นนทบุรี 5 ก.พ.-กระทรวงพาณิชย์เผยเงินเฟ้อมกราคมที่ผ่านมา ยังคงติดลบ แต่น้อยลง สาเหตุกลุ่มอาหารสดราคายังสูง แต่น้ำมัน ค่าเอฟทีไฟฟ้าและข้าวสารลดลงรวมถึงประชาชนระมัดระวังใช้จ่ายช่วงโควิด ชี้ปีนี้เงินเฟ้อกลับมาบวกร้อยละ 1.2-1.7
นางพิมพ์ชนก พิตต์ฟิลต์ ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและยุทธศาสตร์การค้า หรือ สนค. กระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยถึงดัชนีราคาผู้บริโภคทั่วไป หรือ เงินเฟ้อเดือนมกราคม 2564 เทียบกับเดือนเดียวกันปีก่อนลดลงร้อยละ 0.34 ติดลบน้อยลงเป็นเดือนที่ 4 เป็นผลจากการเพิ่มขึ้นของกลุ่มอาหารสด ความต้องการสูงและราคาสุกรความต้องการบริโภคในตลาดต่างประเทศยังต้องการเพิ่มขึ้น ขณะที่ราคากลุ่มพลังงานโดยเฉพาะน้ำมันลดลงเมื่อเที่ยบกับปีที่ผ่านมารวมถึงจากมาตรการรัฐช่วยประชาชนด้านลดอัตราค่าไฟฟ้าเอฟทีจากปัญหาโควิดระบาดรอบ 2
ส่วนสินค้าอุปโภค-บริโภคอื่น ๆ ยังเคลื่อนไหวสอดคล้องกับปริมาณสินค้า ความต้องการ แต่สินค้าโดยรวมไม่ได้ปรับขึ้นไปมากมีเพียงผักสดขึ้นเล็กน้อยตามฤดูกาล ถือว่าไม่ผิดปกติแต่อย่างใด ยกเว้นกลุ่มสินค้าเหล็กในตลาดโลกที่ปรับตัวสูงขึ้น ทำให้กลุ่มวัสดุก่อสร้างไทยมีการปรับตัวสูงขึ้นไปบ้างในช่วง 1-2 เดือนที่ผ่านมา
ทั้งนี้ เหตุผลหลักที่ทำให้อัตราเงินเฟ้อยังติดลบต่อเนื่องแต่น้อยลงเป็นเดือนที่ 4 มีปัจจัยมาจากปัญหาความกังวลเกี่ยวกับโควิด-19 แต่ขณะนี้ แม้ตัวเลขผู้ติดเชื้อแต่ละวันยังสูงอยู่บ้าง แต่โดยภาพรวมก็ไม่ทำให้เกิดความกังวลจนทำให้ภาคธุรกิจหยุดชงักไป และยังมองว่าเงินเฟ้อในเดือนกุมภาพันธ์นี้ จะกลับมาดีเพราะมีสัญญาณการจับจ่ายใช้สอยของประชาชนในด้านต่าง ๆ สูงขึ้น ประกอบกับเป็นช่วงเทศกาลตรุษจีนและจากมาตรการช่วยเหลือของภาครัฐผ่านโครงการต่าง ๆ จะส่งผลให้กำลังซื้อของประชาชนกลับมาเพิ่มมากขึ้น และจะมีเม็ดเงินจัดซื้อจัดจ้างภาครัฐจะเข้าสู่ระบบภาคธุรกิจมากขึ้น
อย่างไรก็ตาม อัตราเงินเฟ้อในช่วงไตรมาสแรกปี 2564 มีแนวโน้มติดลบ แต่จะติดลบไม่มากนัก ซึ่งคาดว่าจะเป็นบวกในไตรมาสที่เหลือได้ แม้ว่าจะเกิดโควิด-19 รอบใหม่ แต่ก็มีความหวังเร็ว ๆนี้ไทยจะสามารถฉีดวัคซีนปัองกันโควิดได้ รวมทั้งขณะนี้ไม่มีการกักตุนสินค้า ราคาสินค้าไม่สูงจึงทำให้ราคาสินค้าและบริการไม่ได้ฉวยโอกาสปรับราคาสูงขึ้นไปมากแต่อย่างใด โดยสนค.คาดการณ์ว่าอัตราเงินเฟ้อในปี 2564 จะเป็นบวกเฉลี่ยอยู่ที่ร้อยละ 1.2-1.7 โดยมีค่ากลางอยู่ที่ร้อยละ 0.7 ซึ่งมีปัจจัยจีดีพีของประเทศติดบวกร้อยละ 3.5-4.5 อัตราแลกเปลี่ยน 30.0-32.0 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ ราคาน้ำมันจะอยู่ที่ 40-50 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล โดยในส่วนน้ำมันจะรอดูสถานการณ์ของตลาดโลกก่อนในช่วงไตรมาสแรก ซึ่งอาจจะรับขึ้นตามราคานำ้มันในตลาดโลกได้ และจะต้องติดตามปัจจัยหลักทั่วโลกมีวัคซีนป้องกันโควิด-19 ได้อย่างชัดเจนทำให้เศรษฐกิจโลกจะกลับมาดีขึ้นได้.-สำนักข่าวไทย