราคาประกัน 100,000 บาท หลังตำรวจนำตัวฝากขัง คดียาเสพติด และ พ.ร.บ.อาวุธปืนฯ พนักงานสอบสวน สน.คลองตัน ยื่นคำร้องต่อศาลอาญาพระโขนง ฝากขังครั้งที่ 1 นายธนัตถ์ หรือ ไฮโซลูกนัท อายุ 33 ปี ผู้ต้องหาคดีกระทำผิดเกี่ยวกับยาเสพติด และ พ.ร.บ.อาวุธปืนฯ โดยศาลอนุญาตฝากขังตามคำร้อง ซึ่งวันนี้ผู้ต้องหาได้ยื่นคำร้องขอปล่อยชั่วคราว ศาลพิจารณาแล้วมีคำสั่งอนุญาตปล่อยตัวชั่วคราว ตีราคาประกัน 100,000 บาท โดยผู้ต้องหานำเงินสดเป็นหลักประกันตนเอง.-สำนักข่าวไทย

รมว.ต่างประเทศ ย้ำทูตไทยทั่วโลกแจงผลประชุม GBC

7 ส.ค. – รมว.ต่างประเทศ ถกทูตไทยทั่วโลก ชื่นชมผลประชุม GBC กำชับทูตไทยทั่วโลกทำงานเชิงรุก เดินหน้าชี้แจงข้อเท็จจริง บนพื้นฐานของหลักฐานเชิงประจักษ์ ชี้ “ความจริงจะชนะทุกสิ่ง” นายมาริษ เสงี่ยมพงษ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ เป็นประธานการประชุมแบบออนไลน์ ร่วมกับ เอกอัครราชทูตไทย ผู้แทนสถานเอกอัครราชทูต และคณะผู้แทนถาวรไทยในต่างประเทศจาก 70 ประเทศทั่วโลก และกรมต่างๆ เพื่อชี้แจงสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา ทั้งผลการประชุมคณะกรรมการชายแดนทั่วไป General Border Committee หรือ GBC ที่ประเทศมาเลเซีย พร้อมมอบนโยบายและแนวทางในการดำเนินการของกระทรวงฯ และสำนักงานในต่างประเทศ เพื่อแก้ไขปัญหาสถานการณ์ชายแดนดังกล่าวอย่างบูรณาการร่วมกัน นายมาริษ กล่าวถึงผลของการประชุม GBC และข้อตกลงที่เห็นพ้องร่วมกันทั้ง 13 ข้อ ว่าเป็นพัฒนาการและก้าวสำคัญสำหรับการเจรจาการหยุดยิง บรรลุเป้าหมายที่ต้องการในเบื้องต้น ซึ่งต้องขอบคุณมาเลเซีย สหรัฐอเมริกา และจีน ณ ที่นี้ด้วย โดยกระทรวงพร้อมให้การสนับสนุนกระทรวงกลาโหมในการดำเนินการเจรจาต่อไป ซึ่งที่ผ่านมาได้สนับสนุนการดำเนินงานของกระทรวงกลาโหม และทำงานร่วมกันอย่างใกล้ ตั้งแต่การเป็นฝ่ายเลขาฯ การร่างเพื่อเสนอกรอบข้อตกลง โดยหลังจากนี้ไทยพร้อมเปิดรับการเจรจาทวิภาคีผ่านช่องทางทางการทูต เพื่อสนับสนุนภารกิจของกระทรวงกลาโหม ภายใต้เงื่อนไขว่าฝ่ายกัมพูชาเคารพและดำเนินการตามข้อตกลงของการเจรจาหยุดยิงต่อไป […]

ชาวบ้านยังไม่วางใจ แม้บรรลุข้อตกลงหยุดยิง

อุบลราชธานี 7 ส.ค. – ชาวบ้านในพื้นที่ชายแดน จ.อุบลราชธานี ยังไม่วางใจสถานการณ์ แม้ผลประชุม GBC ไทย-กัมพูชา ทั้ง 2 ชาติเห็นพ้องข้อตกลงหยุดยิงแล้ว ค่ำคืนนี้หลายหมู่บ้านยังคงมีคำเตือนให้ออกนอกพื้นที่ หลังบางส่วนทยอยกลับเข้ามา .-สำนักข่าวไทย

กต.อัปเดตสถานการณ์ไทย-กัมพูชา กับทูตไทยทั่วโลก

กระทรวงการต่างประเทศ 7 ส.ค. – กต. นำผลประชุม GBC อัปเดตสถานการณ์ไทย-กัมพูชา กับทูตไทยทั่วโลก เพื่อชี้แจงรัฐบาล-องค์การระหว่างประเทศ พร้อมประเมินระดับความเข้าใจของนานาชาติถึงสถานการณ์ ป้องกันการบิดเบือนข้อมูล นายนิกรเดช พลางกูร อธิบดีกรมสารนิเทศและโฆษกกระทรวงการต่างประเทศ แถลงข่าวเกาะติดพัฒนาการสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา โดยได้สรุปผลการประชุมคณะกรรมการชายแดนทั่วไป (General Border Committee : GBC) ไทย-กัมพูชา สมัยวิสามัญ ซึ่งนำโดย พลเอก ณัฐพล นาคพาณิชย์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหม หัวหน้าคณะผู้แทนไทย โดยมีผู้แทนจากมาเลเซีย สหรัฐอเมริกา และจีน ร่วมสังเกตการณ์ ซึ่งการประชุมเป็นกลไกหารือทวิภาคีระหว่างไทย-กัมพูชา ทั้งนี้ ก่อนการประชุม GBC ประธาน GBC ของทั้ง 2 ฝ่าย ได้เข้าเยี่ยมคารวะ นายอันวาร์ อิบราฮิม นายกรัฐมนตรีมาเลเซีย โดยได้ยืนยันว่ามาเลเซีย รวมถึงประเทศสมาชิกอาเซียนต่างๆ เห็นตรงกันว่าสนับสนุนให้ใช้กลไกทวิภาคีแก้ไขปัญหาระหว่างไทย-กัมพูชา สอดคล้องกับท่าทีของไทย ทั้ง 2 ฝ่ายตกลงปฏิบัติตามข้อตกลงหยุดยิงอย่างเคร่งครัด โดยไม่เสริมกำลังเพิ่ม หลีกเลี่ยงการกระทำที่ยั่วยุทั้งทางการทหาร […]